ความผิดปกติของปัจจัยการคลอด

ความผิดปกติของของท่าและส่วนนำ (Abnormality of passenger)

ความผิดปกติของกำลังการคลอด (Abnormality of power)

ความผิดปกติด้านจิตใจ (Phychological condition

ภาวะคลอดยาก (Dystocia)

เป็นภาวะที่ความก้าวหน้าของการคลอดเป็นไปอย่างล่าช้าผิดปกติ มักเป็นผลจากความผิดปกติของปัจจัยใดอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกัน ได้แก่ ความผิดปกติของกำลังการคลอด ช่องทางคลอดผิดปกติ ความผิดปกติของท่า ส่วนนำของทารกและรกผิดปกติ และความผิดปกติทางด้านจิตใจ การวินิจฉัยความผิดปกติได้ตั้งแต่ในระยะแรก การติดตามการคลอดอย่างใกล้ชิด จะช่วยให้ผู้คลอดและทารกปลอดภัยจากการคลอดได้

ประเภทของการคลอดยาก

2.ความผิดปกติของการคลอดเนื่องจากปากมดลูกเปิดขยายช้ากว่าปกติหรือส่วนนำเคลื่อนตำ่ลงช้ากว่าปกติในระยะ active phase

  1. ความผิดปกติของการคลอดในระยะที่ 2 ของการคลอด
  1. การผิดปกติของการคลอดในระยะ latent phase

ระยะของการคลอดใน latent phase ยาวนานกว่า 20 ชั่วโมง ในครรภ์แรกและนานเกินกว่า 14 ชั่วโมง ในครรภ์หลัง (Prolonged latent phase)

2.2 Protracted descent(Prolong descent) การที่ส่วนนำของศีรษะทารกเคลื่อนต่ำลงช้ากว่า 1 เซนติเมตร ต่อชั่วโมงในครรภ์แรกและ ช้ากว่า 2 เซนติเมตรต่อชั่วโมงในครรภ์หลัง

2.3 Prolong deceleration phase ระยะลดลงนานเกิน 3 ชั่วโมงในครรภ์แรกและนานเกินกว่า 1 ชั่วโมงในครรภ์หลัง

2.1 Protracted active phase เป็นระยะที่มีการเปิดขยายของปากมดลูกช้ากว่า 1.2 เซนติเมตรต่อชั่วโมงใน ครรภ์แรกหรือช้ากว่า 1.5 เซนติเมตรต่อชั่วโมงในครรภ์หลังในระยะ Phase of maximum slope ระยะ active ยาวนานกว่า 12 ชั่วโมงในครรภ์แรกและมากกว่า 6 ชั่วโมงในครรภ์หลัง

2.4 Secondary arrest of dilatation คือปากมดลูกไม่เปิดขยายอีกต่อไปนานเกินกว่า 2 ชั่วโมงในระยะปากมดลูกเปิดเร็ว

3.2 Failure of descent หมายถึงส่วนนำไม่มีการเคลื่อนต่ำระดับส่วนนำไม่เคลื่อนต่ำลงมากกว่าระดับ ischial spine (station 0)

3.1 Arrest of descent หมายถึงส่วนนำไม่เคลื่อนต่ำลงมาอีกเลยนานเกินกว่า 1 ชั่วโมงในครรภ์หลัง และ 2 ชั่วโมงในครรภ์แรก

แรงเบ่งไม่พอ (faulty secondary)

มดลูกหดรัดตัวผิดปกติ (uterine dysfunction)

มดลูกหดรัดตัวน้อยกว่าปกติ (hypotonic uterine dysfunction)

มดลูกหดรัดตัวมากผิดปกติ (hypertonic uterine dysfunction)

1. ความนานของการหดรัดตัวของมดลูกน้อยกว่า 40 วินาที 
2. ระยะห่างของการหดรัดตัวของมดลูกมีมากกว่า 3 นาทีหรือภายใน 10 นาทีมดลูกมีการหดรัดตัวน้อยกว่า 3 ครั้ง                                                                                           3. ความแรงของการหดรัดตัวของมดลูกอยู่ในระดับน้อยถึงปานกลางหรือแรงดันในถุงนำ้คร่ำมีค่าน้อยกว่า 15  มม.ปรอท 

สาเหตุ

  1. กล้ามเนื้อมดลูกผิดปกติกล้ามเนื้อมดลูกมีการยืดขยายมาก

ผลต่อการดำเนินการคลอด

  1. เกิดการคลอดยากในระยะที่หนึ่ง เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวน้อยเกินไปจนไม่เพียงพอที่จะทำให้ปากมดลูกเปิดขยายปากมดลูกจะเปิดขยายช้า หรือ หยุดชะงักลง
  1. เกิดการคลอดยากในระยะที่สอง เนื่องจากแรงไม่มากพอที่จะผลักดันทารกให้เคลื่อนต่ำลง รวมทั้งกลไกการก้มและการหมุนภายในของศีรษะทารกเกิดขึ้นไม่เต็มที่

2.มีสิ่งที่ทำให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดี เช่น ได้รับยาแก้ปวด มีความเครียดและความวิตกกังวลสูง เจ็บครรภ์คลอดเป็นเวลานาน มีอาการอ่อนเพลีย

ผลต่อผู้คลอด

ผู้คลอดมักจะไม่ค่อยมีอาการเจ็บปวดจากการหดรัดตัวของมดลูก โดยทั่วไปผู้คลอดมักจะเริ่มมีความรู้สึกเจ็บปวด ถ้าการคลอดยาวนานผิดปกติ จะทำให้ผู้คลอดมีอาการอ่อนเพลีย เหน็ดเหนื่อย หมดแรง

มีโอกาสตกเลือดหลังคลอดเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดีซึ่งเกิดต่อเนื่องมาจากระยะคลอด

ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

มีโอกาสเกิดการคลอดยาวนานเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวน้อยกว่าปกติ

กิจกรรมการพยาบาล

ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกในระยะ active phaseพบมดลูกหดรัดตัวสม่่ำเสมอ แต่สั้นกว่า 40 วินาที ระยะห่างเกินกว่า 3 นาที ระดับความแรงน้อย เมื่อตรวจภายในพบปากมดลูกเปิดขยายช้า

ถ้ากระเพาะปัสสาวะเต็มหรือไม่ได้ปัสสาวะเลยภายใน 2 - 4 ชั่วโมงที่ผ่านมาให้กระตุ้นผู้คลอดถ่ายปัสสาวะ บางรายอาจจะต้องสวนปัสสาวะให้ถ้ากระเพาะปัสสาวะเต็มและถ่ายเองไม่ได้

ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกเป็นระยะๆ ทุก 30 นาทีเป็นอย่างน้อย ประเมินความก้าวหน้าของการคลอด ถ้าการคลอดไม่ก้าวหน้ารายงานแพทย์

มดลูกหดรัดตัวมากผิดปกติชนิดไม่ประสานกัน (in-coordinated uterine dysfunction)

มดลูกหดรัดตัวมากผิดปกติชนิดไม่คลาย ( tetanic contraction)

1.มดลูกหดรัดตัวแรงมาก แต่ไม่ได้หดรัดตัวแรงที่บริเวณยอดมดลูก (no fundus dominance) ตอนกลางหรือตอนล่างของมดลูกจะหดรัดตัวแรงมากกว่าบริเวณยอดมดลูก

ลักษณะ

  1. ลักษณะการหดรัดตัวของมดลูกไม่ได้เริ่มที่ยอดมดลูกก่อน และไม่ได้มีการแผ่กระจายจากมดลูกลงมาที่ ตอนกลางและตอนล่างของมดลูก
  1. ในระยะพัก กล้ามเนื้อมดลูกคลายตัวไม่เต็มที่ ถ้าวัดแรงดันในถุงน้ าคร่ำในระยะพักจะพบว่ามีแรงดัน มากกว่า 15 มม.ปรอท บางครั้งแรงดันอาจถึง 85 มม.ปรอท
  1. มดลูกมีการหดรัดตัวไม่สม่าเสมอ (irregularity) บางครั้งหดรัดตัวห่างมาก โดยอาจมีระยะห่างนานถึง 5 นาที แต่บางครั้งหดรัดตัวถี่ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะหดรัดตัวถี่มากกว่า ความนาน ในการหดรัดตัวไม่สม่ำเสมอบางครั้ง หดรัดตัวนาน ซึ่งอาจจะนานถึง 70 วินาที

มีความวิตกกังวล ความกลัวสูง มีความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจะทำให้มีการหลั่งของ catecolamine มากขึ้น มดลูกจะหดรัดตัวผิดปกติมากขึ้น หรือครรภ์แรก มารด่อายุน้อย ผ่านการคลอดมาหลายครั้ง มากกว่า 5 ครั้ง ภาวะ CPD ทารกผิดปกติ

สาเหตุ

ผลต่อการดำเนินการคลอด

มดลูกหดรัดตัวไม่ประสานกัน ทำให้ประสิทธิภาพในการขยายปากมดลูกลดลง ส่วนใหญ่เกิดในระยะปากมดลูกเปิดช้า จึงทำให้เกิดการเจ็บครรภ์คลอดยาวนาน ตั้งแต่ระยะนี้ถ้าแก้ไขไม่ได้ต้องผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง

ผลต่อผู้คลอดและทารก

  1. ทารกในครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจนได้สูง
  1. ผู้คลอดอ่อนเพลียมาก
  1. ผู้คลอดมีอาการเจ็บครรภ์มากกว่าปกติ และเจ็บตลอดเวลา แม้ในขณะมดลูกคลายตัว ในขณะที่มดลูกหด รัดตัวจะยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น

ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

  1. มีโอกาสเจ็บครรภ์คลอดยาวนาน เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ประสานกัน
  2. ผู้คลอดและทารกในครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะคับขันจากมดลูกหด

กิจกรรมการพยาบาล

  1. ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก พบมดลูกหดรัดตัวแรงและถี่มาก แต่ไม่สม่ำเสมอ ระยะพักมดลูกคลายตัวไม่เต็มที่ ผู้คลอดยังเจ็บครรภ์มาก ถ้าตรวจภายในพบปากมดลูกขยายช้า ทารกมักอยู่ในท่าผิดปกติ
  1. จัดให้ผู้คลอดนอนตะแคง เพื่อช่วยให้มดลูกหดรัดตัวประสานกันดี และช่วยลดการกดทับเส้นเลือด inferior vena cava เป็นการป้องกันภาวะทารกขาดออกซิเจน

ดูแลให้ได้รับ สารน้ำทางเส้นเลือดดำอย่างเพียงพอ

4.ประเมินเสียงหัวใจทารกทุก 15 - 30 นาที รวมทั้งสังเกตลักษณะน้ำคร่ำถ้าพบว่ามีลักษณะผิดปกติ หรือมดลูกหดรัดตัวถี่น้อยกว่า 2 นาที ให้รีบรายงานแพทย์

