Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยที่7 นโยบายกฎหมาย แผนผู้สูงอายุแห่งชาติและ จริยธรรมในการดูแลผู้สูงอ…
หน่วยที่7
นโยบายกฎหมาย แผนผู้สูงอายุแห่งชาติและ
จริยธรรมในการดูแลผู้สูงอาย
4.ปัญหาจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลผู้สูงอายุ
เมตตามรณะ
Active Euthanasia คือ
การที่แพทย์ฉีดยา ให้ยา หรือกระทําโดยวิธีการอื่นๆ ที่ทําให้ผู้ปุวยตายโดยตรง มีในเนเธอร์แลนด์ประเทศเดียว
Passive Euthanasia คือ
การที่แพทย์ปล่อยให้ผู้ปุวยที่สิ้นหวังตายโดยไม่ให้การรักษา มีในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ออสเตรีย แคนาดา เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เดนมาร์ก สวีเดนอิสราเอง และเยอรมัน
การพยาบาลผู้ปุวยระยะสุดท้าย (End of life care)
พยาบาลมีบทบาทส าคัญในการประเมินความพร้อมในการ รับรู้ความพร้อมที่จะตาย
ผู้สูงอายุอาจพร้อมหรือไม่พร้อมที่จะเข้าสู่ระยะสุดท้ายของชีวิต หากยังไม่พร้อม
ต้องมีเทคนิคในการสนทนาอย่างรอบคอบในการบอกข้อมูลแก่ผู้ปุวยสูงอายุ
การแนะนําให้เตรียมทําพินัยกรรม
พินัยกรรม
พินัยกรรมแบบธรรมดา ต้องท าเป็นหนังสือ มีการลงลายมือผู้ท าพินัยกรรม พยาน 2 คน
พินัยกรรมแบบเอกสารลับ ผู้ท าพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อในพินัยกรรมบรรจุไว้ในซองและคาบรอยผนึกบนซอง และเก็บเอกสารไว้ที่อําเภอ
พินัยกรรมแบบธรรมดา ต้องท าเป็นหนังสือ มีการลงลายมือผู้ท าพินัยกรรม พยาน 2 คน
พินัยกรรมแบบวาจา มักทําเมื่อไม่สามารถทําพินัยกรรมแบบอื่นได้ มีพยาน 2 คน และ
พยานแจ้งความประสงค์ของผู้ท าพินัยกรรมต่อนายอําเภอ
พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ ผู้ทําพินัยกรรมต้องเขียนด้วยลายมือตนเองทั้งฉบับ ไม่ต้องมีพยานรับรอง
การทําทารุณกรรมในผู้สูงอายุ (Elderly Abuse)
สาเหตุของการทารุณกรรม
1) การทารุณกรรมในบ้าน อาจมีสาเหตุมาจาก
1.1) ภาวะเครียดจากสถานการณ์การดูแล ด้วยผู้ดูแลส่วนใหญ่ขาดความรู้และทักษะใน
การดูแลแต่อาจอยู่ในภาวะจํายอมที่จะต้องมาเป็นผู้ดูแล
1.2) ผู้ดูแลไม่พอใจที่ผู้ปุวยเป็นภาระ
1.3) ป๎ญหาในครอบครัว ในแต่ละครอบครัวอาจมีป๎ญหาที่แตกต่างกันไป
1.4) ไม่มีเงินใช้จ่ายสําหรับสิ่งของจําเป็น สถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว
1.5) มีประวัติการทารุณกรรมในครอบครัว
1.6) ป๎ญหาสัมพันธภาพระหว่างผู้ดุแลและผู้สูงอาย
1.7) ผู้เคราะห์ร้ายหรือเหยื่อ (victim) หรือผู้กระทารุณกรรม (abuser)
มีป๎ญหาพฤติกรรมส่วนตัว เช่น ติดเหล้า ติดยาเสพติด
2) ทารุณกรรมในสถานบริการ สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
2.1) บุคลากรมีภาวะเครียดจากสถานการณ์การทํางาน
2.2) บุคลากรมีภาวะเหนื่อยล้าจากการท างาน (staff burnout)
2.3) ผู้ปุวยมีอาการก้าวร้าว ซึ่งอาจมาจากอาการของโรค เช่น ภาวะสมองเสื่อม
2.4) บุคลการมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้สูงอาย
ปัจจัยเสี่ยงทําให้เกิดการทารุณกรรมในผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุ ในด้านผู้สูงอายุ การทารุณกรรมมักพบบ่อยในผู้สูงอายุเพศหญิง
ที่มีพาวะพึ่งพิง มีการสูญเสียหน้าที่ของร่างกาน
สิ่งแวดล้อม การทารุณกรรมจะพบได้ในผู้สูงอายุที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ขาดการสนับสนุนจาก
ครอบครัวมีป๎ญหาจากการสมรส
ผู้ดูแล การทารุณกรรมมักพบภาวะเสี่ยงในผู้ดูแลที่มีภาวะติดยา มีอาการปุวยทางจิต ไม่มี
ประสบการณ์การดูแล มีภาวะพึ่งพาทางเศรษฐกิจ
ประเภทของการทารุณกรรม
3) การทารุณกรรมทางด้านจิตใจ (Emotional abuse/psychological abuse)
2) การทารุณกรรมทางเพศ (sexual abuse)
1) การทารุณกรรมทางร่างกาย (physical abuse)
การทอดทิ้ง (Neglect)
เป็นประเภทหนึ่งของการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง (mistreatment) ส่วนใหญ่
พบในผู้สูงอายุ เป็นการปฏิเสธ หรือความล้มเหลวในการตอบแทนบุญคุณ
หรือการทําหน้าที่ต่อผู้สูงอาย
การละทิ้ง (Abandonment)
การละทิ้งหน้าที่ต่อผู้สูงอายุที่ตนเองรับผิดชอบในการให้การดูแลหรือผู้สูงอายุที่อยู่ในความดูแล เช่น ผู้ดูแลที่จ้างจากศูนย์ออกไปเที่ยวนอกบ้านทิ้งให้ผู้สูงอายุที่นอนติดเตียงอยู่ในห้องตามลําพัง
การแสวงหาผลประโยชน์ทางด้านการเงิน (Financial exploitation)
