Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Subdural Hemorrhage; (Lt SDH) - Coggle Diagram
Subdural Hemorrhage; (Lt SDH)
ยาที่ผู้ได้รับในปัจจุบัน
Cefazolin 2 q stat
ผลข้างเคียง
มีพิษต่อไต พิษต่อระบบประสาท โดยเฉพาะในรายที่ได้รับยาติดต่อกันเป็นเวลานานหรือขนาดสูง ผื่นคัน มีจุดเลือดออก ไข้ หนาวสั่น
การพยาบาล
1.ซักประวัติเกี่ยวกับการใช้ยา ในกรณีที่มีประวัติแพ้ยาเพนิซิลลิน
2.ให้รับประทานยาพร้อมอาหารหรือนมป้องกันการระคายเคือง
กระเพาะอาหาร
3.ติดตามอาการข้างเคียง เช่น มีผื่น มีจุดเลือดออก เป็นต้น
Omeprazole 40 mg iv stat
ผลข้างเคียง
ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ไอ
ปากแห้ง ท้องอืด ปวดท้อง หน้ามืด
การพยาบาล
แนะนำผู้ป่วยหากมีอาการข้างเคียงต่าง ๆ หรือเกิดอาการรุนแรงขึ้น เช่น ผื่น ขึ้นหายใจลำบาก หน้าบวม ให้รีบบอกแพทย์
Nicardipine (1:5) iv rate 5 ml/hr
อาการข้างเคียง
ใจสั่น ร้อนวูบวาบ หน้าแดง หัวใจเต้นช้า ปวดศีรษะ มึนงง นอนไม่หลับ
การพยาบาล
1.ให้กลืนยาทั้งเม็ด ห้ามเคี้ยว หรือบดเม็ดยาให้แตก
2.ให้สังเกตและบันทึกสัญญาณชีพ
3.ให้เคลื่อนไหวช้าๆจากท่านั่งเป็นยืน นั่งเป็นนอน
หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น และการขับรถรับ
Dilantin 500 mg iv stat
ผลข้างเคียง
ตากระตุก เดินเซ มึนงง สับสน ตาพร่า นอนไม่หลับ
มือสั่น หงุดหงิด ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
การพยาบาล
1.ให้ผู้ป่วยระวังอุบัติเหตุจากอาการง่วงนอน มึนซึม
2.รับประทานยาพร้อมอาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
3.ระวังการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ในผู้ป่วนเบาหวาน
vit k 30 mg iv stat
ผลข้างเคียง
อาเจียน ร้อนวูบวาบ ปวดหน้าอก ตัวเหลือง
การพยาบาล
1.แนะนำให้ผู้ที่เป็นโรคที่ขาดวิตามินเค รับประทานอาหารที่มีวิตามินเคสูง หากเป็นชนิดฉีดควรฉีดเข้ากล้ามเนื้อมากกว่าเข้าหลอดเลือดดำ
ติดตามอาการหลังทำการให้ยาและสังเกตอาการข้างเคียงที่พบ
ข้อมูลผู้ป่วย
ชื่อผู้ป่วย
ผู้ป่วยชายไทย อายุ47ปี สถานภาพ สมรส
อาชีพ รับจ้าง
อาการสำคัญที่มาโรงพยาบาล (chief complain :CC)
3วันก่อนมาโรงพยาบาล ผู้ป่วยพูดช้า ถามตอบช้า เวียนศรีษะ
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน(Present illness : P.I.)
รับ refer จากโรงพยาบาลคลองหลวงแจ้งว่า 3day PTA (31/08/64)ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ พูดช้า เดินช้า ภรรยาสังเกตเห็นว่าผิดปกติ จึงพาไปคลินิก รักษา HT เมื่อวันที่3/09/64 อาการไม่ดีขึ้น จึงพาไปคลินิกไป MRI ผลเป็น A large subdural hematoma at lt cerebral 15.8 x 2 x 2.2 cm
โรคประจำตัว
โรคเก๊าท์ (Gout).
