Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
A Beautiful Mind, อ้างอิง กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2560).…
A Beautiful Mind
ข้อมูลส่วนบุคคล
นายจอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ (Mr. John Forbes Nash, Jr.)
อายุ 24 ปี เชื้อชาติอเมริกัน สัญชาติอเมริกัน
พัฒนาการตามช่วงวัย
วัยเด็ก
เป็นเด็กเรียนเก่ง
ชอบทำอะไรด้วยตนเอง
เป็นคนเก็บตัว
ไม่มีเพื่อนสนิทและมักมีปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน
ไม่ชอบกิจกรรมนันทนาการแต่มีความสนใจทางด้านวิทยาศาสตร์และทำการทดลองด้วยตนเอง
หลังจบปริญญาเอกและทำงานทั้งงานที่วีลเลอร์แลปส์และงานสายลับ
พบว่านายชาร์ลส์ยังมาปรากฏตัว อยู่กับเขาในหลายสถานการณ์ บางครั้งยังมีหลานสาวตามมาด้วย
สร้างห้องทำงานลับที่ใช้ทำงานสายลับถอดรหัสจากนิตยสารต่างๆ
มีแฟน และตัดสินใจแต่งงาน
วัยรุ่น
สนใจทางด้านคณิตศาสตร์ และมุ่งมั่นในการเรียนจนจบปริญญาโททางด้านคณิตศาสตร์ ด้วยอายุเพียง 20 ปี
เข้าเรียนปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และมีความโดดเด่นทางด้านการเรียนในระดับอัจฉริยะ
มีเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยคนหนึ่งชื่อนายชาร์ลส์ (Mr. Charles) ได้เข้ามาทักทาย และเข้ามาเป็นเพื่อนร่วมห้องพัก
อาการและอาการแสดงที่พบ
อาการหลงผิด (delusion)
ประสาทหลอน (hallucination)
พฤติกรรมก้าวร้าว
สัมพันธภาพลดลง
ระแวง (paranoid)
อยู่ในโลกของตัวเองที่เชื่อว่าเป็นจริง
ไม่เข้าสังคม
ประวัติการเจ็บป่วย
หลังจบปริญญาเอกทางด้านคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน และเข้าทำงานเป็นนักคณิตศาสตร์ที่วีลเลอร์แลปส์
เขาถูกเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกาเรียกตัวไปช่วยถอดรหัสทางการทหาร
จนกระทั่งพบว่ามีคนสะกดรอยตามเขาอยู่ตลอดและพยายามจะทำร้ายเขา
ประวัติครอบครัว
ภรรยาของจอห์นชื่อนางอลิเซีย (Mrs. Alicia)
อลิเซียสังเกตว่าจอห์นมีความคิดหมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องตัวเลขอย่างมากจนเกือบทำร้ายอลิเซียและลูก
อลิเซียเพิ่งทราบเรื่องที่จอห์นเข้าใจว่าตนเองทำงานเป็นสายลับหลังจากที่จอห์นเข้ารับการรักษาอาการทางจิตแล้ว
อลิเซียปฏิเสธว่าไม่เคยพบหรือรู้จักเพื่อนของจอห์นที่ชื่อชาร์ลส์มาก่อน
การวินิจฉัยโรค
โรคจิตเภท (Schyzophrenia)
เกณฑ์วินิจฉัย DSM-5
A. มีอาการต่อไปนี้ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไปนาน 1 เดือน
อาการหลงผิด
อาการประสาทหลอน
การพูดอย่างไม่มีระเบียบแบบแผน
พฤติกรรมที่ไม่มีระเบียบแบบแผนที่คนในสังคมหรือวัฒนธรรมของผู้ป่วยไม่ทำกัน พฤติกรรมการเคลื่อนไหวมากเกินไป น้อยเกินไป หรือแปลกประหลาด (catatonic behavior)
อาการด้านลบ เช่น สีหน้าทื่อ เฉยเมย แยกตัวจากคนอื่น
B. ระดับความสามารถในด้านสำคัญๆ เช่น ด้านการทำงาน การมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น หรือการดูแลตนเอง
ลดลงไปจากเดิมอย่างชัดเจนอย่างน้อยหนึ่งด้าน