1) การแสวงหาผลประโยชน์ทางด้านการเงิน (financial exploitation) เป็นการกระทําที่มิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เหมาะสมในการใช้เงินทุน ทรัพย์สมบัติหรือผลประโยชน์ต่างๆ
2) บังคับให้เซนชื่อ เช่น บังคับให้ผู้สูงอายุลงนามในใบถอนเงินจากธนาคาร
3) ใช้เงินผิดประเภทหรือขโมยเงินหรือสมบัติของผู้สูงอายุ
4) ขู่เข็ญหรือหลอกลวงผู้สูงอายุให้เซ็นชื่อในเอกสาร เช่น การทําสัญญาหรือการทําพินัยกรรม
การบริการและการให้การช่วยเหลือในประเทศไทย
สําหรับในประเทศไทยมีหน่วยงานที่ให้บริการและให้ความช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ได้รับการทารุณกรรม เช่น
1) ศูนย์ประชาบดีและศูนย์ช่วยเหลือสังคม (one stop crisis center) จัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการแก่แรงงานเด็ก การค้ามนุษย์
โดยมีการบูรณาการการท างานร่วมกันระหว่างองค์กรภาครัฐ องค์กรเอกชน
มูลนิธิและเครือข่ายภาคประชาชนมีจุดรับบริการและระบบส่งต่อ หน่วยงานรับผิดชอบในแต่ละ
กิจกรรมประเภทป๎ญหา สามารถติดต่อได้ทางสายด่วน 1300
เส้นทางนโยบาย กฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุไทย
เส้นทาง (timeline) ของนโยบาย กฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุไทย
พ.ศ. 2542
องค์การสหประชาชาตประกาศให้ปี พ.ศ. 2542 เป็นปีผู้สูงอายุสากล
พ.ศ. 2545
ได้มีการจัดทําแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2545-2564)
พ.ศ. 2541
มีการรับรอง ปฏิญญามาเก๊า
พ.ศ. 2546
จัดทําพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.2546
พ.ศ. 2540
ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 ม.54 และ 80
พ.ศ. 2550
ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตราที่เกี่ยวข้อง 53 และ 80
พ.ศ.2525
จัดตั้งคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จัดทําแผนผู้สูงอายุแห่งชาติฉบับที่ 1 (พ.ศ.2525-2544) กําหนดให้
วันที่ 13 เมษายน เป็นวัน"ผู้สูงอายุแห่งชาติ"
มาตรการด้านสุขภาพ
การบริการระดับชุมชน และการดูแลต่อเนื่องที่บ้านแบบบูรณาการและสหสาขา (Community base care, Home care)
โดยชุมชนมีส่วนร่วมเป็นส าคัญ ทั้งอาสาสมัคร องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นและองค์กรทางศาสนา (วัด) โดยคํานึงถึงหลักการเข้าถึง (accessibility) และราคาไม่แพง
เน้นบริการที่เข้าถึงตัวผู้สูงอายุในเชิงรุก
ภาพลักษณ์ผู้สูงอายุไทย ที่พึงปรารถนาในทศวรรษหน้า
3.พึ่งตนเองได้ มีประโยชน์เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของครอบครัว สังคม และมีศักดิ์ศรี
4.มีหลักประกันมั่นคง ได้รับสวัสดิการและบริการที่เหมาะสม
อยู่ในครอบครัวอย่างมีความสุข มีสังคมที่ดีและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม
5.มีความรู้และมีโอกาสได้เรียนรู้ตลอดชีวิต
1.มีสุขภาพกายและจิตที่ดี
กฎหมาย นโยบายอื่นๆ ของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับ
การเตรียมความพร้อมของประชากรในการเข้าสู่วัยสูงอายุอย่างมีคุณภาพ
นโยบาย กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างหลักประกันด้านสุขภาพและหลักประกันด้านรายได้
1.4) ปี พ.ศ.2539 พระราชบัญญัติกองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการ พ.ศ.2539
วัตถุประสงค์ “เพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบ าเหน็จบ านาญและให้ประโยชน์ตอบแทนการรับราชการแก่ข้าราชการเมื่อลาออกจากราชการ เพื่อส่งเสริมการออมของสมาชิกและเพื่อจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นให้แก่สมาชิก”
สมาชิกเลือกรับบ าเหน็จ จะมีสิทธิได้รับเงินสะสม เงินสมทบ และผลประโยชน์ของเงิน สิทธิประโยชน์ทางภาษี เงินสะสมที่สมาชิกส่งเข้า กบข.สามารถลดหย่อนภาษีได้แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท เงินหรือผลประโยชน์ใดๆที่สมาชิก กบข. ได้รับเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ คือ ออกจากราชการเมื่ออายุครบ 60 ปี หรือลาออกเมื่ออายุครบ 50 ปี จะได้รับยกเว้นภาษี ในกรณีที่สิ้นสมาชิกภาพด้วยเหตุอื่น หากมีระยะเวลาทัษงานไม่น้อยกว่า 5 ปี มีสิทธิเลือกเสียภาษี
โดยไม่ต้องนําไปรวมคํานวณกับเงินได้อื่นๆ โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 7,000 บาทคูณจํานวนปีที่ทํางานหักแล้วเหลือเท่าไหร่ ให้หักค่าใช้จ่ายได้อีก 50% ของเงินที่เหลือ