ประวัติการแพ้
ปฏิเสธการแพ้ยา
ปฏิเสธการอาหาร
การวินิจฉัยโรค(Diagnosis:DX)
Subdural Hemorrhage; (Lt SDH)
subdural hematoma
พยาธิ
ภาวะนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยมากมักเกิดจากการได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจนเกิดการฉีกขาดของหลอดเลือดดำ (bridging vein) ซึ่งรับเลือดจากผิวของเนื้อสมองแล้วทอดไปยังแอ่งเลือดดำ dural sinuses ที่อยู่ใต้เยื่อหุ้มสมอง dura เมื่อ bridging vein ฉีกขาด
จะทำให้มีเลือดออกสะสมอยู่ใต้เยื่อหุ้มสมองชั้น dura อันทำให้พบก้อนเลือดใต้เยื่อหุ้มสมองได้บ่อยในบริเวณสมองส่วน frontotemporal region. อย่างไร ก็ตาม มีโอกาสที่จะเกิดก้อนเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองจากการฉีกขาดของหลอดเลือดแดงได้ร้อยละ 20-30 โดยบริเวณที่เลือดแดงไหลออกมาสะสมเป็นก้อนเลือด มักเป็นบริเวณใต้เยื่อหุ้มสมองแถวกลีบสมองส่วน temporoparietal.
ความหมาย
คือ ก้อนเลือดที่สะสมอยู่ระหว่างเยื่อหุ้มสมองชั้น dura กับเนื้อสมอง ซึ่งพบบ่อยที่สุดในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
ภาวะแทรกซ้อน
สมองบวม
ภาวะความดันในสมองสูง
สาเหตุ
การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ซึ่่งมักสัมพันธ์กับอุบัติเหตุทางรถยนต์การตกจากที่สูง และการถูกทําร้ายร่างกาย
ชนิดของภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง แบ่งได้ 3 ชนิด
1.ระยะเฉียบพลัน Acute subdural haematoma (SDH)
อาการจะเกิดทันทีหลังจากได้รับอุบัติเหตุที่ศีรษะ
โดยมากผู้ป่วยจะมาพบแพทย์ด้วยอาการหมดสติหรือมีการเปลี่ยน แปลง ของระดับความรู้สึกตัวอย่างชั่วคราว ที่เรียกว่า lucid interval ซึ่งพบได้ถึงร้อยละ 50-70 ส่วนอาการอื่นๆ ที่อาจพบได้อีกก็อาจเป็นอาการปากเบี้ยวแขนขาอ่อนแรงรูม่านตาผิดปกติหรืออาการของเนื้อ สมองบวม
3.ระยะเรื้อรัง Chronic subdural haematoma (SDH)
มักจะเกิดอาการหลังจากได้รับอุบัติเหตุไปแล้ว 2-3 สัปดาห์
ร้อยละ 45 ของผู้ป่วยมักมาด้วยอาการแขนขาออนแรง
ร้อยละ 50 ของผู้ป่วยอาจมาด้วยมีการเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัวหรือสับสน ผู้ป่วยบางรายอาจมาด้วยอาการหลงลืม หรือจําไม่ได้ว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นก็ได
2.ระยะรองเฉียบพลัน (subacute subdural hematoma ) อาการเกิดขึ้นในช่วง 24 ชั่วโมงแรกจนถึง 2 สัปดาห์
ผู้ป่วยมักมีอาการปวดศีรษะ มีระดับความรู้สกตึ ัวลดลง หรืออาการแขนขาอ่อนแรง
ปัจจัยเสี่ยง
สมองขาดเลือด
ติดสุรา
ผู้สูงอาย
การใช้ยาละลาย
ลิ่มเลือด
โรคเลือดออก
ผิดปกติชนิดhemophilia
อาการและอาการแสดง
ระดับความรู้สึกตัวเลวลง การสังเกตอาการผ้ป่วยวย ระดับความรู้สึกตัว
การเปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพ เมื่อความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้น จะพบวjาสัญญาณชีพปลี่ยนแปลง คือความดันโลหิตสูงขึ้น โดยเฉพาะ systolic pressure ชีพจรชาลงการหายใจไมjสม่ําเสมออาการที่พบ 3อย่างนี้เรียกว่าคูชชิ่งรีเฟล็ก ( cushing’s reflex )