C. มีอาการต่อเนื่องกันนาน 6 เดือนขึ้นไป โดยต้องมี active phase ตามข้อ A อย่างน้อยนาน 1 เดือน และรวมช่วงเวลาที่มีอาการในระยะ prodromal หรือ residual phase โดยใน ช่วง prodromal หรือresidual phaseอาการที่พบอาจเป็นเพียงอาการด้านลบ หรืออาการตามข้อ A ตั้งแต่2อาการ ขึ้นไป แต่แสดงออกแบบเล็กน้อย
D. ต้องแยก โรคจิตอารมณ์โรคซึมเศร้า โรคอารมณ์สองขั้วออก
E. ต้องแยกอาการโรคจิตที่เกิดจากโรคทางกายและสารเสพติดออก
F. ผู้ป่วยที่มีประวัติกลุ่มโรคออทิสติก หรือโรคเกี่ยวกับการสื่อสารตั้งแต่วัยเด็กจะวินิจฉัยโรคจิตเภท
ก็ต่อเมื่อมีอาการหลงผิดหรืออาการประสาทหลอนที่เด่นชัดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ร่วมด้วย
สาเหตุ
ด้านร่างกาย
พันธุกรรม
ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง
ความผิดปกติของโครงสร้างสมอง
ด้านจิตใจ
ความเครียดในชีวิตประจำวัน
สภาพสังคม
การเลี้ยงดู
การรักษา
การรักษาด้วยยา
ระยะให้ยาต่อเนื่อง :
เพื่อป้องกันมิให้กลับมามีอาการกำเริบขึ้นมาอีก
ระยะควบคุมอาการ :
ควบคุมอาการให้สงบลงโดยเร็ว ยามีส่วนสำคัญมาก จะทำให้อาการของผู้ป่วยสงบลงโดยเร็ว
Thorazine 30 mg IM q 6 hrs
กลุ่มยา
: Antipsychotic agent
ข้อบ่งใช้
ใช้รักษาและควบคุมอาการโรคจิตชนิดคุ้มคลัง และโรคจิตเภท (mania and schizophrenia)
รักษาพฤติกรรมกาวร้าวในเด็ก
รักษาผู้ป่วย psychotic
ใช้ลดอาการกระสับกระส่าย หวาดระแวง
ผลข้างเคียงของยา
ตาพร่า ความดันในลูกตาเพิ่ม
ปากคอแห้ง
ท้องผูก และปัสสาวะคั่ง
Postural hypotension (ความดันตกในท่ายื่น)
ง่วงนอน นอนหลับได้
หิวและรับประทานมากขึ้น
Diazepam 10 mg IM q 4 hrs prn
กลุ่มยา:
Benzodiazepine
ข้อบ่งใช้
ออกฤทธิ์ที่สมองหรือระบบประสาทส่วนกลาง (CNS)
ใช้เป็นยาคลายกังวลหรือยากล่อมประสาท (Tranquilizer) ทำให้จิตใจสงบ
ใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติทางอารมณ์ เช่น ความเครียด วิตกกังวล รักษาอาการฟุ้งซ่านที่เกิดจากโรคประสาท
ผลข้างเคียงของยา
เกิดภาวะเสียความจำข้างหน้า
ง่วงซึม
กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน
กล้ามเนื้อเปลี้ย
สับสน มึนงง
เวียนศีรษะ
ใจสั่น
ชีพจรเต้นเร็ว
หลอดเลือดดำอักเสบ
หลอดเลือดดำมีลิ่มเลือด
การรักษาด้วยไฟฟ้า ECT
ECT 1 course (5 times per week/ 10 weeks)
ข้อบ่งชี้ในการทำ:
ใช้ในผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาหรือผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว
Affective disorder
Depressive episorders ผู้ป่วยที่มีอาการเศร้ามาก คิดฆ่าตัวตาย อาการุนแรงมาก
Manic episode ปัจจุบันไม่นิยม เพราะใช้ยา lithium รักษาได้ดี
Schizophrenia
Schizoaffective disorder
Obsessive compulsive disorder
การพยาบาลก่อนการทำECT
ด้านร่างกาย
การซักประวัติเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับโรค
ตรวจร่างกาย โดยเฉพาะสมอง (MRI), ปอด(CXR), หัวใจ (EKG), ความดันโลหิต, การตรวจทางห้องปฏิบัติการ CBC, E'lyte, U/A, LFT เพื่อดูความผิดปกติของร่างกายก่อนการรักษาด้วย ECT