1.5) ปี พ.ศ.2554 พระราชบัญญัติการออมแห่งชาติ(กอช.) พ.ศ.2554
วัตถุประสงค์ คือ ส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิกและเพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบํานาญและ ให้ประโยชน์ตอบแทนแก่สมาชิกเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ ผู้มีสิทธิเป็นสมาชิก กอช. บุคคล
สัญชาติไทยที่มีอายุ 15 ปีแต่ไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ ไม่เป็นผู้ประกันตนตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม สมาชิกกองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการ กองทุนบ าเหน็จบ านาญข้าราชการกรุงเทพมหานคร กองทุน
บําเหน็จ บํานาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วย
โรงเรียนเอกชน หรือสมาชิก กองทุนอื่นหรืออยู่ในระบบบ านาญอื่นตามที่จะกําหนดโดยกฎกระทรวง
1.3) ปี พ.ศ.2533 พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533
ประโยชน์ทดแทนชราภาพ ผู้ประกันตนได้รับประกันสังคมในกรณีชราภาพแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
บําเหน็จชราภาพ เป็นเงินที่จ่ายให้ครั้งเดียวด้วยเหตุที่ผู้ประกันตนชราภาพ โดยมีเงื่อนไขการเกิดสิทธิคือ
(1) ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบมาแล้วน้อยกว่า 180 เดือน
(2) ความเป็น้ประกันตนสิ้นสุดลง
(3) มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
บํานาญชราภาพ เป็นเงินเลี้ยงชีพรายเดือนตลอดชีวิต โดยมีเงื่อนไขการเกิดสิทธิ คือ
(1) ผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน
(2) ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
(3) มีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
1.6) ปี พ.ศ. 2544 กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund ; RMF)
วัตถุประสงค์ เป็นเครื่องมือหนึ่งในการสะสมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณโดยมีการสนับสนุนให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุนเพื่อเป็นแรงจูงใจ เหมาะกับคนทุกกลุ่มที่ต้องการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ
สิทธิประโยชน์ทางภาษี เงินที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนของ RMF จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนํามา
รวมเพื่อคํานวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามจํานวนที่ลงทุนจริง แต่ไม่เกิน 15 % ของเงินได้พึงประเมินโดยเมื่อนับรวมกับเงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสํารองเลี้ยงชีพต้องไม่เกิน 500,000 บาท
1.2) ปี พ.ศ. 2530 พระราชบัญญัติกองทุนส ารองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530
กองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้น เงินของกองทุนมาจากเงินที่ลูกจ้างจ่ายส่วนหนึ่งเรียกว่า "เงินสะสม" และนายจ้างจ่ายส่วนหนึ่งเรียกว่า "เงินสมทบ"
เพื่อสมาชิกจะได้มีเงินออมจํานวนที่มากพอเมื่อถึงวันเกษียณอายุ และมีชีวิตในวัยเกษียณอย่างมีคุณภาพ เงินที่รับออกจากกองทุนจะได้รับยกเว้นภาษี
1.7) ปี พ.ศ.2547 กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund: LTF)
กองทุนรวมเพื่อการลงทุนในตราสารแห่งทุน ในระยะยาวที่มีอายุไม่ตํ่ากว่า 10 ปี เพื่อให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุนในกองทุนนี้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตาม
สิทธิประโยชน์ทางภาษี 1. ผู้ลงทุนสามารถนําจํานวนเงินลงทุนในกองทุน LTF ไปหักลดหย่อนเงินได้พึงประเมินได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ทั้งปีทั้งนี้ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
เงินและผลประโยชน์ที่ได้รับจากการไถ่ถอนหน่วยลงทุน LTF ที่ถือครองมาไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน นับตามหลักเข้าก่อน - ออกก่อน (FIFO)
1.1) ปี พ.ศ. 2471 พระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2471
การปรับเปลี่ยนระบบการจ้างงานของรัฐให้มีประสิทธิภาพมีคุณภาพ และลดภาระค่าใช้จ่ายในเรื่องสวัสดิการบําเหน็จบํานาญ จึงนําระบบพนักงานราชการมาใช้กับหน่วยงานของรัฐ