อาการที่เกิดจากการเพิ่มความดันภายในกะโหลกศีรษะที่สําคัญมี 3 อยางคือ ปวดศีรษะ(headache)
อาเจียน (vomiting) ตามัว หนาที่การทํางานของระบบประสาทเสื่อมลง
การรักษา
แนวทางการรักษาผู้ป่วยแบ่งเป็น 2 ลักษณะ
ลักษณะของผู้ป่วยที่ไม่ต้องได้รับการผ่าตัด
ผู้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์มีก้อนเลือดเล็กๆ ภายในกะโหลกศีรษะ หรือมีสมองช้ําเพียงตําแหน่งเดียว มีก้อนเลือด (acute subdural hematoma) บางกว่า10มิลลิเมตร ไม่ก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในสมอง หรือมีการกดเบียดบริเวณช่องน้ําไขสันหลังที่อยู่รอบแกนสมอง
ลักษณะของผู้ป่วยที่ต้องได้รับการผ่าตัด
ผู้ป่วยมีกะโหลกศีรษะแตกยุบแบบเปิด หรือกะโหลกศีรษะแตกยุบแบบปิด มีการบาดเจ็บที่เนื้อสมอง มีก้อนเลือดภายในกะโหลกศีรษะหรือบริเวณที่สมองบวมช้ํา มากกว่า40 มิลลิเมตร หรือผู้ป่วยรู้สึกตัว ทําตามสั่งได้และหายใจได้เองแต่มีอาการ ดังนี้ความรู้สึกตัวเลวลง มีอาการทางระบบประสาท มีอาการปวดศีรษะเพิ่มขึ้นอย่างมากคลื่นไส้หรืออาเจียน ในผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว ไม่ทําตามสั่ง ใส่ท่อช่วยหายใจ
ชนิดการผ่าตัด
Burr hole
คือ การผ่าตัดโดย เจาะกะโหลกศีรษะด้วยสว่านชนิดพิเศษเพื่อระบายเลือดหรือของเสีย จากใต้ชั้น dura เพื่อที่จะทํา ventriculostomy, craniotomy หรือ craniectomy
Craniotomy
คือ การทําผ่าตัดโดยใช้สว่านพิเศษเอา bone flap ออกเพื่อเปิด duraเอาก้อนเลือดออก เสร็จแล้วเย็บ bone flap และ skin flap ไว้เหมือนเดิม
3.craniectomy
คือ การผ่าตัดกะโหลกศีรษะ ซึ่งคือขั้นตอนการผ่าตัดทางการแพทย์ที่ผ่าตัดเพื่อเปิดกะโหลกศีรษะโดยที่ขนาดกระดูกกะโหลกศีรษะจะถูกตัดออกขึ้นอยู่กับความต้องการการเข้าถึงสมองของแพทย์ craniotomy เป็นขั้นตอนการผ่าตัดที่อาจใช้รักษาเช่น เนื้องอกในสมอง ลิ้มเลือด การเอาวัตถุแปลกปลอมเช่นกระสุนปืนออกจากสมองเป็นต้น และขั้นตอนจะจบลงด้วยการปิดรูกะโหลกศีรษะด้วยส่วนของกระดูกที่ถูกผ่าออกไปด้วยการยึดกับแผ่นโลหะกับสกรู ถ้าการผ่าตัดไม่จบลงด้วยปิดกะโหลกศีรษะ จะเรียกว่า craniotomy
การปฏิบัติการพยาบาลและเหตุผล
(Nursing Intervention)
การพยาบาลผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การพยาบาลเพื่อลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยและญาติโดยการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้ป่วยและพยาบาล วางแผนร่วมมือกับแพทย์ ในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับพยาธิสภาพของโรค ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัด ปลอบโยนและอธิบายให้ผู้ป่วยและญาติทราบเพื่อลดความวิตกกังวลให้เซ็นและให้ญาติเซ็นต์ใบยินยอมรับการผ่าตัด เพื่อป้องกันการฟ้องร้องที่จะเกิดขึ้นภายหลังได้
การเตรียมร่างกาย เตรียมบริเวณผ่าตัด ทําความสะอาดบริเวณที่จะผ่าตัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
งดอาหารและน้ําทางปากให้สารน้ำทางหลอดเลือดดําและยาตามแผนการรักษาของแพทย์