ให้ญาติเซ็นใบยินยอมให้การรักษา หลังจากอธิบายญาติและผู้ป่วยทราบถึงความจำเป็น รวมทั้งข้อดีข้อเสีย เพื่อป้องกันการถูกฟ้องร้องภายหลัง
งดน้ำงดอาหารก่อนทำ ECT อย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการสำลักอาการ
ให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะ อุจจาระให้เรียบร้อยก่อนทำ ECT
ดูแลให้ถอดฟันปลอมและเครื่องประดับออก เพื่อป้องกันฟันปลอดหลุดเข้าไปในคอหรือเกิดการแตกหักเสียหาย
เตรียมความพร้อมด้านร่างกาย ได้แก่ ความสะอาดร่างกาย ตัดเล็บ สระผม
ตรวจวัดสัญญาณชีพพร้อมลงบันทึกก่อนส่งรักษา ECT ทุกครั้ง
ด้านจิตใจ
อธิบายถึงเหตุผลที่ต้องทำการรักษาด้วยไฟฟ้าโดยให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าการรักษาอย่างหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้น
บอกขั้นตอนการรักษาด้วยไฟฟ้าคร่าวๆ โดยบอกว่าเวลาทำจะไม่รู้สึกเจ็บปวดจะหลับไปชั่วครู่ ย้ำว่าขณะทำจะมีแพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด
อธิบายอาการหลังทำที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น ภาวะสับสน งุนงง และความลืมความจำชั่วคราว แล้วอาการจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ
การพยาบาลหลังการทำECT
วัด vital signs ทุก 15 นาทีใน 1 ชั่วโมงแรกหลังทำหลังจากนั้นวัดทุก 1 ชั่วโมงจนกว่าจะปกติ
ผู้ป่วยบางรายอาจจะต้องได้รับสารน้ำอย่างต่อเนื่องมาถึงหลังการรักษาควรดูแลอัตราหยดของสารน้ำให้คงที่ไม่เร็วเกินไปดูแลไม่ให้บริเวณที่ให้สารน้ำมีการอักเสบบวมแดง
เมื่อผู้ป่วยตื่นอาจมีอาการมึนงงสับสนบางคนกระสับกระส่ายและวุ่นวายควรดูแลด้วยความระมัดระวังป้องกันการตกเตียง ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้ผู้ป่วย เพื่อให้รู้สึกสดชื่นขึ้น 4. ให้ผู้ป่วยนอนพัก 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงหรือจนกว่าผู้ป่วยจะควบคุมตัวเองได้ประเมินระดับความรู้สึกตัวก่อนผู้ป่วยลุกจากเตียงประเมินอาการมึนงงสับสน
ให้ผู้ป่วยนอนพัก 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงหรือจนกว่าผู้ป่วยจะควบคุมตัวเองได้ประเมินระดับความรู้สึกตัวก่อนผู้ป่วยลุกจากเตียงประเมินอาการมึนงงสับสน
ไม่ควรซักถามประวัติส่วนตัวของผู้ป่วยเพราะทำให้ผู้ป่วยกังวลใจมากขึ้นที่นึกเรื่องราวต่างๆของตัวเองไม่ได้พยาบาลควรให้กำลังใจอธิบายถึงผลข้างเคียงความจำจะค่อยๆกลับมาอาการปวดศีรษะหรือปวดหลังจะค่อยๆหายไป
ช่วยทบทวนกิจวัตรประจำวันและกิจกรรมต่างๆของหอผู้ป่วยเพื่อให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวให้ถูกต้องและลดความวิตกกังวล
การดูแลรักษาด้านจิตใจและสังคม
การให้คำแนะนำแก่ครอบครัว:ให้ความรู้แก่ญาติและผู้ดูแลผู้ป่วย เกี่ยวกับเรื่องของโรคและปัญหาต่างๆ ของผู้ป่วยที่อาจเกิดขึ้น
นิเวศน์บำบัด:จัดสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลเพื่อช่วยส่งเสริมขบวนการรักษา
การช่วยเหลือด้านจิตใจ:ให้คำแนะนำที่ผู้ป่วยสามารถนำไปปฏิบัติได้ เช่น ช่วยผู้ป่วยในการหาวิธีแก้ปัญหาในแบบอื่นๆ ที่เขาพอทำได้ ช่วยผู้ป่วยค้นหาดูว่าความเครียดหรือความกดดันอะไรที่เขามักทนไม่ได้
