Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

สูติศาสตร์หัตถการในการช่วยคลอด F/E,V/E,C/S, forceps, image, image, image,…

- - - - 1.การคลอดระยะที่ 2 ยาวนานหรือหยุดชะงักหรือการหดรัดตัวของมดลูกน้อยซึ่งศีรษะทารกต้องมี engagement และแล้วคือ station ตั้งแต่ระดับ 0 ลงมา
      - 2.มารดาที่ไม่ควรออกแรงแบ่งคลอดมากหรือมีภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ myasthenia gravis(โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง) รกลอกตัวก่อนกำหนด ความดันโลหิตสูง โรคปอดและโรคหัวใจ
      - การหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี หรือไม่มีแรงแบ่ง
    - - ศีรษะทารกไม่หมุนตามกลไกการคลอดปกติเช่นท้ายทอยอยู่ด้านหลัง (OPP) หรือแนวขวางเชิงกราน (OT)
      - มีภาวะ fetal distress
      - คลอดทารกแฝดคนที่ 2 (ลดระยะการคลอด)
  - - - การฉีกขาดของปากมดลูกช่องทางคลอด
      - การตกเลือดหลังคลอด
    - - ก้อนเลือดคั่ง cephalthermatorma
      - ก้อนน้ำคั่ง caput succedaneum
      - มีรอยถลอกและเขียวบริเวณหนังศีรษะ (ulceration and ecchymosis)
      - ก้อนเลือดใต้หนังศีรษะ (Subgaleal hematoma หรือ Subaponeurotic hemorrhage)
- - - - ระยะที่ 2 นานกว่าปกติ ครรภ์แรกไม่เกิน 2 ซม.และครรภ์ที่ 2 ไม่เกิน 1 ซม.
      - อ่อนเพลีย ไม่มีแรงเบ่ง ขาดน้ำ
      - การหดรัดตัวของมดลูกไม่ดี
      - มีโรคประจำตัว โรคปอด โรคหัวใจ หรือ HT
    - - ทารกในครรภ์มีภาวะได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ (Fetal distress)
      - ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น ท้ายทอยอยู่หลัง
      - ส่วนนำเป็นก้น
      - การหมูนของศีรษะผิดปกติ(Arrest of rotation of head)
  - - - การฉีกขาดของช่องคลอด ตัวมดลูก ปากมดลูก ฝีเย็บ อาจจะเกิดFistula
      - อันตรายต่อกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะไม่ออก
      - การหย่อนของกล้ามเนื้อ เอ็นยืด ภาวะมดลูกหย่อน
      - อันตรายต่อช่องกระดูกเชิงกราน เช่น การแยกของ Symphysis pubis
      - การตกเลือดหลังคลอด
      - การติดเชื้อ
    - - ก้อนเลือดคั่ง (cephalthermatorma)
      - ก้อนน้ำคั่ง (caput succedaneum)
      - เลือดออกในสมอง (Intracranial hemorrhage) เลือดออกใต้เยื่อบุตา (Subconjunctiva hemorrhage)
      - ภาวะ Cerebral palsyหรือสติปัญญาไม่ดี
      - อันตรายต่อเส้นประสาท facial nerveหรือfacial palsy ทำให้ปากเบี้ยว หนังตาปิดไม่สนิท
      - Retrobulbar hematoma ตาเหล่ หนังตาตก
      - หูหนวก เกิดบาดแผลหรืออวัยวะภายในเกี่ยวกับการได้ยิน
      - บาดเจ็บต่อผิวหนัง เช่น รอยช้ำ
  - - - เตรียมเครื่องมือในการช่วยคลอดด้วยคีม ได้แก่การเตรียมคีมจะเป็นชนิดใดนั้นแล้วแต่ความเหมาะสมตามระดับและส่วนนำ ผ้าสี่เหลี่ยมSterile สายสวนปัสสาวะ ชุดเครื่องมือทำคลอดและเย็บแผล อุปกรณ์ช่วยเหลือทารกภายหลังคลอด
      - เตรียมมารดาเพื่อใช้คีมช่วยคลอด
        