การเตรียมเลือด ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจทางรังสีประเมินผู้ป่วยตามแบบประเมินผู้ป่วยทางระบบประสาท จัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆให้พร้อมทันทีที่ผู้ป่วยเกิดภาวะช็อค
การเตรียมสิ่งแวดล้อมเพื่อรับผู้ป่วยกลับจากห้องผ่าตัด ควรจัดให้ผู้ป่วยอยู่ใกล้ที่ทํางานพยาบาลเตียงผู้ป่วยควรจะเป็นเตียงที่ไม่มีที่กั้นหัวเตียง ทั้งนี้เพื่อสะดวกในการให้การพยาบาล เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ให้พร้อม
การพยาบาลผู้ป่วยหลังผ่าตัด
ประเมินสภาพผู้ป่วย อาการและอาการแสดงทางระบบประสาท ตามแนวทางการดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดสมอง ให้ข้อมูลแก่ครอบครัวเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วย
จัดท่านอนศีรษะสูง 30 องศา โดยให้คออยู่ในแนวตรง ไม่บิด ซึ่งจะช่วยป้องกันการอุดตันของjugular vein ส่งผลให้เลือดดำไหลกลับหัวใจได้ดีขึ้นเพิ่มการหายใจเพื่อลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด(hyperventilation)
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
4.เฝ้าระวังอาการเละอาการแสดงของการเลี่ยนแปลงความดันในกะโหลกศีรษะ การไหลเวียนของน้ำไขสันหลังการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง รวมถึงภาวะสมองบวมช้ำหรือการมีน้ำไขสันหลังคั่งในโพรงสมอง โดยประเมินจากอาการและอาการแสดง ค่าความดันกำซาบเนื้อเยื่อสมองหรือจาก ICP monitoring
ดูแลให้ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ โดยรักษาระดับ PacO ให้อยู่ในช่วง 35-45 มิลลิเมตรปรอทดูแลอุณหภูมิร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ ไม่ให้มีไข้ โดยรักษาอุณหภูมิให้ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส และเฝ้าระวังการเกิดการบาดเจ็บที่สมองระยะที่สอง
ดูแลด้านโภชนาการให้เหมาะสม โดยปรึกษาโภชนากรรเพื่อกำหนดอาหาร และดูแลให้ได้รับสารอาหารตามแผนการรักษาอย่างเพียงพอ เพื่อรักษาภาวะโภชนาการให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ การเริ่มให้สารอาหารโดยเร็วกายใน 5 วันแรก จะช่วยลดอัตราการติดเชื้อและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ควรระวังการให้สารอาหารมากเกินความต้องการ รวมถึงการป้องกันภาวะขาดสารอาหาร นอกจากนี้ควรดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ลดการใช้พลังงาน
อธิบายผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น และให้ครอบครัวร่วมเฝ้าระวังอาการและอาการแสดงทางระบบประสาทที่ผิดปกติเช่น มีไข้ เหงื่อออกมาก กระสับกระส่าย กระวนกระวายหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หายใจเร็ว มีการเกร็งหรือยืดเหยียดแขนขาที่ผิดปกติ หากพบความผิดปกติ ให้รีบรายงาน
อธิบายผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการเฝ้าระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นหลังได้รับการผ่าตัด โดยให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการออกแบบการดูแล เพื่อป้องกันอันตรายหรือภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะและให้ข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดตกแต่งเพื่อปิดกะโหลกศีรษะ(cranioplasty) ซึ่งจะทำในช่วงหลังได้รับบาดเจ็บ 2-6 เดือน
ป้องกันการเกิดภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน (deep vein thrombosis) โดยเฉพาะผู้ที่ใส่ท่อช่วยหายใจ โดยประเมินความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกอุดตัน ซึ่งภาวะนี้สามารถป้องกันได้โดยการช่วยออกกำลังกายบนเตียง และดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาตามแผนการรักษา และเฝ้าระวังผลข้างเคียงจากการให้ยา โดยติดตามประเมินความเสี่ยงซ้ำภายใน 24 ชั่วโมง
ประเมินความวิตกกังวลของผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับการเจ็บป่วย ความต้องการการช่วยเหลือในด้านต่างๆ และดูแลให้ได้รับการตอบสนองตามความต้องการ หรือจัดหาข้อมูลที่จำเป็นในการสนับสนุนให้ผู้ป่วยและครอบครัวได้รับการช่วยเหลือตามความเหมาะสมทั้งนี้ต้องมีการเตรียมความพร้อมสำหรับญาติผู้ดูแลผู้ป่วยบาดเจ็บที่สมองในระยะนี้ด้วย
การวินิจฉัยทางการพยาบาล
(Nursing Diagnosis)
เสี่ยงต่อภาวะความดันในกะโหลกศรีษะเพิ่มขึ้น เนื่องจาก
มีเลือดออกในสมอง
ข้อมูลสนับสนุน
SD : ผู้ป่วยบอกว่ามีอาการปวดศรีษะ
OD : ผู้ป่วยมีอาการพูดช้า คิดช้า
วัตถุประสงค์
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะความดันในกระโหลกศรีษะสูง
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยปลอดภัย ความดันในกะโหลกศีรษะอยู่ในเกณฑ์
การปฏิบัติการพยาบาลและเหตุผล
(Nursing Intervention)
1.จดบันทึกสัญญาณชีพและประเมินอาการทางระบบประสาททุก 15 นาที30 นาที และ 1 ชั่งโมง
2.ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำและยาทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา บันทึกการเข้าการออกของสารน้ำ ป้องกันน้ำเกิน
3.จัดท่าให้ผู้ป่วยหงายคอไม่พับ ดูแลทางเดินหายใจให้โล่งให้ผู้ป่วย
ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ จัดท่านอนศีรษะสูง 15 - 30 องศาเพื่อช่วยให้เลือดแดงไปเลี้ยงสมองได้ดี และช่วยให้เลือดดำจากศรีษะไหลกลับสู่หัวใจได้ดี ป้องกันการดั่งของเลือดในสมอง
4.สังเกตสีผิว ริมฝีปากเล็บมือ เล็บเท้าของผู้ป่วย ยกไม้กั้นเตียงขึ้นทุกครั้งเมื่อเสร็จกิจกรรมพยาบาล ระวังไม่ให้ศีรษะถูกกระแทก
5.ให้การพยาบาลด้วยความนุ่มนวล ลดกิจกรรมการพยาบาลที่จะเพิ่ม
ความดันในกะโหลกศีรษะ เช่น ไม่ผูกยึดผู้ป่วยติดกับเตียงโดย
ไม่จำเป็น ไม่กระตุ้นให้ผู้ป่วยไอหรืออาเจียน งดน้ำ อาหาร และยาทางปากเพื่อป้องกันการสำลักและอาเจียน ซึ่งจะทำให้ความดันใน
กะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น
ผู้ป่วยและญาติมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับอันตรายที่เกิดขึ้นขณะผ่าตัดและหลังผ่าตัด
วัตถุประสงค์
ญาติผู้ป่วยไม่มีสีหน้ากังวล และสามารถปฏิบัติตนได้ถูกต้อง