กลุ่มบำบัด:จัดกิจกรรมกลุ่มระหว่างผู้ป่วยขณะที่ผู้ป่วยอยู้ในโรงพยาบาล โดยส่งเสริมให้เกิดความรู้สึกว่ามีเพื่อน มีคนเข้าใจ ไม่โดดเดี่ยว
การรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล
พฤติกรรมเป็นเป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น
ปัญหาความเจ็บป่วยที่ต้องดูแลใกล้ชิด
ควบคุมการกินยา ในผู้ป่วยไม่ยอมกินยา
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
อาจเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยและผู้อื่นเนื่องจากมีความคิดหลงผิด
objecttive
จอร์นมีพฤติกรรมทำลายของโดยการโยนโต๊ะทำงานของตนเองออกจากหน้าต่างห้องของตน
จอร์นมีพฤติกรรมก้าวร้าว
จอห์นใช้ศีรษะตนเองโขกกับหน้าต่าง
จากการตรวจสภาพจิตหัวข้อการรับรู้เกี่ยวกับตนเองจอห์นยอมรับว่าตนเองแตกต่าง ตนเองแสดงพฤติกรรมแปลก เพราะต้องรักษาความลับทางการทหารและมีคนจะมาทำร้าย
subjective
จอห์นเชื่อว่าตนเองเป็นสายลับ และกำลังถูกปองร้าย
จอห์นเห็นภาพหลอน และคิดว่าภาพหลอนนั้นจะไปทำร้ายภรรยาของเขา
จอห์นปล่อยลูกทิ้งไว้ในอ่างอาบน้ำเพราะคิดว่ามีคนอยู่กับลูก
4.จอห์นคิดว่าพาร์เชอร์คนที่เขาทำงานด้วยจะมาทำร้ายครอบครัว เขาจึงเข้าไปปัดโทรศัพท์จากภรรยาเพื่อป้องกันไม่ให้ภรรยาได้รับอันตราย
การพยาบาล
ยอมรับในความคิดหลงผิดของผู้ป่วย ไม่โต้แย้ง หรือท้าทายว่าสิ่งที่ผู้ป่วยเล่าให้ฟังนั้นไม่จริง
สนทนากับผู้ป่วยด้วยถ้อยคำทีชัดเจนเรียกชื่อผู้ป่วยให้ถูกต้องและกระตุ้นให้ผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เพื่อ ลดโอกาสในการเกิดอาการประสาทหลอนต่างๆ
จัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม มีบรรยากาศผ่อนคลาย อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่เป็นมุมอับ เพื่อช่วยลดภาวะเครียดของผู้ป่วยลง
แนะนำให้ผู้ป่วยและญาติสังเกตอาการเตือนก่อนอาการทางจิตกำเริบ เช่น เริ่มหงุดหงิดง่าย ไม่นอน/นอนไม่หลับ อาจเริ่มมีอาการประสาทหลอน รวมถึงมีพฤติกรรมไม่ร่วมมือ เช่นทิ้งยา/ ไม่กินยา พูดห้วน ตาขวาง การดื่มสุรา
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้เล่าเรื่องราวถึงเหตุการณ์ที่เจอ อาการต่างๆ รับฟังด้วยความตั้งใจ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Thorazine 30 mg IM q 6 และ Diazepam 10 mg IM q 4 hrs prn hrs. ตามเวลาที่แพทย์สั่งและเฝ้าระวังผลข้างเคียงของยา
ประเมินอาการและความคิดของผู้ป่วยว่ามีผลอย่างไรต่อพฤติกรรมและการกระทำของผู้ป่วย
ให้ความรู้แก่ญาติให้เข้าใจในความเจ็บป่วย ช่วยประคับประคองด้านอารมณ์และเพื่อการมีส่วนร่วมใน
การรักษา
สร้างสัมพันธภาพ แนะนำตนเองเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยไว้วางใจที่จะทำการรักษา จัดเวลาเข้าไปพบและพูดคุยกับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นลดลง เนื่องจากมีการหวาดระแวง
subjecttive
ผู้ป่วยบอกว่ามีคนสะกดรอยตาม และถูกปองร้ายจากกลุ่มคนที่เป็นสายลับรัสเซีย