พนักงานราชการจะต้องท าสัญญาจ้างทุก 4 ปี สิทธิประโยชน์ในการรับค่าตอบแทนจะได้รับค่าตอบแทนมากกว่าข้าราชการประมาณ 20 % ไม่ได้รับค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาพยาบาลใช้สิทธิประกันสังคม ไม่มีระบบบําเหน็จบํานาญข้าราชการ แต่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์
กฎหมาย นโยบายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้สูงอายุไทย
แผนผู้สูงอายุแห่งชาติฉบับที่ 1 พ.ศ. 2525 - 2544
การจัดทําแผนผู้สูงอายุฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2525-2544)
ประกอบด้วยการดําเนินงานใน 5 ด้าน ได้แก่
1) ด้านสุขภาพอนามัย
2) ด้านความมั่นคงทางรายได้และการทํางาน
3) ด้านการศึกษาและวัฒนธรรม
4) ด้านสวัสดิการสังคม
5) ด้านวิจัยและพัฒนา
“แผนผู้สูงอายุแห่งชาติฉบับที่ 1 มองว่าผู้สูงอายุเป็นบุคคลที่ได้ทําคุณประโยชน์ต่อสังคมและสมควรได้รับการตอบแทน”
แผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2545 – พ.ศ.2564
วิสัยทัศน์ “ผู้สูงอายุเป็นหลักชัยของสังคม” โดย
1) ประชากรผู้สูงอายุที่มีสถานภาพดี
2) ผู้สูงอายุที่ทุกข์ยากและต้องการการเกื้อกูล
3) ครอบครัวและชุมชนเป็นสถาบันหลักในการเกื้อหนุนผู้สูงอายุ
4) ระบบสวัสดิการและการบริการจะต้องสามารถรองรับผู้สูงอายุให้
สามารถดํารงอยู่กับครอบครัวและชุมชนได้อย่างมีคุณภาพ
5) รัฐจะต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในระบบบริการ
วัตถุประสงค์
1) เพื่อสร้างจิตส านึกให้คนในสังคมตระหนักถึงผู้สูงอายุในฐานะบุคคลที่มีประโยชน์ต่อสังคม
2) เพื่อให้ประชากรทุกคนตระหนักถึงความสําคัญของการเตรียมการและมีการเตรียมการเข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ
3) เพื่อให้ผู้สูงอายุด ารงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี พึ่งตนเองได้ มีคุณภาพชีวิตและมีหลักประกัน
4) เพื่อให้ประชาชน ครอบครัว ชุมชน องค์กรภาครัฐและเอกชนมีส่วนร่วมในภารกิจด้านผู้สูงอายุ
5) เพื่อให้มีกรอบและแนวทางปฏิบัติส าหรับส่วนต่างๆ ในสังคมทั้งภาคประชาชน ชุมชน องค์กรภาครัฐและ
เอกชนที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุได้ ปฏิบัติงานอย่างประสานและสอดคล้องกัน
ยุทธศาสตร์
ยุทธศาสตร์ที่ 3 ยุทธศาสตร์ด้านระบบคุ้มครองทางสังคมสําหรับผู้สูงอาย
มาตรการ 2 หลักประกันสุขภาพ
มาตรการย่อย 2.1 พัฒนาและส่งเสริมระบบประกันสุขภาพที่มีคุณภาพเพื่อผู้สูงอายุทุก คน
มาตรการ 3 ด้านครอบครัวผู้ดูแลและการคุ้มครอง
มาตรการย่อย 3.1 ลดหย่อนภาษีรายได้ให้แก่บุตร
มาตรการย่อย 3.2 เร่งรัดให้มีกฎหมายและแนวปฏิบัติในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิ ของผู้สูงอายุ
มาตรการย่อย 3.3 ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุได้อยู่กับครอบครัวอย่างมีคุณภาพและต่อเนื่องจนวาระสุดท้ายของชีวิต
มาตรการ 1 คุ้มครองด้านรายได้
มาตรการย่อย 1.1 จัดสวัสดิการด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุที่ยากจนและไม่มีแหล่งพึ่งพิงที่ เพียงพอ
มาตรการย่อย 1.2 ส่งเสริมการจัดตั้งกองทุนในชุมชนสําหรับผู้สูงอายุ
มาตรการ 4 ระบบบริการและเครือข่ายการเกื้อหนุน
มาตรการย่อย 4.1 ปรับปรุงบริการสาธารณะทุกระบบให้สามารถอํานวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุในการดํารงชีวิตและติดต่อสัมพันธ์กับสังคม กลุ่ม และบุคคล
มาตรการย่อย 4.2 จัดตั้งและพัฒนาบริการทางสุขภาพและทางสังคมในชุมชนที่สามารถเข้าถึงผู้สูงอายุมากที่สุดโดยเน้นบริการถึงบ้าน และมีการสอดประสานกันระหว่างบริการทางสุขภาพและสังคม
มาตรการย่อย 4.3 ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรทางศาสนา องค์กรเอกชน และองค์กรสาธารณประโยชน์มีส่วนร่วมในการดูแลจัดสวัสดิการ
มาตรการย่อย 4.4 เกื้อหนุนให้เอกชนจัดบริการด้านสุขภาพและสังคมให้กับผู้สูงอายุที่สามารถซื้อบริการได้
มาตรการย่อย 4.5 จัดบริการแพทย์ทางเลือก เช่น แพทย์แผนไทย ฯลฯ เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลรักษาป๎ญหาสุขภาพ
มาตรการย่อย 4.6 จัดตั้งคลินิกผู้สูงอายุ หอผู้ปุวยสูงอายุ และสถานบริการสุขภาพเรื้อรัง
ยุทธศาสตร์ที่ 5 ยุทธศาสตร์ด้านการประมวล และพัฒนาองค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุ และการติดตามประเมินผล การดําเนินการตามแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ
มาตรการ 2 สนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาวิจัยด้านผู้สูงอายุโดยเฉพาะที่เป็นประโยชน์ต่อการกําหนดนโยบาย ฃการพัฒนาการบริการ
มาตรการ 4 พัฒนาระบบข้อมูลทางด้านผู้สูงอายุให้เป็นระบบและทันสมัย
มาตรการ 1 สนับสนุนและส่งเสริมให้หน่วยงานวิจัยดําเนินการประมวลและพัฒนาองค์ความรู้
ด้านผู้สูงอายุที่จําเป็นสําหรับการกําหนดนโยบาย
มาตรการ 3 ดําเนินการให้มีการติดตามประเมินผลการดําเนินการตามแผนผู้สูงอายุแห่งชาติที่มีมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง
ยุทธศาสตร์ที่ 2 ยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมผู้สูงอายุ
มาตรการ 3 ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันและสร้างความเข้มแข็งขององค์กรผู้สูงอาย
มาตรการย่อย 3.1 ส่งเสริมการจัดตั้งและดําเนินงานชมรมผู้สูงอายุและเครือข่าย
มาตรการย่อย 3.2 สนับสนุนกิจกรรมขององค์กรเครือข่ายผู้สูงอายุ
มาตรการ 4 ส่งเสริมด้านการท างานและการหารายได้ของผู้สูงอายุ
มาตรการย่อย 4.1 ส่งเสริมการท างานทั้งเต็มเวลาและไม่เต็มเวลา ทั้งในระบบและนอกระบบ
มาตรการย่อย 4.2 ส่งเสริมการฝึกอาชีพและจัดหางานให้เหมาะสมกับวัยและความสามารถ
มาตรการย่อย 4.3 ส่งเสริมการรวมกลุ่มของชุมชนเพื่อจัดท ากิจกรรมเสริมรายได้ โดยให้ผู้สูงอายุมีส่วนร่วมด้วย
มาตรการ 7 มาตรการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมที่
เหมาะสมและปลอดภัย
มาตรการย่อย 7.1 ก าหนดมาตรฐานขั้นต่ าส าหรับสถานสงเคราะห์คนชราและหน่วยงานที่ให้บริการด้านที่พักอาศัยแก่ผู้สูงอายุไม่ว่าของรัฐ
หรือเอกชนและหน่วยงานของเอกชนที่ให้บริการด้านนี้ต้องได้รับอนุญาตจัดตั้งและจดทะเบียนกับทางราชการ
มาตรการย่อย 7.2 สนับสนุนให้องค์กรทั้งภาครัฐ ชุมชนและเอกชน เข้ามามีส่วนร่วมในการรับผิดชอบและจัดบริการด้านที่พักอาศัยและ
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ
มาตรการย่อย 7.3 ก าหนดมาตรการแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยตํ่าเพื่อที่อยู่อาศัย การปรับปรุงเพื่อที่อยู่อาศัยและระบบสาธารณูปโภคสําหรับผู้สูงอายุ
มาตรการ 5 สนับสนุนผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ
มาตรการย่อย 5.1 ประกาศเกียรติคุณผู้สูงอายุที่เป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม
มาตรการย่อย 5.2 ส่งเสริมและเปิดโอกาสให้มีการเผยแพร่ภูมิป๎ญญาของผู้สูงอายุและให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคมด้านต่างๆ
มาตรการ 2 จัดบริการให้คําปรึกษาทั่วไปในสถานบริการทางสุขภาพของรัฐและเอกชน
มาตรการย่อย 2.1 ด าเนินการให้มีการสื่อข้อมูลข่าวสารแก่ผู้สูงอายุอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
มาตรการ 6 ส่งเสริมสนับสนุนสื่อทุกประเภทให้มีรายการเพื่อผู้สูงอายุ และสนับสนุนให้ผู้สูงอายุ
ได้รับความรู้และความสามารถเข้าถึงข่าวสารและสื่อ
มาตรการย่อย 6.1 ส่งเสริมสนับสนุนสื่อทุกประเภทให้มีรายการเพื่อผู้สูงอายุ
มาตรการย่อย 6.2 ส่งเสริมการผลิตและการเข้าถึงสื่อและข่าวสารที่มีประสิทธิภาพส าหรับผู้สูงอายุ
มาตรการย่อย 6.3 ด าเนินการให้ผู้สูงอายุสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากสื่อต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
มาตรการ 1 ส่งเสริมความรู้ด้านการส่งเสริมสุขภาพ ปูองกัน ดูแลตนเองเบื้องต้น
มาตรการย่อย 1.1 จัดบริการการอบรมในรูปแบบที่หลากหลายและเหมาะสมแก่ผู้สูงอาย
ยุทธศาสตร์ที่ 4 ยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการเพื่อการพัฒนางานด้านผู้สูงอายุระดับชาติ
และการพัฒนาบุคลากรด้านผู้สูงอายุ
มาตรการ 1 การบริหารจัดการเพื่อการพัฒนางานด้านผู้สูงอายุระดับชาติ
มาตรการย่อย 1.2 กสผ. ด าเนินการให้มีการพัฒนาและปรับปรุงแผนผู้สูงอายุแห่งชาติฉบับที่ 2
มาตรการย่อย 1.3 จัดให้มีเครือข่ายการบริหารและพัฒนาผู้สูงอายุขึ้นในระดับตําบลและหมู่บ้านเชื่อมโยงกับคณะกรรมการระดับชาติ
มาตรการย่อย 1.1 ส่งเสริมให้คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานผู้สูงอายุแห่งชาติ
มาตรการ 2 ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิตหรือฝึกอบรมบุคลากรด้านผู้สูงอายุ
มาตรการย่อย 2.1 ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิตหรือฝึกอบรมบุคลากรด้านผู้สูงอายุทั้งในระดับวิชาชีพ ผู้เชี่ยวชาญ