        การเตรียมทางด้านจิตใจโดยอธิบายเหตุผลและวิธีการในการทำรวมถึงประโยชน์ที่มารดาจะได้รับเพื่อให้ความร่วมมือเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัยต่างๆรวมทั้งคอยปลอบโยนให้กำลังใจแก่มารดา
      - การเตรียมด้านร่างกาย
        
        กั้นม่านเพื่อป้องกันการเปิดเผย-ปิดตา
        
        จัดท่านอน Lithotomy
        
        ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
        
        ทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้สะอาด
      - ตามกุมารแพทย์
    - - ดูแลด้านจิตใจโดยอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลาปลอบโยนให้กำลังใจและบอกให้มารตาทราบว่าแพทย์จะทำอะไรเช่นให้ยาระงับความรู้สึกพร้อมกับแนะนำการปฏิบัติตัวของมารดาในขณะที่แพทย์ช่วยคลอด
      - บันทึกเสียงหัวใจทารกเป็นระยะ ๆ ถ้ามีความผิดปกติต้องรีบรายงานแพทย์โดยเฉพาะเมื่อแพทย์ล็อคคีมแล้ว
      - ตรวจการหดรัดตัวของมดลูกและรายงานให้แพทย์ทราบเพื่อที่แพทย์จะได้เริ่มตั้งพร้อมกับการหดรัดตัวของมดลูก
      - ดูแลทารกแรกเกิดและตรวจร่างกายเพื่อประเมินภาวะแทรกซ้อนจากการใช้คีมช่วยตลอดหลังทำ
    - - บันทึกอุณหภูมิชีพจรหายใจความดันหิต 15 นาที 4 ครั้ง 30 นาที 2 ครั้ง
      - สังเกตการหดรัดตัวของมดลูกทุก 15-30นาที
      - สังเกตปริมาณเสือดที่ออกจากช่องคลอดและแผลฝีเย็บตามหลังREEDA รวมทั้งสังเกตการณ์เกิดก้อนเลือดคั่ง hematoria) บริเวณช่องคลอดและฝีเย็บถ้ามีสิ่งผิดปกติต้องรายงานแพทย์
      - ประเมินการขับถ่ายปัสสาวะภายหลังคลอด 4-6 ชั่วโมงดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่าง
      - ดูแลความสุขสบายแก่มารดาทั่วไปเช่นเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าห่มผ้าให้เพื่อให้มารดาอบอุ่นดูแลให้ได้รับการพักผ่อนนอนหลับอย่างเต็มที่
      - ส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างมารดาและบุตรโดยให้มารดามีโอกาสสำรวจบุตรสัมผัสโดยกอดบุตรตามความเหมาะสม
      - เปิดโอกาสให้มารดาได้พูดคุยซักถามเกี่ยวกับประสบการณ์การคลอดของมารดาเพื่อให้มารดาเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการคลอดตามความเป็นจริงช่วยให้ลควิตกกังวล
      - การพยาบาลทารกที่มีภาวะ Facial palsy
        
        1) ล้างตาด้วย 0.9% NSS และหยอดตาข้างที่ปิดไม่สนิท ointment / น้ำตาเทียม (Artificial tear) ปิดตา eye pad ที่ฆ่าเชื้อป้องกัน cornea และ conjuntiva sclera แห้ง
        