ผู้ป่วยบอกว่าจิตแพทย์ที่รักษาเขาเป็นสายลับรัสเซีย
objective
ผู้ป่วยนั่งกุมมือและบีบมือตัวเองเกือบตลอดเวลา สีหน้า วิตกกังวล แววตาหวาดระแวง ก้มหน้าเป็นส่วนใหญ่
เมื่อพูดถึงการเป็นสายลับจะพูดรัวเร็ว
มีพฤติกรรมแยกตัวออกจากสังคม
การพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพ แนะนำตนเองเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยไว้วางใจที่จะทำการรักษา จัดเวลาเข้าไปพบและพูดคุยกับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
ประเมินอาการและความคิดของผู้ป่วยว่ามีผลอย่างไรต่อพฤติกรรมและการกระทำของผู้ป่วย
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้เล่าเรื่องราวถึงเหตุการณ์ที่เจอ อาการต่างๆ รับฟังด้วยความตั้งใจ
สื่อสารกับผู้ป่วยอย่างเปิดเผยรักษาคำพูดให้ข้อมูลอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา หลีกเลี่ยงการจ้องมอง
ยอมรับในพฤติกรรมหวาดระแวง ไม่โต้แย้ง ต่อต้าน และจัดบรรยากาศให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย
ส่งเสริมศักยภาพการดูแลตนเองของผู้ป่วย และพัฒนาการมีส่วนร่วมของครอบครัว และชุมชนในการดูแลผู้ป่วย
มีแนวโน้มกลับมารักษาซ้ำเนื่องจากผู้ป่วยไม่ให้ความร่วมมือในการรักษาด้วยยาอย่างต่อเนื่อง
subjecttive
จอห์นหยุดยาเอง
จอห์นนำยาไปซ่อน
จอห์นบอกว่าการรับประทานยาทำให้ประสิทธิภาพในการใช้ชีวิตประจำวันและอารมณ์ทางเพศลดลง
objective
หลังจากที่จอห์นหยุดรับประทานยา จอห์นกลับมาเห็นภาพหลอนอีกครั้ง
การพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพ แนะนำตนเองเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัยไว้วางใจที่จะทำการรักษา จัดเวลาเข้าไปพบและพูดคุยกับผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
ประเมินอาการและความคิดของผู้ป่วยว่ามีผลอย่างไรต่อพฤติกรรมและการกระทำของผู้ป่วย
3.เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้เล่าเรื่องราวถึงเหตุการณ์ที่เจอ อาการต่างๆ รับฟังด้วยความตั้งใจ
แนะนำให้ผู้ป่วยและญาติสังเกตอาการเตือนก่อนอาการทางจิตกำเริบ เช่น เริ่มหงุดหงิดง่าย ไม่นอน/นอนไม่หลับ อาจเริ่มมีอาการประสาทหลอน รวมถึงมีพฤติกรรมไม่ร่วมมือ เช่นทิ้งยา/ ไม่กินยา พูดห้วน ตาขวาง การดื่มสุรา
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Thorazine 30 mg IM q 6 และ Diazepam 10 mg IM q 4 hrs prn hrs. ตามเวลาที่แพทย์สั่งและเฝ้าระวังผลข้างเคียงของยา
สอนทักษะการติดตาม การกำกับการ กินยาของผู้ป่วยให้แก่ อสม.ในพื้นที่เพื่อช่วยสนับสนุนกิจกรรมการพยาบาล
ญาติไม่สามารถเผชิญกับการเจ็บป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
objective
ภรรยามีสีหน้ากังวล เมื่อพูดคุยเรื่องการเจ็บป่วยของจอห์น
ภรรยาโยนของแตกตอนที่จอห์นไม่ยอมมีเพศสัมพันธุ์ด้วย
subjecttive
ภรรยารู้สึกน้อยใจที่จอห์นไม่ให้ความสนใจตนเอง
ภรรยาไม่ได้ติดตามการรับประทานยาของจอห์น
ภรรยารู้สึกว่าจอห์นมีความรู้สึกทางเพศลดลง
การพยาบาล
สร้างสัมพันธภาพ แนะนำตนเองเพื่อให้ญาติรู้สึกไว้วางใจ