และผู้ดูแลทั่วไป
มาตรการย่อย 2.2 กําหนดแผนการผลิตบุคลากรด้านผู้สูงอายุให้เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของประเทศและดําเนินการติดตามอย่างต่อเนื่อง
ยุทธศาสตร์ที่ 1
ยุทธศาสตร์ด้านการเตรียมความพร้อมของประชากรเพื่อวัยสูงอายุที่มีคุณภาพ
มาตรการ 2 การให้การศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต
มาตรการย่อย 2.2 ส่งเสริมและจัดบริการการศึกษาต่อเนื่องตลอดชีวิตทั้ง
การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
มาตรการย่อย 2.4 เตรียมการสําหรับผู้ที่จะเข้าสู่วัยสูงอายุให้มีความรู้ที่ถูกต้องในทุกเรื่องที่จําเป็น
มาตรการย่อย 2.1 ส่งเสริมพฤติกรรมอนามัยตั้งแต่เด็ก ให้มีหลักสูตรวิชาการดูแลสุขภาพและพฤติกรรมอนามัย
มาตรการย่อย 2.3 รณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงความจําเป็นของการเตรียมการเข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ
มาตรการ 3 การปลุกจิตส านึกให้คนในสังคมตระหนักถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้สูงอายุ
มาตรการย่อย 3.2 จัดให้มีการศึกษาเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ทั้งการศึกษาในระบบนอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัยโดยเริ่มตั้งแต่ระดับอนุบาล
มาตรการย่อย 3.3 ส่งเสริมให้มีกิจกรรมสัมพันธ์ระหว่างผู้สูงอายุกับคนทุกวัย
มาตรการย่อย 3.1 ส่งเสริมให้ประชาชนทุกวัยเรียนรู้และมีส่วนร่วมในการดูแลรับผิดชอบครอบครัว ผู้สูงอายุและชุมชน
มาตรการย่อย 3.4 รณรงค์ให้สังคมมีจิตส านึกและตระหนักถึงคุณค่าและศักดิ์ศรีของผู้สูงอาย
มาตรการ 1 หลักประกันด้านรายได้เพื่อวัยสูงอายุ
มาตรการย่อย 1.3 ลดหย่อนภาษีเพื่อส่งเสริมการออมสําหรับผู้สูงอายุ
มาตรการย่อย 1.2 ส่งเสริมการออมตั้งแต่วัยทํางาน
มาตรการย่อย 1.1 ขยายหลักประกันชราภาพให้ครอบคลุมบุคคลทั่วไป
พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546
เหตุผลในการตราพระราชบัญญัติ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 มาตรา 54 ได้บัญญัติเกี่ยวกับสิทธิผู้สูงอายุ ให้มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ
วัตถุประสงค์ เพื่อให้การด าเนินงานเกี่ยวกับการคุ้มครองการส่งเสริม และการสนับสนุนต่อสิทธิ และประโยชน์ของผู้สูงอายุเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรของไทย ต่อมาได้มีการปรับแก้ใน พ.ศ.2533
สาระสําคัญ บุคคลผู้มีสิทธิในพระราชบัญญัติฉบับนี้ กําหนดให้บุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปและมีสัญชาติไทยถือเป็นผู้สูงอายุาผู้สูงอายุมีสิทธิได้รับการคุ้มครอง การส่งเสริมและการสนับสนุนในด้านต่างๆ ส่งผลให้ผู้สูงอายุได้รับสิทธิในด้านต่างๆ
พิจารณาจากมาตรา 54 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
บทบัญญัติเกี่ยวกับค าจ ากัดความ มาตรา 1-2
บทบัญญัติเกี่ยวกับรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ มาตรา 3
บทบัญญัติเกี่ยวกับคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ มาตรา 4 - 10
บทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิผู้สูงอายุ มาตรา 11 – 12
บทบัญญัติเกี่ยวกับ “กองทุนผู้สูงอายุ” มาตรา 14-16
บทบัญญัติเกี่ยวกับสิทธิผู้เลี้ยงดูผู้สูงอายุ มาตรา 17
บทบัญญัติเกี่ยวกับกองทุนผู้สูงอายุ มาตรา 16 , 18 – 22
บทบัญญัติระหว่างเตรียมการ มาตรา 23
บทบัญญัติเกี่ยวกับรัฐมนตรีรักษาการ มาตรา 24
แผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2545 - 2564 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 พ.ศ.2552
ปรัชญา
ผู้สูงอายุไม่ใช่ผู้ด้อยโอกาสหรือเป็นภาระต่อสังคม แต่สามารถมีส่วนร่วม เป็นพลังพัฒนาสังคม
จึงควรได้รับการส่งเสริมและเกื้อกูลจากครอบครัว ชุมชน และรัฐให้ดํารงชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่า
วิสัยทัศน์
“ผู้สูงวัยเป็นหลักชัยของสังคม” ประชากรผู้สูงอายุที่มีสถานภาพดีและจิต ครอบครัวอบอุ่นมีสังคมที่ดี มีหลักประกันที่มั่นคง ได้รับสวัสดิการและการบริการที่เหมาะสมอยูอย่างมีคุณค่า
วัตถุประสงค์ หลัก 5 ประการคือ
เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยการด ารงชีวิตอย่างมีคุณค่า มีศักดิ์ศรีพึ่งตนเองได้
และมีหลักประกันที่มั่นคง