เกณฑ์การประเมินผล
ญาติผู้ป่วยคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของผู้ป่วย
การปฏิบัติการพยาบาลและเหตุผล
(Nursing Intervention
1.สร้างสัมพันธภาพกับญาติผู้ป่วยด้วยท่าทีที่เป็นมิตร เพื่อให้ญาติรู้สึกอบอุ่น และคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของผู้ป่วย
3.เปิดโอกาสให้ญาติของผู้ป่วยได้ซักถามเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของผู้ป่วยและระบายความรู้สึก บอกให้ญาติของผู้ป่วยทราบเป็นระยะเกี่ยวกับอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย ขั้นตอน และแผนการรักษาพยาบาล
ต่างๆ ที่ผู้ป่วยได้รับ และให้ญาติมีส่วนร่วมในการดูแลผู้ป่วย
4.แจ้งให้ญาติทราบว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ และพยาบาลตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ขณะที่ผู้ป่วยรับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อให้ญาติเกิดความมั่นใจ และคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับอาการบาคเจ็บของผู้ป่วย
2.ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อหลังการผ่าตัด
ข้อมูลสนับสนุน
OD
มีแผลผ่าตัดที่ศีรษะ
ผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะ
วัตถุประสงค์
ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
การปฏิบัติการพยาบาลและเหตุผล
(Nursing Intervention)
ตรวจสอบและบันทึกสัญญาณชีพทุก 15 นาที ในชั่วโมงแรกที่ให้สารน้ำ และทุกๆ 30 นาทีในชั่วโมงที่ 2
แล้วยืดเวลาออกไปทุกๆ 4 ชั่วโมง
ดูแลผู้ป่วยให้มีความสมดุลของน้ำและอิเล็กโตรไลน์
ทำความสะอาดแผลผ่าตัดโดยยึดหลัก Sterile เพื่อลดปัจจัยที่จะส่งเสริมให้ผู้ป่วยเกิดภาวะการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น
4.ส่งเสริมความสุขสบายของผู้ป่วยรักษาความสะอาดของปากและฟันเช็ดทำความสะอาดร่างกาย
5.บันทึกปริมาณจำนวนที่ได้รับและขับออกใน 8 ชั่วโมง สังเกตสีปัสสาวะ
6.ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการค่า (WBC) และค่า Neutrophil เพื่อประเมินภาวะตืดเชื้อแล้ว ถ้าพบความผิดปกติให้รายงานแพทย์เพื่อการแก้ไข
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยไม่มีไข้
สัญญาณชีพเป็นปกติ
ผลการตรวจ CBC ปกติ
3.เสี่ยงต่อการพร่องสารน้ำและเลือด
ข้อมูลสนับสนุน
OD : ผู้ป่วยมีการงดน้ำและอาหารมากว่า 8 ชั่วโมง
วัตถุประสงค์
เพื่อทดแทนและแก้ไขภาวะการเสียเลือดและสารน้ำจากการผ่าตัด
เกณฑ์การประเมินผล
ทดแทนสารน้ำและเลือดได้ทัน
การปฏิบัติการพยาบาลและเหตุผล
(Nursing Intervention)
ดูแลและควบคุมสัญญาณชีพตลอดจนวิสัญญีแพทย์จะใส่สายทางหลอดเลือดดำ (Central line) เพื่อประเมินการให้สารน้ำตลอดเวลา
ใส่สายสวนปัสสาวะเพื่อประเมินให้สารน้ำและประเมิน
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ
เจาะหาค่าเม็ดเลือดในเลือด (Hct) ทุก 1 ชม. รวมทั้งเจาะภาวะความเป็นกรด-ด่าง (Blood gass analysis) สายสวนหลอดเลือดแดง (Arterial line) ที่แพทย์วิสัญญี่ใส่ไว้เพื่อควบคุมสัญญาณชีพตลอดเวลาที่ให้ยาระงับความรู้สึก