  1. มดลูกหดรัดตัวแรงมากกว่าปกติ ผู้คลอดมีอาการเจ็บปวดมาก
  1. มดลูกหดรัดตัวนานกว่า 90 วินาที ระยะพักสั้น
  1. มดลูกหดรัดตัวมากกว่าปกติ คือ ระยะห่างน้อยกว่า 90 วินาที

สาเหตุ

4.รกลอกตัวก่อนกำหนด

5.การคลอดติดขัด

ผลต่อผู้คลอดและทารก

  1. ในกรณีที่มีสาเหตุมาจากการคลอดติดขัด ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือมดลูกอาจแตก ทำให้ตกเลือดและอาจ เสียชีวิตทั้งผู้คลอด และอาจเสียชีวิตทั้งผู้คลอดและทารก
  1. ทารกในครรภ์มักเกิดภาวะขาดออกซิเจน เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดบริเวณมดลูกและรกลดลงมาก เพราะระยะพักสั้นกว่า 30 วินาที ถ้าช่วยเหลือไม่ทันทารกอาจเสียชีวิตได้
  1. ผู้คลอดจะมีอาการเจ็บครรภ์มาก จับหรือถูกต้องบริเวณมดลูกแทบไม่ได้ เจ็บเกือบตลอดเวลาทำให้พักไม่ได้ กระสับกระส่าย อ่อนเพลีย

ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

  1. ผู้คลอดมีโอกาสเกิดมดลูกแตกเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่คลายจากการคลอดติดขัด
  1. ทารกมีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่คลาย
  1. ผู้คลอดไม่สุขสบายจากกการเจ็บครรภ์มากเนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่คลาย

กิจกรรมการพยาบาล

ถ้าภาวะมดลูกหดรัดตัวไม่คลาย ไม่ได้เกิดจากการให้ยาออกซิโตซิน หรือรกลอกตัวก่อนกำหนด ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากการคลอดติดขัด ให้ประเมินท่าและทรงของทารกตลอดจนสภาพของเชิงกราน ถ้ามีความผิดปกติไม่สามารถคลอดทางช่องคลอดได้ให้เตรียมผู้คลอดเพื่อผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง

ถ้ามีเลือดสดๆ ออกทางช่องคลอด หรือมีอาการช็อคจากการเสียเลือด โดยที่ไม่มีสิ่งแสดงว่ามดลูกแตก อาจจะแสดงว่ามีภาวะรกลอกตัวก่อนคลอด

ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก พบว่ามดลูกหดรัดตัวถี่มาก แรงมาก ผู้คลอดเจ็บปวด ดิ้นทุรนทุราย จับต้องมดลูกไม่ได้ ฟังเสียงหัวใจทารกยาก ส่วนใหญ่เจ็บครรภ์คลอดมานาน ทารกมักมีท่าผิดปกติ

ถ้ามดลูกหดรัดตัวแรงมาก มดลูกไม่คลายตัวอยู่เป็นเวลานาน ภายหลังจากให้ยาแก้ปวดและยานอนหลับ แล้วยังไม่ดีขึ้น แพทย์อาจสั่งให้ยาลดการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก เช่น ริโทดริน หรือซัลบูตามอล

มดลูกหดรัดตัวมากผิดปกติ ชนิดหดรัดตัวเป็นวงแหวนบนรอยคอดของทารก (constriction ring)

ลักษณะ

  1. มีวงแหวนเกิดบนรอยคอดของทารก ซึ่งมักจะอยู่เหนือปากมดลูกขึ้นไป ประมาณ 7 - 8 ซม.
  1. มดลูกมีการหดรัดตัวแรง ผู้คลอดเจ็บครรภ์มาก แต่ยังคงมีระยะพักมดลูกมักหดรัดตัวไม่สม่ำเสมอ

สาเหตุ

การตั้งครรภ์ที่มีน้ำคร่ำน้อย (oligohydramnios) หรือถุงน้ำแตกก่อนเป็นเวลานาน

การให้ยา oxytocin กระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก

ภายหลังการทำสูติศาสตร์หัตถการบางชนิด เช่น การหมุนกลับทารกภายใน

ผลต่อผู้คลอดและทารก

  1. ผู้คลอดมีอาการเจ็บครรภ์มาก ถูกบริเวณหน้าท้องไม่ได้ เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวแรง
  1. ผู้คลอดและทารกอยู่ในภาวะคับขันเนื่องจากคลอดติดขัด
  1. อาจเกิดขึ้นในระยะที่ 3 ของการคลอด คือปากมดลูกมีการหดรัดตัวเป็นวงแหวน ทำให้ปากมดลูกปิดเกิดรกค้าง และตกเลือดหลังคลอด

ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

กิจกรรมการพยาบาล

  1. ผู้คลอดไม่สุขสบายมากจากการเจ็บครรภ์มาก
  1. มีโอกาสเกิดการคลอดติดขัด เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวเป็นวงแหวนบนรอยคอดทารก
  1. ทารกมีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจากการคลอดติดขัดจากมดลูกหดรัดตัวเป็นวงแหวนบนรอยคอดทารก
  1. ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก พบมดลูกหดรัดตัวไม่สม่ำเสมอแรงและถี่ แต่ยังมีระยะพัก ถ้าตรวจภายในจะ พบว่าส่วนนำไม่เคลื่อนต่ำมีการคลอดติดขัด
  1. ถ้าผู้คลอดได้รับยาออกซิโตซินอยู่ให้หยุดยาทันที
  1. จัดให้ผู้คลอดนอนตะแคงซ้ายให้ออกซิเจน ฟังเสียงหัวใจทารกทุก 15 นาที
  1. ดูแลให้ผู้คลอดได้รับยา pethidine ตามแผนการรักษา เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อมดลูกคลายตัว และบรรเทาอาการเจ็บปวด