เพื่อสร้างจิตส านึกให้สังคมไทยตระหนักถึงผู้สูงอยุในฐานะบุคคลที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม และ
ส่งเสริมให้คงคุณค่าไว้ให้นานที่สุด
เพื่อให้ประชากรทุกคนตระหนักถึงความส าคัญของการเตรียมการ และมีการเตรียมความพร้อม
เพื่อการเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ
เพื่อให้ประชาชน ครอบครัว ชุมชน ท้องถิ่น องค์กรภาครัฐ และเอกชน ตระหนักและมีส่วน
ร่วมในภารกิจด้านผู้สูงอายุ
เพื่อให้มีกรอบและแนวทางการปฏิบัติงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุส าหรับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อัน
จะน าไปสู่การบูรณาการงานด้านผู้สูงอายุ
ยุทธศาสตร์
ยุทธศาสตร์ที่ 3 ระบบคุ้มครองทางสังคมส าหรับผู้สูงอาย
มาตรการ 1 คุ้มครองด้านรายได้
มาตรการ 2 หลักประกันด้านสุขภาพ
มาตรการ 3 ด้านครอบครัว ผู้ดูแลและการคุ้มครอง มาตรการ 4 ระบบบริการและเครือข่ายการเกื้อหนุน
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การบริหารจัดการเพื่อการเพิ่มการพัฒนางานด้านผู้สูงอายุอย่างบูรณาการระดับชาติและการพัฒนาบุคลากรด้านผู้สูงอายุ
มาตรการ 1 การบริหารจัดการเพื่อการพัฒนางานด้านผู้สูงอายุระดับชาติ
มาตรการ 2 ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านผู้สูงอายุ
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การส่งเสริมและการพัฒนาผู้สูงอายุ
มาตรการ 1 ส่งเสริมความรู้ ด้านการส่งเสริมสุขภาพปูองกันดูแลตนเองเบื้องต้น
มาตรการ 2 ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันและสร้างความเข้มแข็งขององค์กรผู้สูงอายุ
มาตรการ 3 ส่งเสริมด้านการท างานและการหารายได้ของผู้สูงอายุ
มาตรการ 4 สนับสนุนผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ
มาตรการ 5 ส่งเสริมสนับสนุนสื่อทุกประเภทให้มีรายการเพื่อผู้สูงอายุ
มาตรการ 6 ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมที่
เหมาะสมและปลอดภัย
ยุทธศาสตร์ที่ 5 การประมวล พัฒนา และเผยแพร่องค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุและการติดตามระเมินผล
มาตรการ 2 สนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาวิจัยด้านผู้สูงอายุโดยเฉพาะที่เป็นประโยชน์ต่อการกําหนดนโยบายการพัฒนาการบริการ
มาตรการ 3 ดําเนินการให้มีการติดตามประเมินผลการดําเนินการแผนผู้สูงอายุ
มาตรการ 1 สนับสนุนและส่งเสริมให้หน่วยงานวิจัยดําเนินการประมวลและพัฒนา
องค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุที่จําเป็นสําหรับการกําหนดนโยบาย
มาตรการ 4 พัฒนาระบบข้อมูลทางด้านผู้สูงอายุให้เป็นระบบและทันสมัย
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเตรียมความพร้อมของประชากรเพื่อวัยสูงอายุที่มีคุณภาพ
มาตรการ 1 หลักประกันด้านรายได้เพื่อวัยสูงอายุ
มาตรการ 2 การให้การศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต
มาตรการ 2 การให้การศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต
1 ปฏิญญาผู้สูงอายุไทย
ข้อที่ 5 ผู้สูงอายุควรได้เรียนรู้ในการดูแลสุขภาพอนามัยของตนเอง ต้องมีหลักประกันและสามารถเข้าถึงบริการด้าน สุขภาพอนามัยอย่างครบวงจรโดยเท่าเทียมกัน รวมทั้งได้รับการดูแลจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตอย่างสงบ ตามคตินิยม
ข้อที่ 6 ผู้สูงอายุส่วนใหญ่พึ่งพาตนเองได้สามารถช่วยเหลือครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมในสังคม เป็นแหล่งภูมิปัญญาของคนรุ่นหลัง มีการเข้าสังคม มีนันทนาการที่ดีและมีเครือข่ายช่วยเหลือซึ่งกันและกันในชุมชน
ข้อที่ 4 ผู้สูงอายุควรได้ถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ให้สังคม มีโอกาสได้ทํางานที่เหมาะสมกับวัยและตามความสมัครใจ โดยได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรม เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจและเห็นชีวิตมีคุณค่า
ข้อที่ 7 รัฐโดยการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคเอกชน ประชาชน สถาบันสังคมต้องก าหนดนโยบาย และแผนหลักด้านผู้สูงอายุส่งเสริมและประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด าเนินการอย่างต่อเนื่องให้บรรลุผลตามเป้าหมาย
