Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตรวจร่างกาย chest (heart & lung) - Coggle Diagram
การตรวจร่างกาย chest (heart & lung)
ปอดและทรวงอก
การดู
สังเกตดูลักษณะรูปร่างและขนาดของทรวงอกเริ่มดูจากด้านหลังด้านข้างด้านหน้าและบริเวณฐานของคอดูรูปร่างและขนาดของทรวงอกเหมือนกันทั้งสองข้างหรือไม่ข้างใดโป่งออกมาหรือปุ่มเข้าไปในคนปกติถ้าตัดทรวงอกตามขวางจะได้รูปกลมแบนเส้นผ่าศูนย์กลางด้านหน้าลากไปด้านหลังแคบกว่าด้านขวางในอัตรา 1: 2 รูปร่างและขนาดของทรวงอกที่ผิดปกติที่พบได้บ่อย
ลักษณะการหายใจสังเกตจังหวะ (Rhythm) ความลึกตื้นของการหายใจอวัยวะที่ใช้ช่วยในการหายใจในคนปกติจังหวะการหายใจจะสม่ำเสมออัตราการหายใจในผู้ใหญ่ปกติจะมีอัตราการหายใจประมาณ 12-20 นาที (Wilson & Gidden, 2009, p. 215) ในเด็กอัตราการหายใจจะเร็วกว่าผู้ใหญ่การหายใจที่ผิดปกติที่พบบ่อย
การตรวจดูลักษณะการเคลื่อนไหวของทรวงอกทั้ง 2 ข้างขยายเท่ากันหรือไม่ถ้าพบว่าไม่เท่ากันเช่นทรวงอกข้างซ้ายเคลื่อนไหวน้อยกว่าข้างขวามักแสดงว่าทรวงอกหรือปอดข้างซ้ายผิดปกติพบได้ในผู้ที่มีเลือดในช่องอก (Pneumothorax)
การคลำ
การคลำทั่วไปบริเวณทรวงอกหาตำแหน่งที่เจ็บบริเวณที่มีความผิดปกติโดยค่อยๆคลำบริเวณที่ผู้รับบริการบอกว่าเจ็บเบา ๆ มีก้อนแผลฝีหรือไม่
2.การคลำดูการเคลื่อนไหวของทรวงอกและปอดทั้งสองข้าง (Thoracic expansion) ขณะที่หายใจเข้าออก
Tactile fremitus: การคลำเสียงสะท้อนถ้าฟังเสียงสะท้อนได้เบากว่าอีกข้างหนึ่งแสดงว่าปอดข้างนแฟบหรือมีสิ่งอุดกั้นในหลอดลมข้างนั้นเช่นน้ำหนองหรือลมในโพรงเยื่อหุ้มปอดข้างนั้น
การเคาะ
การเคาะการเคาะปอดทางด้านหลังให้ผู้รับบริการอยู่ในท่านั่งเริ่มเคาะจากช่องซี่โครงด้านบนไล่ลงด้านล่างหรือเคาะที่ซี่โครงข้างซ้ายครั้งหนึ่งข้างขวาครั้งหนึ่งในตำแหน่งที่ตรงกันเพื่อเปรียบเทียบความโปร่งความทึบของปอดทั้ง 2 ข้างซึ่งจะมีเสียงกังวานเท่ากันถ้าไม่เท่ากันแสดงว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นไม่เคาะตรงส่วนของกระดูกสะบักเพราะมีกล้ามเนื้อและกระดูกหนาจะไม่เกิดเสียง
การเคาะปอดทางด้านข้างเคาะจากช่องว่างระหว่างซี่โครงด้านบนลงมาด้านล่าง (ซี่โครงที่ 4 ถึง 7) ทั้งด้านซ้ายและขวา
การเคาะปอดทางด้านหน้าให้ผู้รับบริการนอนหงายเคาะที่กระดูกไหปลาร้าบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้าและช่องกระดูกซี่โครงที่ 2 ถึง 6 โดยเคาะห่างจาก Sternum ประมาณ 2.5 เซนติเมตรเคาะเปรียบเทียบกันทั้ง 2 ข้างเคาะจากบนลงล่าง
ลักษณะของเสียงที่เกิดขึ้นจากการเคาะ
เสียงที่บสนิท (Flatness) การเคาะปอดได้เสียงที่บมากแสดงว่ามีของเหลวเช่นน้ำหนองเลือดอยู่ในช่องปอดเป็นจำนวนมากเป็นต้นเสี
ยงที่บ (Dullness) เป็นเสียงทึบที่ดังน้อยกว่าเสียงแรกพบในรายที่เยื่อหุ้มปอดหนาขึ้น ปอดแฟบ ปอดบวม
เสียงกังวาน (Resonance) เป็นเสียงที่เกิดจากการเคาะบริเวณเนื้อปอดปกติ
เสียงโปร่ง (Hyper resonance) เป็นเสียงที่เกิดขึ้นจากการเคาะบริเวณที่มีลมอยู่มากพบในโรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema) และลมในช่องเยื่อหุ้มปอด (Pneumothorax)
เสียงโปร่งมาก (Tympany) เป็นเสียงที่เคาะบริเวณที่มีฟองอากาศเช่นกระเพาะอาหารท้องถ้าเคาะปอดได้เสียงนี้แสดงว่ามีลมในช่องปอดจำนวนมาก
การฟัง
Rhonchi เกิดจากอากาศผ่านหลอดลมขนาดใหญ่ในทรวงอกตีบแคบ
Bronchial breath sound: เสียงหายใจเข้าสั้นเสียงหายใจออกยาวฟังได้ที่บริเวณหลอดลมคอ
Broncho-vesicular breath Sound: เสียงหายใจเข้า-ออกเท่า ๆ กันฟังได้ที่ Rib 2-3 และระหว่างกระดูกสะบัก