สาเหตุ

ท่าเบ่งคลอดไม่เหมาะสม เช่น ขณะเบ่งไม่ก้มศีรษะ

เบ่งไม่เป็นหรือเบ่งไม่ถูกวิธี เช่น เบ่งสั้น เบ่งโดยไม่ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ผู้คลอดหมดแรง เนื่องจากผ่านระยะของการคลอดมานาน หรือเบ่งคลอดอยู่นานก่อน

ผู้คลอดมีอาการเจ็บครรภ์มาก ดิ้น กระสับกระส่าย ไม่สามารถควบคุมตนเองได้

ผู้คลอดอ้วนมาก ทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องไม่แข็งแรง

ผลต่อการดำเนินการคลอด ผู้คลอด ทารก

การเบ่งคลอดเป็นเวลานาน อาจทำให้ผู้คลอดหมดแรง อ่อนเพลีย เกิดภาวะขาดน้ำเกิดภาวะเลือดเป็น กรดเนื่องจากกล้ามเนื้อมีการทำงานมาก ผู้คลอดอาจเกิดอาการตะคริวที่ขาเนื่องจากศีรษะทารกทับเส้นประสาทของอุ้ง เชิงกราน

ทำให้เกิดวามวิตกกังวล หวาดกลัว รู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่มีความประทับใจในการคลอด เกิดทัศนคติไม่ดีต่อการคลอด

ทำให้ระยะที่สองของการคลอดยาวนาน

ทารกในครรภ์มีโอกาสเกิดภาวะคับขัน หรือภาวะขาดออกซิเจนได้ ถ้าระยะที่สองของการคลอดยาวนาน

ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

มีโอกาสเกิดระยะที่สองของการคลอดยาวนาน เนื่องจากผู้คลอดแรงเบ่งน้อย

กิจกรรมการพยาบาล

ในระยะที่หนึ่งของการคลอด ดูแลให้ผู้คลอดใช้เทคนิคการหายใจ การเพ่งจุดสนใจ การลูบหน้าท้อง และ การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

ผู้คลอดที่เบ่งคลอดอยู่เป็นเวลานาน มักมีความวิตกกังวลและหวาดกลัวว่าอาจจะคลอดไม่ได้ มีความรู้สึกว่า ตนเองและทารกไม่ปลอดภัย ควรอธิบายให้ผู้คลอดเข้าใจ

กรณีผู้คลอดเบ่งไม่ถูกวิธี ให้อธิบายจุดบกพร่องให้ผู้คลอดทราบ พร้อมทั้งสอนวิธีปฏิบัติที่ถูกต้องจนกระทั่งผู้คลอดสามารถทำให้ถูกต้อง

การคลอดยากเนื่องจากทารกผิดปกติ

ทารกท่าท้ายทอยเฉียงหลัง ROP,LOP

ท่าท้ายทอยคงอยู่ข้าง (transverse arrest of head or persistent occiput transverse position)

  1. ผนังหน้าท้องของผู้คลอดมีลักษณะหย่อนมาก
  1. เชิงกรานเป็นชนิด anthropoid ซึ่งแคบในแนวขวาง ศีรษะทารกจึงผ่านลงช่องเชิงกรานโดยเอารอยต่อแสก กลางไว้แนวหลังของช่องเชิงกราน
  1. มีสิ่งกีดขวางการหมุนไปด้านหลังของศีรษะทารก เช่น รกเกาะบริเวณด้านหน้าของมดลูก
  1. ศีรษะทารกก้มน้อยเกินไปหรือช้าเกิน

กลไกการคลอดท่าท้ายทอยเฉียงหลัง

ศีรษะทารกหมุนภายในช่องเชิงกรานเป็นระยะทางยาว (long internal rotation of the head) จนท้ายทอยมาอยู่ด้านหน้า

ศีรษะทารกหมุนภายในช่องเชิงกรานเป็นระยะทางสั้น (short internal of the head) ทำให้ท้ายทอยคง อยู่หลัง (OPP)

ท้ายทอยหมุนจากทางด้านหลังเป็นระยะทาง 3/8 ของวงกลม หรือเป็นมุม 135 องศา จนท้ายทอยไปอยู่ทางด้านหน้าใต้รอยต่อกระดูกหัวเหน่า แล้วศีรษะคลอดออกมาในท่าปกติ บางรายอาจมีความผิดปกติบางอย่างทำให้ศีรษะทารก หมุนได้เพียง 1/8 ของวงกลม หรือเป็นมุม 45 องศา รอยต่อแสกกลางของศีรษะทารกจะอยู่ในแนวขวางและมีท้ายทอยอยู่ทางด้านข้าง

มักพบในรายที่ศีรษะทารกก้มไม่เต็มที่ มดลูกหดรัดตัวไม่ดี แรงเบ่งน้อย ทารกตัวเล็ก ช่องหลังเชิงกรานกว้างมาก และที่สำคัญที่สุดคือ มีสิ่งกีดขวางไม่ให้ท้ายทอยหมุนไปทางด้านหน้า เช่น แนวขวางของช่องเชิง กรานแคบ หรือปุ่มอิเชียลยื่นออก มาขวางมากเกินไป ทำให้การหมุนเป็นไปได้ยาก ทารกอาจคลอดเองในลักษณะท้าย ทอยอยู่หลัง หรืออาจต้องช่วยคลอดโดยใช้มือหมุน การให้เครื่องดูดสุญญากาศ คีมหรือการผ่าตัด