        2) ทารกไม่สามารถใช้ริมฝีปากอมหัวนมได้กระชับระวังการสำลักนมมารดาช่วยบีบลานนมเพื่อให้น้ำนมไหลทารกจะได้ไม่ต้องออกแรงดูดมากอาจใช้ที่หยอดยา/ช้อนหยอดให้นมทารกจับเรอเป็นระยะป้องกันท้องอื้อ)
- - - - 1.การคลอดติดขัด(Mechanical distocia)
      - 2.ภาวะรกเกาะต่ำ(Placenta previa)
      - 3.ความผิดปกติของเชิงกรานและช่องคลอด
      - 4.มะเร็งปากมดลูกในระยะลุกลาม
      - 5.Fetal distress
      - 6.ภาวะสายสะดือย้อยProlapse cord
      - 7.การติดเชื้อรุนแรงที่ปากมดลูก
      - 8.มารดามีเชื้อGonorrhoeae หูดหงอนไก่ ซิฟิลิส
    - - 1.เคยผ่าตัดที่ผนังมดลูกมาก่อน เช่นเคยผ่าตัดทางหน้าท้อง เคยผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกในมดลูกออก
      - 2.มีเลือดออกในระยะหลังของการตั้งครรภ์ ในกรณีรกลอกตัวก่อนกำหนด(Abruption placenta)
      - 3.ทารกอยู่ในท่าผิดปกติบางกรณี เช่น ท่าก้นที่ศีรษะทารกแหงนมากเกินไป ท่าก้นที่ใช้เท้าเป็นส่วนนำ ทารกมีขนาดใหญ่และมารดาตั้งครรภ์เป็นครรภ์แรก
      - 4.ครรภ์แฝดที่ทารกไม่อยู่ในท่าศีรษะ
      - 5.มารดามีโรคประจำตัว เช่น มารดาเป็นเบาหวาน ทารกมีน้ำหนักมากผิดปกติ
      - 6.โรคแทรกซ้อนทางสูติศาสตร์ เช่น PIH
  - - - เกิดการฉีกขาดของแผลผ่าตัดบนตัวมดลูก
      - เกิดการบาดเจ็บต่อทารกจากการผ่าตัดหรือจากการทำคลอดที่ยากในทารกแนวขวาง
      - เกิดการบาดเจ็บต่อกระเพาะปัสสาวะและลำไส้
      - เกิดการฉีกขาดของแผลผ่าตัดบนตัวมตลูกไปจนถึงปากมดลูกช่องคลอดและ Uterine vessels ทำให้เสียเลือดมากขณะผ่าตัดจนต้องให้เลือดแทน
    - - ภาวะแทรกซ้อนทางวิสัญญี ได้แก่ ท้องอืด
      - เกิดการอักเสบของเยื่อบุโพรงมดลูก
      - เกิดการอักเสบของแผลผ่าตัด
      - เกิดการอักเสบของระบบทางเดินปัสสาวะ
      - มีเลือดออกภายในช่องท้องภายหลังการทำผ่าตัด
      - 6.เกิดการอักเสบติดเชื้อภายในช่องท้องและเกิดหนองในอุ้งเชิงกราน
      - เกิดการอักเสบของระบบทางเดินหายใจ
      - เกิดการตกเลือดขึ้นภายหลังร่วมกับภาวะซื้อคและต้องตัดมดลูก
  - - - เตรียมด้านจิตใจอธิบายให้ทราบเหตุผลและความจำเป็นในการผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องและขั้นตอนการทำรวมทั้งการปฏิบัติตนหลังผ่าตัด
      - เตรียมบริเวณผ่าตัดโดยการโกนขนบริเวณใต้ลิ้นปีถึงกึ่งกลางหน้าขารวมทั้งบริเวณ perineum
      - ดูแลให้ได้รับการคาสายสวนปัสสาวะ
      - เจาะเลือดส่งตรวจหาความเข้มข้นและหาหมู่เลือดพร้อมทั้งขอเลือดไว้ เผื่อไว้ใช้กรณีมารดาเสียเลือดมากในระหว่างการผ่าตัด
      - ตรวจสอบการได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ เช่น Ringer lactate IV rate 120 ml/hr
      - ตรวจสอบและถอดฟันปลอมแหวนเครื่องประดับ ล้างสีเล็บ
      - ตรวจสอบใส่ป้ายชื่อข้อมือ (ชื่อ นามสกุล อายุ HN)
      - ตรวจสอบใส่ป้าย Mask site (ชื่อการผ่าตัดภาษาไทย ชื่อศัลยแพทย์)
      - ให้เซ็นต์ใบยินยอมผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง
      - ประเมินสัญญาณชีพรายงานก่อนส่งไปห้องผ่าตัด
      - เตรียมยา oxytocin 40 U เพื่อช่วยในการหดรัดตัวของมดลูกหลังคลอด ATB 1 gm. เพื่อป้องการติดเชื้อหลังผ่าตัดคลอด
      - รายงานกุมารแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือทารกแรกเกิดสำหรับทารกแรกเกิด
      - การเตรียมอุปกรณ์สำหรับทารกแรกเกิด ได้แก่ ป้ายผูกข้อมือ อุปกรณ์กู้ชีพไปยังห้องผ่าตัด
      - เตรียมผ้าห่อตัวทารก ลูกสูบยางแดง กรรไกรตัดสายสะดือ เชือกหรือยางผูกสะดือ สำลีเช็ดสะดือและเช็ตตา แอลกอฮอล์ และ radiamt warmer เพื่อเตรียมดูแลทารกหลังการผ่าตัดคลอดที่ห้องคลอด
      - ตรวจสอบการงดน้ำและอาหารทางปาก
    - - 1.จัดท่านอนราบไม่หนุนหมอน ตะแคงศีรษะจนกว่าจะรู้สึกตัวดี ในกรณีได้รับยารับยาระงับความรู้สึกเฉพาะที่จัดให้นอนราบ 12 ชม.
      - 2.ประเมินแผลผ่าตัดทางหน้าท้องตามหลัง 4 T
        