Vesicular breath sound: เสียงหายใจเข้ายาวเสียงหายใจออกสั้น
Wheezing เป็นเสียงที่มีลักษณะแหลมกว่า rhonchi, ซึ่งความแหลมของเสียงขึ้นอยู่กับความเร็วของลมที่วิ่งผ่าน
Rhonchi and Wheezing เป็นเสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของหลอดลมในขณะที่มีลมวิ่งผ่านหลอดลมที่ตีบแคบพบใน Asthma,, อากาศผ่านช่องทางที่แคบพบใน Asthma, COPG, CHE
Crepitation or crackle เกิดจากน้ำในหลอดลมฝอยทำให้ถุงลมแฟบขณะหายใจออก
Stridor เป็นเสียงที่เกิดจากการตีบแคบของหลอดลมขนาดใหญ่มีลักษณะเป็นเสียงหวีดที่ได้ยินชัดในช่วงหายใจเข้ามักได้ยินโดยไม่ต้องใช้ stethoscope
หัวใจ
การดู
ลักษณะของทรวงอกด้านซ้ายโป่งหรือไม่ (PRECORDIAL BULGING)
เวลาหัวใจเต้นหัวใจกระแทกกับผนังทรวงอก (HEAVING) หรือไม่
มี ABNORMAL PULSATION บริเวณทรวงอกด้านซ้ายหรือไม่
มีอาการหายใจลำบาก (SOP) หรือไม่
การคลำ
พจรสามารถคลำได้หลายบริเวณตามที่กล่าวไปแล้วการคล้วควรบอกให้ได้เกี่ยวกับอัตรา (rate) จังหวะ (rhythm) และความแรง (intensity)
คลำ apex beat ซึ่งปกติในผู้ใหญ่จะคลำได้อยู่บริเวณซองซี่โครงช่องที่ 5 ในแนวของ mid clavicular line หากอได้บริเวณอื่นแสดงให้เห็นความผิดปกติของหัวใจเช่นหัวใจโตหรือหัวใจกลับบ้าง (dextrocardia)
คลำ thrill เป็นความสั่นสะเทือนที่สัมผัสได้ด้วยมือที่วางทาบอยู่บนทรวงอกเหนือตำแหน่งของหัวใจเกิดจากความผิดปกติในการไหลเวียนของเลือดในหัวใจหรือในเส้นเลือดใหญ่คนปกติจะไม่สามารถคลำ thrill ได้
การฟัง
เสียงการเต้นของหัวใจสามารถแยกออกได้เป็นหลายเสียง แต่เสียงทั่วไปที่ดังและได้ยินชัดเป็นเสียงที่เกิดจากการปิดของลิ้นหัวใจ
เสียงที่ 1 (S1) เป็นเสียงที่เกิดจากการปิดของลิ้น Mitral และ Tricuspid จะได้ยินนำหน้า radial pulse เล็กน้อยหากเราใช้มือจับชีพจรบริเวณข้อมือไปด้วย
เสียงที่ 2 (S2) เป็นเสียงที่เกิดจากการปิดของลิ้น Aortic และ Pulmonary เป็นเสียงที่ค่อย แต่สูงกว่าเสียงแรก
นอกจากเสียง S1 และ S2 แล้วยังมีเสียงอื่น ๆ อีกที่เกิดจากทำงานของหัวใจ แต่เป็นเสียงที่ฟังได้ค่อนข้างยากหากไม่มีความชำนาญ ได้แก่ เสียง spit S2 (เกิดจากการปิดของลิ้น Aortic และ Pulmonary ที่ช้ากว่ากันเล็กน้อย) เสียง S3 (เป็นเสียงที่เกิดจากการไหลของเลือดเข้าสู่ ventricle อย่างรวดเร็ว) และ S4 เป็นต้น
เสียงหัวใจที่ผิดปกติที่พบบ่อย ได้แก่ เสียง murmur (เสียงจืด) มักพบในผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจรั่วหรือตีบหรือผนังหัวใจรั่วเป็นต้นอาจแบ่งได้ตามช่วงที่ได้ยินเสียงเป็น Systolic murmur และ diastolic murmur และแบ่งระดับความดังได้เป็น 6 ระดับ (grade)
Grade 1 เบามากต้องตั้งใจฟังดีๆ
Grade 2 เบา แต่ได้ยินทันที่ที่แคะหูฟังบนทรวงอก
Grade 3 ดังปานกลาง แต่คลำ thrill ไม่ได้
Grade 4 ดังมากขึ้นและคลำ thrill ได้
Grade 5 ดังมากแตะหูฟังไม่สนิทก็ได้ยิน
Grade 6 ดังมากอาจได้ยินทั้งที่หูฟังอยู่ห่างจากทรวงอกเล็กน้อย
การดู
สีผิวเหมือนสึกายไม่พบรอยโรคหรือ Spider nevi เห็นการเต้นของหัวใจ
ดูลักษณะผนังของทรวงอกว่าเหมือนกัน 2 ข้างหรือมีการโป่งนูนของผนังทรวงอกถ้ามีการโป่งนูนด้านซ้ายของกระดูก sternum แสดงว่ามี ventricular hypertrophy
ดู Apical impulse หรือ Apical best คือตำแหน่งที่มีการเต้นของหัวใจแรงที่สุดเรียกว่า Point of maximum impulse: PMI บางรายอาจมองไม่เห็นเนื่องจากผนังทรวงอกหนา
Abnormal pulsation อื่น ๆ ในบริเวณ Precordial area และบริเวณคอทั้งสองข้างเช่น impulse จาก Aneurysm