ทารกมีขม่อมหน้า หน้าผากและใบหน้าเป็นส่วนนำ

ทารกมีก้นเป็นส่วนนำ (breech presentation)

ทารกแนวขวาง (transverse lie)

ท่าที่มีรอยต่อแสกกลางของศีรษะทารกอยู่แนวขวาง ท้ายทอยอยู่ด้านข้างแล้ว คงอยู่เช่นนั้น ไม่มีการหมุนต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ถ้าศีรษะยังคงอยู่สูงมาก คือระดับของส่วนนำเท่ากับ +2 หรือน้อยกว่า เรียกว่าคงอยู่ข้างระดับสูง (high transverse arrest of head) ถ้าศีรษะเคลื่อนลงมาต่ำคือระดับส่วนนำ เท่ากับ +3 หรือมากกว่า เรียกว่าท้ายทอยคงอยู่ข้างระดับต่ำ (low or deep transverse arrest of head)

สาเหตุ

  1. แนวหน้าหลังของเชิงกรานแคบกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชิงกรานตอนกลาง หรือช่องภายในเชิงกราน
  1. มดลูกหดรัดตัวไม่ดี ศีรษะทารกไม่ก้ม ทำให้ศีรษะทารกไม่สามารถหมุนต่อไปได้ หรืออาจเกิดจากท่าท้าย ทอยเฉียงหลังหรืออยู่หลัง แล้วหมุนไปทางด้านหน้า แต่หมุนไม่สำเร็จ

การวินิจฉัย

การฟัง การฟังเสียงหัวใจทารก ตำแหน่งที่ฟังได้ชัดเจน อาจใช้ประกอบการประเมินท่าทารก

การตรวจภายใน

การคลำอาจพบหน้าผากหรือคางอยู่ด้านหนึ่งของกระดูกหัวเหน่าแนวลำตัวทารกอยู่ตามแนวยาว คลำหลังไม่ได้ คลำได้เฉพาะส่วนแขนขา

  1. ในรายที่ท่าท้ายทอยเฉียงหลัง ROP , LOP จะฟังเสียงหัวใจทารกได้ต่ำกว่าระดับสะดือและค่อนไปทางสีข้างของผู้คลอด
  1. ในรายที่ท่าท้ายทอยเฉียงหลัง OP จะฟังเสียงหัวใจทารกได้ยินใกล้เส้นกลางลำตัวผู้คลอด แต่เสียงที่ได้ยินจะ เบากว่าเมื่อเทียบกับทารกที่ท้ายทอยอยู่ด้านหน้า

3.ในรายที่ท่าท้ายทอยอยู่ข้างROT, LOT จะฟังได้ยินบริเวณกึ่งกลางระหว่างเส้นกลางลำตัวกับสีข้างของผู้คลอด

ROP คลำรอยต่อแสกกลางได้แนวเฉียงขวา คลำขม่อมไม่ได้ สังเกตลักษณะหน้าท้องพบรอยบุ๋ม บริเวณต่ำกว่าสะดือ และมีรอยนูนเหนือหัวเหน่า

LOP คลำรอยต่อแสกกลางได้แนวเฉียงซ้าย คลำขม่อมไม่ได้ สังเกตลักษณะหน้าท้องพบรอยบุ๋ม บริเวณต่ำ กว่าสะดือ และมีรอยนูนเหนือหัวเหน่า

LOT คลำรอยต่อแสกกลางได้แนวขวาง คลำขม่อมไม่ได้ คลำหน้าท้องพบหลังอยู่ด้านซ้าย

ROT คลำรอยต่อแสกกลางได้แนวขวาง คลำขม่อมไม่ได้ คลำหน้าท้องพบหลังอยู่ด้านขวา

OP หรือ OPP คลำรอยต่อแสกกลางได้แนวตรง (A-P diameter) คลำขม่อมหน้าอยู่ด้านหน้าช่องเชิงกราน หรือ คลำพบ occiput อยู่ด้านหลังของช่องเชิงกราน

ผลต่อผู้คลอดและทารก

ผู้คลอดมีอาการปวดบริเวณหลังและเอวมาก

ผู้คลอดมีลมเบ่งเกิดขึ้นในระยะที่ปากมดลูกเปิดน้อย

หนังศีรษะทารกเกิดก้อนโน (caput succedaneum) กระดูกกะโหลกศีรษะมีการเกยกันมาก

กิจกรรมการพยาบาล

ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

  1. ผู้คลอดและทารกมีโอกาสเกิดอันตรายจากการคลอดยาวนาน เนื่องจากทารกอยู่ในท่าผิดปกติ คือ ท้ายทอยอยู่เฉียงหลัง
  1. ไม่สุขสบายจากการเจ็บครรภ์มาก เนื่องจากมีการหดรัดตัวของมดลูกและท้ายทอยกดทับเส้นประสาทซาครัม
  1. มีโอกาสเกิดอันตรายจากปากมดลูกบวมช้ำฉีกขาด เนื่องจากผู้คลอดเบ่งในขณะที่ปากลูกยังเปิดไม่หมด
  1. มีโอกาสเกิดอันตรายจากการยืดขยายและฉีกขาดมากผิดปกติของฝีเย็บและผนังช่องคลอด เนื่องจากคลอดใน ลักษณะท้ายทอยอยู่ด้านหลัง
  1. ให้การพยาบาลเหมือนกับการคลอดท่าปกติ โดยประเมินความก้าวหน้าของการคลอดเป็นระยะ ถ้าการคลอดไม่ก้าวหน้าต้องรีบให้การช่วยเหลือ
  1. ช่วยเพิ่มกeลังใจให้แก่ผู้คลอด ดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่าง เพื่อช่วยให้การหดรัดตัวของมดลูกดียิ่งขึ้น
  1. ถ้าไม่สามารถคลอดเองได้ ให้เตรียมผู้คลอดสำหรับผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง

ทรงของทารกแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ ทรงก้ม (flexion attitude) และทรงเงย (deflexion attitude)

การเงยของศีรษะ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด

  1. เงยเล็กน้อย ทารกมีขม่อมหน้าเป็นส่วนน า (bregma presentation) OF = 11.5 cm.
  1. เงยปานกลาง ทารกมีหน้าผากเป็นส่วนนำ (brow presentation) OM = 13.0 cm.
  1. เงยเต็มที่หรือแหงนหน้า ทารกมีใบหน้าเป็นส่วนนำ (face presentation) SMB = 11.0 cm.

สาเหตุ

  1. เชิงกรานแคบ และ/หรือ ศีรษะทารกโต เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด
  1. ทารกมีรูปร่างลักษณะผิดปกติ เช่น ทารกไร้สมอง (anencephalus) ทารกเป็นโรคคอพอกแต่กำเนิด คอหรือ กระดูกสันหลังส่วนคอผิดปกติแต่กำเนิด มีสายสะดือพันคอไว้
  1. ผนังหน้าท้องหย่อนมาก ทำให้ลำตัวทารกตกลงไปทางด้านหน้า ลำคอเหยียดตรงขึ้น
  1. ครรภ์แฝดน้ำทำให้ศีรษะทารกเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระหรืออาจเกิดขึ้นในขณะที่ถุงน้ำทูนหัวแตก

การวินิจฉัย

คลำพบคางและปากและกระบอกตา

คลำไม่พบส่วนแข็งของกระหม่อม และไม่พบร่องรอยของกระหม่อมหน้า หรือหลัง ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นท่าหน้า

การตรวจครรภ์ 2nd leopoid handgrip พบว่าคลำแผ่นหลังได้ไม่ชัดเจน แต่การตรวจครรภ์ประเมินได้ค่อนข้างยาก

ผลต่อผู้คลอดและทารก

  1. ผู้คลอดและทารกมีโอกาสเกิดอันตรายจากการคลอดยาวนานและการช่วยคลอดด้วยสูติศาสตร์หัตถการ
  1. อาจเกิดมดลูกแตกจากการคลอดติดขัดในท่าคางคงอยู่หลังหรือหน้าผากเป็นส่วนนำ
  1. ทารกที่มีใบหน้าเป็นส่วนนำบริเวณหน้าจะบวมผิดรูปร่าง ริมฝีปากและลิ้มบวมเขียว แก้มพอง และไม่ค่อยดูดนมในระยะ 2-3วันแรก
  1. ทารกในครรภ์มักเกิดภาวะขาดออกซิเจน

ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

กิจกรรมการพยาบาล

  1. ทารกมีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจนจากสายสะดือพลัดต่ำ เนื่องจากมีใบหน้าเป็นส่วนนำและส่วนนำยังลอยอยู่
  1. ผู้คลอดและทารกมีโอกาสเกิดอันตรายจากการคลอดยาวนาน การคลอดยาก การคลอดติดขัด เนื่องจากทารกมีใบหน้าเป็นส่วนนำและคางอยู่ทางด้านหลังของช่องเชิงกราน

ให้ผู้คลอดนอนพักบนเตียง เพื่อป้องกันถุงน้ำแตกก่อนเวลา

ในรายที่แพทย์พิจารณาให้ลองคลอดทางช่องคลอด ให้เฝ้าดูแลผู้คลอดอย่างใกล้ชิด ประเมินความก้าวหน้าของ การคลอดจากการตรวจภายในเป็นระยะ ๆ ถ้าการคลอดไม่ก้าวหน้าให้รีบรายงานแพทย์

แบ่งได้ 2 ชนิด

  1. ก้นเป็นส่วนนำชนิดสมบูรณ์ (complete breech) หมายถึงเด็กเอาก้นลงมาทางเชิงกรานและอยู่ในท่าขางอตลอดทุกส่วน โคนขางอพับเข้าหาลำตัว ลักษณะคล้ายนั่งขัดสมาธิ S__9428998
  1. ก้นเป็นส่วนนำชนิดไม่สมบูรณ์ (incomplete breech) เด็กเอาก้นลงสู่ช่องเชิงกราน

2.1 Frank breech หมายถึงขาทั้งสองข้างของทารกเหยียดตรง S__9429001 โคนขาพับขึ้นมาแนบกับหน้าท้อง เท้าแนบ ไปบริเวณหน้า

2.2 Footling presentation หมายถึง ทารกเหยียดขาออกมาตรง ๆ โดยข้อเข่าไม่งอ ลักษณะเหมือนยืน อาจเหยียดขาเพียงข้างเดียว (single footling) หรือเหยียดทั้งสอง (double footling) S__9429000

2.3 Knee presentation ทารกอยู่ในลักษณะเหยียดต้นขาแต่ข้อเข่างอ ลักษณะเหมือนคุกเข่า อาจเป็นเพียง ข้างเดียว (single knee presentation) หรือทั้งสองข้าง (double knee presentation)