บันทึกการสูญเสียเลือดประมาณ 500 ซีซีวิสัญญี่แพทย์ประเมินแล้วให้สารน้ำ 1200 ซี
ffff
gggg
การวางแผนจำหน่าย
D:Diagnosis
ให้ความรู้เรื่องโรคที่เป็นอยู่ถึงสาเหตุ อาการ การปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง ภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง (Subdural Hemorrhage; SDH) ภาวะที่ก้อนเลือดที่สะสมอยู่ระหว่างเยื่อหุ้มสมองชั้นดูรากับเนื้อสมอง พบบ่อยที่สุดในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
M:Medicine
แนะนำการใช้ยาที่ตนเองได้รับอย่างละเอียด สรรพคุณของยา ขนาด วิธีใช้ ข้อควรระวังในการใช้ยา ตลอดจนการสังเกตภาวะแทรกซ้อนรวมทั้งข้อห้ามการใช้ยาด้วยผู้ป่วยได้รับยา
E:Environment /Environment
การจัดการสิ่งแวดล้อมที่บ้านให้เหมาะสมกับภาวะสุขภาพให้เหมาะสมกับภาวะสุขภาพการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการปัญหาด้าน เศรษฐกิจ บางรายอาจจะต้องฝึกฝนอาชีพใหม่เป็นให้ข้อมูลผู้ดูแลเรื่องการเตรียมผู้ป่วยก่อนกลับบ้านเช่นการเตีรยมสถานที่บ้าน อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้กับผู้ป่วย ประเมิน เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจสภาพบ้านที่ผู้ป่วยต้องกลับไปพักหลังจำหน่าย รวมทั้งคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ เป็นต้น
T :Treatment
ทักษะที่เป็นตามแผนการรักษาเช่นการทำแผลรวมถึงการเฝ้าสังเกตอาการตนเองและแจ้งให้พยาบาลทราบการดูแลแผลโดยมาตรวจหลังกลับบ้านเพื่อประเมินผลและตัดไหมตามแพทย์นัดอาการผิดปกติที่ผู้ป่วยต้องสังเกต เช่น มีไข้สูง มีเลือดออกจากแผลทุก 5 นาทีหรือปวดศีรษะมากต้องรีบมาพบแพทย์
H: Health
การส่งเสริม ฟื้นฟูสภาพทางด้านร่างกายและจิตใจ ตลอดจนการป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ทำความสะอาดร่างกายประจำวัน ช่วยเช็ดตัว หากผู้ป่วยไม่สามารถถูตัวได้ทั่วถึง เช่น บริเวณแผนหลัง ดูแลความสะอาดเมื่อผู้ป่วยขับถ่าย ดูแลความสะอาดของช่องปากและฟัน ทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร การรักษาความสะอาดร่างกายแพทย์อาจมีข้อจำกัดในการปฏิบัติตัว เช่น ห้ามให้แผลเปียกน้ำห้ามแคะ แกะ เกา เป็นต้น
O :Out patient
การมาตรวจตามนัด การติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานพยาบาลใกล้บ้าน ในกรณีเกดภาวะฉุกเฉิน ตลอดจนการส่งต่อผู้ป่วยให้ได้รับการดูแลตอเนื่องเน้นการมาตรวจตามนัดภายหลงกลับบานอาการผิดปกตตองรีบมาพบแพทย์ก่อนวันนัด เช่น มีไข้สูงมีเลือดสดๆ ออกจากแผลเย็บ หรือปวดศีรษะมาก
D :Diet
การเลือกรับประทานอาหารเหมาะสมกบโรคหลีกเลี่ยงหรืองดอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การดูแลในเรื่องอาหารและน้ำอย่างเพียงพอ ควรจัดเตรียมอาหารที่มีประโยชน์ งดอาหารไขมันสูง อาหารเค็มจัด หวานจัด ให้เหมาะกบโรค ประจำตัวของผู้ป่วย หากมีปัญหากลืนลำบากควรเตรียมอาหารชิ้นเล็กๆ อาหารนมๆ อาหารเหลว เช่น โจ๊ก ผลไม้สุก นม