        Trauma ประเมินเลือดซึมบริเวณแผลผ่าตัดหน้าท้อง
        
        Tissue โดยสังเกตจากลักษณะของน้ำคาวปลา ควรมีสีแดงเข้ม ไม่มีก้อนเลือด หากพบว่ามีปริมาณ 70 ml/hr ควรรีบรายงานแพทย์
        
        Thrombin ติดตามระดับค่าความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง (Hct) หาก น้อยกว่า 33% ควรรีบรายงานแพทย์
      - 3.ประเมินเลือดที่ออกทางช่องคลอดโดยใส่ผ้าอนามัยซับไว้ใน 2 ชม.แรกหลังคลอด ไม่ควรมากกว่า 100 cc.
      - 4.ประเมินสัญญาณชีพทุก 15 นาที 4ครั้ง 30 นาที 2 ครั้งและประเมินทุก 1 ชม. จนกว่าสัญญาณชีพจะคงที่และประเมินทุก 4 ชั่วโมง
      - 5.ดูแลเนื่องการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ และงดน้ำงดอาหารหลังผ่าตัด24-48 ชม. และบันทึกปริมาณสารน้ำเข้า-ออก
      - 6.ดูแลเรื่องความสุขสบายและดูแลให้ได้รับยาแก้ปวด
        
        pain score < 3 ดูแลเบี่ยงเบนความสนใจ จัดท่า สอนหายใจ และให้ยาแก้ปวด เช่น paracetamol
        
        pain score 4-6 ให้ยาแก้ปวดชนิด weak opioid เช่น tramadol, codeine
        
        pain score 7-10 ให้ยาแก้ปวดชนิด strong opioid เช่น morphine, pethidine
      - 7.ประเมินลักษณะ สีจำนวน ของปัสสาวะ ดูแลสายสวนปัสสาวะไม่ให้หัก พับ งอ
      - 8.ช่วยเหลือในการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น สอนการนวดคลึ่งเต้านม การบีบเก็บน้ำนม
      - 9.กระตุ้น Early Ambulation หลังพักผ่อนครบ 24 ชม.