สาเหตุ

  1. การคลอดก่อนกำหนด เป็นปัจจัยส่งเสริมที่พบบ่อยที่สุด
  1. ทารกตัวเล็ก ถึงแม้อายุครรภ์จะครบกำหนดหรือไม่ก็ตาม
  1. ครรภ์แฝดนำ้ (polyhydramnios)
  1. ผนังหน้าท้องและกล้ามเนื้อมดลูกหย่อน

การวินิจฉัย

1.การดูจะพบว่าลักษณะครรภ์ยาวรี

2.คลำที่ยอดมดลูกจะพบก้อนกลมแข็งเรียบ คลอนไปมาได้ คลำหลังได้ข้างใด ข้างหนึ่งของมดลูก เหนือหัวหน่าวคลำได้ก้อนแข็งไม่เรียบ คลอนไปมาไม่ได้

3.เสียงหัวใจทารกฟังได้ด้านใดด้านหนึ่งของหลัง และอยู่เหนือระดับสะดือ

4.การตรวจภายใน จะพบร่องก้น (genital groove) ปุ่มกระดูก ischial tuberosities spine ของกระดูกก้นกบ (cocyx) และกระดูก sacrum รูทวารหนัก อวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกของเด็ก

ผลต่อผู้คลอดและทารก

.เกิดการฉีกขาดของฝีเย็บ

เกิดการติดเชื้อหลังคลอดเนื่องเครื่องมือช่วยคลอด

ผู้คลอดมีอาการอ่อนเพลีย หมดแรง เนื่องจากการคลอดยาก และระยะการคลอดยาวนาน

ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจน โดยพบเป็น 8 เท่าของการคลอดปกติ

สาเหตุจาก

  • สายสะดือพลัดต่ำเนื่องจากส่วนนำไม่กระชับกับปากมดลูก
  • ทารกหายใจก่อนศีรษะคลอดออกมาภายนอก ทำให้สำลักนำ้ครำ่ ถ้าไม่สามารถเอาทารกออกมาภายใน 7- 8 นาที ทารกตายได้

ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

การพยาบาล

  1. ทารกเสี่ยงต่อภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจาก เสี่ยงสูงต่อภาวะสายสะดือพลัดต่ำ สายสะดือถูกกดทับระหว่าง ศีรษะกับช่องเชิงกราน ทารกหายใจสูดเอาน้ำครำ่และขี้เทาเข้าปอดในระยะก่อนที่ศีรษะจะคลอดออกมา
  1. ทารกเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกในสมองและอวัยวะต่างๆ ได้รับอันตรายเนื่องจากเสี่ยงสูงต่อการคลอดยากหรือติดขัด
  1. ผู้คลอดมีโอกาสได้รับอันตรายจากระยะการคลอดยาวนาน การคลอดยาก การคลอดติดขัด หรือการช่วยสูติ ศาสตร์หัตถการ เนื่องจากทารกมีก้นเป็นส่วนนำ
  1. ให้ผู้คลอดนอนพักที่เตียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่ส่วนนำยังลอยอยู่หรือครำ่แตกแล้ว
  1. ท่านอนควรเป็นท่านอนตะแคง ป้องกันการเกิด สายสะดือพลัดตำ่
  1. ให้ผู้คลอดงดอาหารและนำ้ทางปากทุกชนิด ดูแลให้ได้รับสารน้ำทางเส้นเลือดดำ
  1. ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกทุก 30 นาที เพราะมดลูกมักจะหดรัดตัวไม่ดี

ทารกที่มีลำตัวอยู่ขวางหรือทำมุมกับแนวของช่องคลอดและโพรงมดลูก บางรายลำตัวทารกอาจอยู่แนวเฉียงของมดลูก (oblique lie)

สาเหตุ

  1. มีปัจจัยที่ทำให้ทารกในครรภ์เคลื่อนไหวได้สะดวก เช่น ผนังหน้าท้องหย่อนในผู้คลอดครรภ์หลัง คลอดก่อนกำหนด ครรภ์แฝดน้ำ
  1. มีปัจจัยที่ทำให้ทารกเข้าช่องเชิงกรานไม่ได้ เช่น มีเนื้องอกในอุ้งเชิงกราน มดลูกผิดปกติ (เช่น มีเยื่อกั้น กลาง มดลูกเอียง) รกเกาะต่ำ เชิงกรานแคบ ทารกหัวบาตร สายสะดือสั้นกว่าปกติ

ผลต่อผู้คลอดและทารก

  1. มีโอกาสเกิดสายสะดือพลัดต่ำ
  1. มีโอกาสเกิดการติดเชื้อในโพรงมดลูกได้มาก
  1. เกิดการคลอดติดขัด
  1. มีโอกาสเกิดมดลูกแตก ปากมดลูกและผนังช่องคลอดฉีกขา
  1. ผู้คลอดมีความวิตกกังวล หวาดกลัวต่ออันตรายจากการคลอด

ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

  1. ทารกมีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจนจากสายสะดือพลัดต่ำ เนื่องจากส่วนนำไม่กระชับช่องเชิงกราน
  1. ผู้คลอดและทารกมีโอกาสเกิดอันตรายจากการคลอดติดขัด เนื่องจากทารกอยู่แนวขวางไม่สามารถเคลื่อนผ่านช่องเชิงกรานได้