ข้อที่ 3 ผู้สูงอายุควรได้รับโอกาสในการศึกษาเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างต่อเนื่อง เข้าถึงข้อมูลข่าวสารและ บริการทางสังคมอันเป็นประโยชน์ในการดํารงชีวิต เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของสังคมรอบด้าน เพื่อสามารถ ปรับบทบาทของตนให้สมวัย
ข้อที่ 8 รัฐโดยการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคเอกชน ประชาชน สถาบันสังคมต้องตรากฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุ เพื่อเป็นหลักประกันและการบังคับใช้ในการพิทักษ์สิทธิ คุ้มครองสวัสดิภาพ และจัดสวัสดิการแก่ผู้สูงอายุ
ข้อที่2 ผู้สูงอายุควรอยู่กับครอบครัวโดยได้รับความเคารพรัก ความเข้าใจ ความเอื้ออาทร การดูแลเอาใจใส่ การยอมรับ บทบาทของกันและกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีในการอยู่ร่วมกัน อย่างเป็นสุข
ข้อที่ 9 รัฐโดยการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคเอกชน ประชาชน สถาบันสังคมต้องรณรงค์ปลูกฝัง ค่านิยมให้สังคมตระหนักถึงคุณค่าของผู้สูงอายุตามวัฒนธรรมไทยที่เน้นความกตัญํูกตเวทีและเอื้ออาทรต่อกัน
ข้อที่ 1 ผู้สูงอายุต้องได้รับปัจจัยพื้นฐานในการดํารงชีวิตอย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรี ได้รับการพิทักษ์และคุ้มครองให้พ้นจากการถูกทอดทิ้ง และละเมิดสิทธิโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ไม่สามารถพึ่งตนเองได้ และผู้พิการที่สูงอายุ
สิทธิของผู้สูงอายุตามหลักการขององค์การสหประชาชาติ
6.3) การอุปการะเลี้ยงดู
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิได้รับบริการทางด้านสังคมและกฎหมาย
ผู้สูงอายุพึงมีสทิธิที่จะได้รับประโยชน์จากการเลี้ยงดูในสถานสงเคราะห์
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิเข้าถึงบริการด้านการดูแลสุขภาพ
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิมนุษยชนทั้งปวงและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิที่จะได้รับการอุปการะเลี้ยงดูและการปกปูองคุ้มครองจากครอบครัว
6.4) การบรรลุความต้องการ
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิที่จะแสวงหาโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิเข้าถึงแหล่งการศึกษา วัฒนธรรม ความเชื่อ ทางศาสนา และนันทนาการในสังคม
6.2) การมีส่วนร่วม
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิที่จะแสวงหาและพัฒนาโอกาสในการให้บริการแก่ชุมชน และทํางานอาสาสมัครในตําแหน่งที่เหมาะสมกับความสนใจและความสามารถ
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิที่จะก่อตั้งขบวนการหรือสมาคมเพื่อผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิคงอยู่ในสังคม และมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกําหนดและ
ดําเนินนโยบายที่มีผลโดยตรงต่อความเป็นอยู่อันดีของผู้สูงอายุ
6.5) ความมีศักดิ์ศรี
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิที่จะด ารงชีวิตอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและมีความมั่นคงปลอดภัยปราศจากการถูกแสวงหาผลประโยชน์
ผู้สูงอายุพึงได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมโดยไม่คํานึงถึงความแตกต่างทางวัยเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ภูมิหลัง ศาสนา ความพิการ ฐานะทางเศรษฐกิจ หรือสถานภาพอื่นใด
6.1) การมีอิสระภาพในการพึ่งตนเอง
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิและมีส่วนร่วมในการกําหนดการเกษียณอายุการทํางาน
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิเข้าถึงโครงการฝึกอบรมและโครงการด้านการศึกษาที่เหมาะสม
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิและโอกาสได้ทํางาน หรือมีโอกาสที่จะสร้างรายได้ทางอื่นให้กับตนเอง
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิที่จะอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และสามารถที่จะปรับให้เข้ากับความพึงพอใจส่วนบุคคลและความสามารถที่เปลี่ยนไป
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิที่จะได้รับอาหาร นํ้า ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และการดูแลสุขภาพ
ผู้สูงอายุพึงมีสิทธิที่จะพักอาศัยอยู่ที่บ้านของตนเองได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
🌴นางสาววนิดา พลมั่น 621201152 ชั้นปีที่ 3🌴