เตรียมญาติในการดูแลและอยู่ร่วมกับผู้ป่วย โดยการให้คำปรึกษาปัญหาต่างๆ ที่ญาติเผชิญอยู่ ให้ความรู้เกี่ยวกับลักษณะทั่วไปของอาการป่วยทางจิตเวช และให้คำแนะนำในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
3.ส่งเสริมให้ญาติแสดงการยอมรับพฤติกรรมของผู้ป่วยจิตเภททั้งด้านบวกและด้านลบ
ส่งเสริมศักยภาพในการดูแลผู้ป่วย การร่วมมือในการรักษาและพัฒนาการมีส่วนร่วมของญาติและชุมชนในการดูแลผู้ป่วย
จัดให้มีหน่วยงานให้คำแนะนำ และช่วยแก้ปัญหาเมื่อญาตืเผชิญภาวะวิกฤติต่างๆเนื่่องมาจากการป่วยจิตเวช
เตรียมญาติในการดูแลและอยู่ร่วมกับผู้ป่วยโดยการให้คำปรึกษาปัญหาต่างๆที่ญาติเผชิญอยู่ การให้ความรู้เกี่ยวกับลักษณะทั่วไปของการป่วยทางจิตเวช และการให้คำแนะนำในการดูแลผู้ป่วยที่บ้าน
การดูแลผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังกลุ่มเสี่ยงในชุมชน : กลยุทธ์ 3 C
ด้านผู้ป่วย (Client)
ส่งเสริมให้มีการกินยาต่อเนื่อง
ฟื้นฟูทักษะในการดูแลตนเอง
เฝ้าระวังอาการทางจิตกำเริบ
ดูแลให้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน
ด้านญาติ/ผู้ดูแล (Carer/ Care giver)
เรียนรู้ทักษะในการดูแลผู้ป่วยอย่างถูกวิธี
ดูแลสภาจิตใจตนเองไม่ให้เครียด
ฟื้นฟูทักษะในการดูแลตนเอง
เฝ้าระวังอาการทางจิตกำเริบ
ด้านบริการชุมชน (Community service)
ยอมรับ เข้าใจผู้ป่วย
ผู้ป่วยเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน มองการเจ็บป่วยว่าเป็นปัญหา/ความทุกข์ของชุมชน
สนับสนุนให้มีกิจกรรมร่วมกับชุมชน สร้างอาชีพ เพื่อสามารถพึ่งพาตนเองได้
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง
ทฤษฎีชีวภาพทางการแพทย์
(Biomedical Model หรือ Medical Model)
ทฤษฎีการเรียนรู้(Learning theories)
ทฤษฎีจิตวิเคราะห์(Psychoanalytic theories)
พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ.2551
มาตรา ๑๗
การบำบัดรักษาโดยการผูกมัดทางกาย การกักบริเวณ หรือแยกผู้ป่วยจะกระทําไม่ได้ เว้นแต่เป็นความจําเป็นเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยเอง บุคคลอื่น หรือทรัพย์สินของผู้อื่น โดยต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้บําบัดรักษาตามมาตรฐานวิชาชีพ
จอห์นจิกข้อมือตัวเองเพราะคิดว่ามีรหัสลับ
จอห์นเห็นภาพหลอนหูแว่ว ต้องใส่ใส่กุญแจมือเพื่อป้องกันการทำร้ายตนเองและผู้อื่น
มาตรา ๑๘
การรักษาด้วยไฟฟ้า กระทำต่อสมองหรือระบบประสาทหรือการบำบัดรักษาด้วยวิธีอื่นใด ที่อาจเป็นผลทำให้ร่างกายไม่อาจกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างถาวรให้กระทำได้ในกรณีดังต่อไปนี้
กรณีผู้ป่วยให้ความยินยอมเป็นหนังสือเพื่อการบำบัดรักษานั้น โดยผู้ป่วยได้รับทราบเหตุผลความจำเป็น ความเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายร้ายแรง หรืออาจเป็นผลทำให้ไม่สามารถแก้ไขให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาพเดิม และประโยชน์ของการบำบัด
กรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยหากมิได้บำบัดรักษาจะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของผู้ป่วย ทั้งนี้ โดยความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์ของคณะกรรมการสถานบำบัด
มาตรา ๒๑
การบําบัดรักษาจะกระทําได้ต่อเมื่อผู้ป่วยได้รับการอธิบายเหตุผลความจําเป็น ในการบําบัดรักษา รายละเอียดและประโยชน์ของการบําบัดรักษาและได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย เว้นแต่เป็นผู้ป่วยตามมาตรา ๒๒
มาตรา ๒๒
บุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้เป็นบุคคลที่ต้อง ได้รับการบําบัดรักษา
(๑) มีภาวะอันตราย
จอนห์เห็นภาพหลอนหวาดระแวงว่ามีคนจะมาทำร้ายตนและได้ปล่อยปะละเลยลูกให้อยู่กับชาลล์จนเกือบทำให้ลูกเสียชีวิต
(๒) มีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา
มาตรา ๒๓
ผู้ใดพบบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์อันน่าเชื่อว่าบุคคลนั้นมีลักษณะตามมาตรา ๒๒ ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจโดยไม่ชักช้า
จอห์นมีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองและผู้อื่น คนที่พบเห็นจึงโทรเรียกเจ้าที่มารับตัว
มาตรา ๒๔
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจได้รับแจ้งตามมาตรา ๒๓ หรือพบบบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์อันน่าเชื่อถือว่าบุคคลนั้นมีลักษณะตามมาตรา ๒๒ ให้ดำเนินการรวบบุคคลนั้นไปยังสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบำบัดรักษาซึ่งอยู่ใกล้โดยไม่ชักช้า เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการเบื้องต้นตามมาตรา ๒๗ โดยจะมีผู้รับดูแลบุคคลดังกล่าวไปด้วยหรือไม่ก็ได้
อาจารย์ที่มหาลัยได้แจ้งให้หมอและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลมารับตัวจอห์นไปบำบัด
มาตรา ๒๖
ในกรณีฉุกเฉิน เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจได้รับแจ้งตามมาตรา ๒๓ หรือพบบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์อันน่าเชื่อว่าบุคคลนั้นเป็นบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตซึ่งมีภาวะอันตรายและเป็นอันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าบุคคลนั้นขัดขวางหรือหลบหนีหรือพยายามจะหลบหนี ให้มีอำนาจนำตัวบุคคลนั้นหรือเข้าไปในสถานที่ใดๆ เพื่อนำตัวบุคคลนั้นส่งสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบำบัดรักษาซึ่งอยู่ใกล้โดยไม่ชักช้า เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการเบื้องต้นตามาตรา ๒๗
จอนห์วิ่งหนีเจ้าหน้าที่ขณะที่พวกเขากำลังจะเข้ามาพาไปบำบัดรักษา
มาตรา ๒๙
เมื่อสถานบําบัดรักษารับบุคคลที่พนักงานเจ้าหน้าที่นําส่งตามมาตรา ๒๗ วรรคสาม หรือแพทย์นําส่งตามมาตรา ๒๘ แล้วแต่กรณี ให้คณะกรรมการสถานบําบัดรักษาตรวจ วินิจฉัยและประเมินอาการบุคคลนั้นโดยละเอียดภายในสามสิบวันนับแต่วันที่รับตัวบุคคลนั้นไว้ ในกรณีที่คณะกรรมการสถานบําบัดรักษาเห็นว่าบุคคลน้ันมีลักษณะตามมาตรา ๒๒ ให้มีคําสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑) ให้บุคคลนั้นต้องเข้ารับการบําบัดรักษาในสถานบำบัดรักษา