กิจกรรมการ

  1. ถ้าพบหรือสงสัยว่าทารกอยู่แนวขวาง และถุงนำ้ครำ่หัวยังไม่แตก ให้รีบรายงานแพทย์ทันที และให้ผู้คลอดนอนพักที่เตียงตลอดเวลา งดการสวนอุจจาระและการตรวจภายใน เพราะอาจทำให้ถุงน้ำครำ่แตกได้
  1. เตรียมผู้คลอดให้พร้อมอยู่เสมอที่จะผ่าตัดเอาทารกออกทางหน้าท้อง และเตรียมผู้คลอดเพื่อผ่าตัดทันที ถ้าพบว่าถึงน้ำคร่ำแตกแล้ว แต่ทารกยังอยู่แนวขวาง และในรายที่มีสายสะดือพลัดตำ่

การคลอดไหล่ยาก(shoulder dystocia)

สาเหตุ

  1. ทารกตัวโตมาก พบได้มากในรายต่อไปนี้
  • ผู้คลอดเป็นโรคเบาหวาน
  • ผู้คลอดอ้วน น้ำหนักเพิ่มมากเกินกว่า 15 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์
  • ตั้งครรภ์เกินกำหนด พบมากเป็น 4 เท่าของครรภ์ปกติ
  1. ทารกมีเนื้องอกหรือความพิการบริเวณต้นคอ ทรวงอกและไหล่
  1. ช่องออกเชิงกรานแคบ

ผลต่อผู้คลอดและทารก

  1. สายสะดือถูกกดทับอยู่ระหว่างลำตัวทารกกับกระดูกช่องเชิงกราน ทำให้ทารกขาดออกซิเจน และเสียชีวิตได้ถ้าช่วยเหลือไม่ทันภายใน 7 - 8 นาที
  1. ทารกได้รับอันตรายจากการคลอด เช่น เกิดอัมพาตของแขน (brachial plexus palsy or Erb’s syndrome)
  1. เกิดการชอกช้าและฉีกขาดของหนทางคลอดอ่อน

ข้อวินิจฉัยการพยาบาล

  1. ทารกมีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจนจากสายสะดือถูกกดทับอยู่ระหว่างล าตัวทารกกับช่องเชิงกราน เนื่องจากมีการคลอดไหล่ยาก

การพยาบาล

  1. ในขณะที่ทำคลอด พบว่าทำคลอดไหล่ตามปกติแล้วไม่คลอด ให้เปลี่ยนทำคลอดไหล่หลังก่อนถ้ายังไม่คลอด ให้ปฏิบัติดังนี้
  1. สังเกตเลือดที่ออกทางช่องคลอด ตลอดจนอาการของการเสียเลือดมาก ตรวจสอบดูการฉีกขาดของหนทาง คลอดอ่อน และเย็บซ่อมแซมให้ถูกวิธี

-ถ้ามีสายสะดือพันคอ ห้ามตัดสายสะดือ

-หยุดทำคลอดไหล่ไว้ก่อนรีบขอความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ใกล้ที่สุด เช่น สูติแพทย์ กุมารแพทย์

-ระหว่างที่รอแพทย์ ให้การช่วยเหลือขั้นต้นด้วยวิธีของแมคโรเบิร์ท (McRobert maneuver)

สาเหตุ

  1. สิ่งแวดล้อมในโรงพยาบาล การที่ผู้คลอดมาอยู่ตามลำพังโดยปราศจากบุคคลใกล้ชิดก่อให้เกิดความเครียดแก่ผู้คลอดทั้งสิ้น
  1. การคลอดไม่เป็นไปตามความคาดหวังหรือตามความต้องการ เช่น มีการเจ็บครรภ์ก่อนหรือช้ากว่ากำหนดในผู้ คลอดที่เจ็บครรภ์ก่อนกำหนด ทำให้ไม่มีการ
    เตรียมตัวคลอด ในขณะที่ผู้คลอดที่เกินกำหนดอาจรู้สึกคับข้องใจหรือท้อแท้ใจได้
  1. เหตุการณ์ในระยะคลอดไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ตามที่เคยมีประสบการณ์จากการคลอดในอดีต รวมทั้งการได้รับความรู้ผ่านสื่อต่าง ๆ อาจทำให้ผู้คลอดเกิดความวิตกกังวลได้
  1. การขาดความรู้หรือความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
  1. ความกลัวในระยะคลอด ได้แก่ ความกลัวเกี่ยวกับตนเองและความกลัวเกี่ยวกับทารก ความกลัวเกี่ยวกับตนเอง เช่น กลัวว่าตนเองจะบาดเจ็บหรือตายจากการคลอด สำหรับความกลัวเกี่ยวกับทารก เช่น กลัวว่าทารกจะบาดเจ็บ พิการ มีภาวะแทรกซ้อนและเสียชีวิต

ผลกระทบต่อผู้คลอด

1.ความกลัว ความวิตกกังวลที่มีมากกว่าปกติจะทำให้ปากมดลูกเปิดช้า ซึ่งทำให้การคลอดล่าช้าและมีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้น


2.มีผลทำให้เพิ่มฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียด มีผลต่อกล้ามเนื้อเรียบของมดลูก โดยทำให้การหดรัดตัวของมดลูกลดลง

การพยาบาล

  1. จัดสิ่งแวดล้อมให้มารดาเกิดความสุขสบาย
  1. ช่วยมารดาให้ใช้เทคนิคการผ่อนคลาย และดูแลความสุขสบาย
  1. พูดคุยกับมารดาเกี่ยวกับภาวะสุขภาพทางด้านจิตใจ
  1. ส่งเสริมให้สามีเข้ามามีส่วนร่วม

S__9502746

419-1

download (1)

download (2)

big