(๒) ให้บุคคลนั้นต้องรับการบำบัดรักษา ณ สถานที่อื่นนอกจากสถานบําบัดรักษาเมื่อบุคคลนั้น ไม่มีภาวะอันตราย ท้้งนั้นจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ที่จําเป็นเกี่ยวกับการบําบัดรักษาให้บุคคลนั้น หรือผู้รับดูแลบุคคลนั้นต้องปฏิบัติด้วยก็ได้
จอห์นได้รับการบำบัดรักษาที่โรงพยาบาล จอห์นไม่อยากอยู่รักษาต่อจึงขอกลับไปรักษาต่อที่บ้าน
มาตรา ๓๒
ในกรณีที่ผู้ป่วยหรือผู้รับดูแลผู้ป่วยไม่ปฏิบัติตาม มาตรา ๒๙ (๒) หรือการบำ บัดรักษาไม่เป็นผล หรือพฤติการณ์ที่เป็นเหตุให้มีการออกคำ สั่งตามมาตรา ๒๙ (๒) เปลี่ยนแปลงไปคณะกรรมการสถานบำ บัดรักษาอาจแก้ไขเพิ่มเติมหรือเพิกถอนคำ สั่งหรือมีคำ สั่งให้รับผู้ป่วย ไว้บำ บัดรักษาตามมาตรา ๒๙ (๑) ก็ได้
หลังจากได้รับการบำบัดจนครบจอห์นได้กลับมาบ้านแต่อาการไม่ดีขึ้นเมื่อเขารับรู้ได้ว่าบุคคลที่เขาเห็นไม่มีอยู่จริงเขาจึงเลือกที่จะบำบัดดูแลตัวเอง
อ้างอิง
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2560). คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคจิตเภท สำหรับโรงพยาบาลในเขตสุขภาพ (ฉบับพยาบาล/นักวิชาการสาธารณสุข). (พิมพ์ครั้งที่2). กรุงเทพมหานคร : บริษัท วิคทอเรียอิมเมจ จำกัด
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2560). คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคจิตเภท สำหรับโรงพยาบาลในเขตสุขภาพ (ฉบับแพทย์). (พิมพ์ครั้งที่2). กรุงเทพมหานคร : บริษัท วิคทอเรียอิมเมจ จำกัด
นิตยา ศรีจำนง (2555).การพยาบาลผู้ที่มีความผิดปกติทางด้านความคิดและการรับรู้ : การพยาบาลผู้ป่วยจิตเภท (NURSING INTERVENTION IN SCHIZOPHRENIA).สืบค้น 20 กันยายน 2564 จาก HTTP://WWW.ELNURSE.SSRU.AC.TH/NITAYA _SI/PLUGINFILE.PHP/22/BLOCK_HTML/CONTENT/บทที%204.2.1%20%281%29%20ความผิดปกติด้านความคิดและการรับรู้..SCHIZOPHRENIA.PDF
มาโนช หล่อตระกูล. (2554). โรคจิตเภท (Schizophrenia). สืบค้น 20 กันยายน 2564, จาก
https://med.mahidol.ac.th/ramamental/sites/default/files/public/pdf/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%20%28Schizophrenia%29.pdf
สุวรรณี เรืองเดช, บุรินทร์ สุรอรุณสัมฤทธิ์ และขจีรัตน์ ปรักเอโก. (2559). คู่มือการดูแลผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังกลุ่มเสี่ยงในชุมชน สำหรับบุคลากรของหน่วยบริการระดับปฐมภูมิ. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัดแสงจันทร์การพิมพ์.
ฐิตวันต์ หงษ์กิตติยานนท์. (2557). การพยาบาลผู้ป่วยจิตเวชที่ได้รับการรักษาด้วย กระแสไฟฟ้า. สืบค้น 25 กันยายน 2564, จาก
http://www.elnurse.ssru.ac.th/thitavan_ho/pluginfile.php/11/mod_forum/attachment/41/1_23_57_ECT_Clinic_-_Copy_1_.doc
พระราชบัญญัติ สุขภาพจิต พ.ศ. ๒๕๕๑. (2551).สืบค้น 25 กันยายน 2564, จาก
https://sp.mahidol.ac.th/th/LAW/law/mental-health-51.pdf
จัดทำโดย
นางสาวมะลิวัลย์ แสนขาว ห้อง 3B เลขที่ 54
รหัสนักศึกษา 62123301107