Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตรวจร่างกายระบบช่องท้อง - Coggle Diagram
การตรวจร่างกายระบบช่องท้อง
ขั้นตอนการตรวจ
การจัดท่านอนของผู้ป่วย
ให้ผู้ป่วยนอนราบ หนุนหมอนบริเวณศีรษะ บางครั้งอาจวางหมอนใต้เข่า เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อหน้าท้องหย่อน แขนแนบลำตัว
"ไม่ควรให้ผู้ป่วยวางแขนไว้เหนือศีรษะเพราะจะทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องตึง ทำให้ตรวจได้ยาก"
ควรเปิดหน้าท้องตั้งแต่บริเวณลิ้นปี่ถึงหัวหน่าว
การดู (Inspection)
1.Abdominal contour
ดูรูปร่างของช่องท้อง โดยยืนมองจากทางด้านล่างและทางด้านข้างของลำตัว พิจารณาผู้ป่วยว่าท้องป่อง ท้องแฟบ หรือไม่
2.Surgical Scar
ดูว่ามีร่องรอยการผ่าตัดหรือไม่
3.Superficial vein dilatation
ดูว่ามีเส้นเลือดวิ่งขึ้นมาอยู่บนหน้าท้องหรือไม่
4.Hernia
ตรวจได้โดยการให้ผู้ป่วยเบ่งหน้าท้อง เพื่อดูว่ามีอาการไส้เลื่อนหรือไม่
การคลำ (Palpation)
ซักถามผู้ป่วยว่ามีตรงไหนที่เจ็บเป็นพิเศษหรือไม่ เพื่อหลีกเลี่ยงการคลำส่วนนั้นเป็นบริเวณแรก เนื่องจากหากคลำตำแหน่งที่เจ็บที่สุดก่อนจะทำให้ผู้ป่วยเกร็งหน้าท้องซึ่งจะทำให้ตรวจยากมากขึ้น
การคลำแบบ light palpate
คือ คลำเบา ๆทั้งหมด 4 quadrants ระหว่างคลำสังเกตสีหน้าของผู้ป่วยร่วมด้วย
คลำเพื่อดูรอยโรคหรือพยาธิสภาพที่อยู่ใกล้หน้าท้อง เช่น อาจจะมีฝีหนองอยู่ที่หน้าท้อง
การคลำแบบ deep palpate
คลำเพื่อสัมผัสอวัยวะที่อยู่ลึกลงไป
โดยการใช้ 2 มือกดลงไปที่หน้าท้องของผู้ป่วย
การฟัง (Auscultation)
"การฟังควรกระทำก่อนการคลำหรือการเคาะเนื่องจากการคลำหรือเคาะจะรบกวน Bowel Sound ได้"
ใช้ด้าน diaphragm ของ Stethoscope ในการฟัง bowel sound
ฟังทั้งหมด 4 quadrants quadrants ละ 1 นาที
เนื่องจากบางทีอาจจะมี localized ileus คือ bowel sound เงียบเป็นบาง quadrant ได้
รูปแบบของ bowel sound
1.normoactive เสียงครืด 5-30 ครั้ง/นาที
2.Hyperactive เสียงมากกว่าปกติ
3.Hypoactive เสียงน้อยกว่าปกติ
4.absent bowel sound ไม่ได้ยินเสียงเลย
การเคาะ (Percussion)
วางมือซ้ายบนหน้าท้องของผู้ป่วย ใช้นิ้วกลางของมือขวาเคาะบริเวณ middle phalanx ใช้ข้อมือ เคาะทุก quadrants สังเกตว่ามีเสียงโปร่งและทึบที่บริเวณใด
3 ขั้นตอนก่อนตรวจ
1.ขออนุญาตผู้ป่วย
2.ล้างมือ
3.เข้าทางด้านขวาของผู้ป่วย
การตรวจตับ
"ใช้การคลำกับการเคาะร่วมกัน"
การคลำ
วางมือที่ right lower quadrants และค่อย ๆ คลำขึ้นไปเรื่อย ๆ
คลำได้ 2 แบบ คือ การคลำโดยใช้สันมือ และการคลำในแนวตั้งฉากใช้ปลายนิ้ว
คลำที่ midclavicular lone และตำแหน่งตรงกลาง
size
คลำเพื่อดูขนาดของตับ ว่าตับโตแบบ diffuse หรือโตไปทั่ว หรือโตเฉพาะบางส่วน เช่น right lobe หรือ left lobe hyperthophy
border
ดูว่า border ของตับ มัน regular หรือ irregular,blunt หรือ sharp
consistancy
เป็น
hard
หรือ แข็งมาก ,
firm
แข็งปานกลาง,
soft
นิ่ม
tenderness
คลำเพื่อดูว่าคนไข้เจ็บหรือไม่
การเคาะ
เริ่มเคาะจาก right lower quadrant
เคาะเพื่อหาขอบล่างและขอบบนของตับ หากยังเคาะไม่ถึงเนื้อตับ เสียงที่ได้จะเป็นเสียงโปร่ง แต่หากเคาะถึงตับแล้วจะเป็นเสียงทึบ เมื่อเคาะเจอด้านล่างของตับ ก็เริ่มเคาะจากด้านบนลงมาจนเจอเสียงทึบ และใช้สายวัด liver span
การตรวจม้าม
"ใช้การคลำกับการเคาะร่วมกัน"
การคลำ
คลำท่านอน supine และท่านอนตะแคง ใช้เทคนิค bimanual palpation คือ ใช้มือซ้ายประคองที่ซี่โครง และใช้มือขวาค่อย ๆ คลำจาก right lower quadrant ไปเรื่อย ๆ ให้ผู้ป่วยหายใจเข้า-ออก โดยปกติจะคลำไม่เจอม้าม
การเคาะ
เคาะในกรณีที่คลำม้ามแล้วม้ามไม่โต
เคาะที่ intercostal space ที่ล่างที่สุด ส่วนใหญ่จะตรงกับ intercostal space ที่ 8 และ 9 เคาะไปเรื่อย ๆ และให้ผู้ป่วยหายใจเข้า-ออก หากม้ามไม่โต จะได้เสียงโปร่ง หากม้ามโตจะได้เสียงโปร่งเปลี่ยนเป็นทึบตอนคนไข้หายใจเข้าสุด
การตรวจไต
ใช้ bimanual palpation คือการประคองด้วยมือข้างซ้ายดันหลังผู้ป่วยขึ้นมาเล็กน้อย และคลำด้วยมือข้างขวา เปลี่ยนข้างทำคล้าย ๆ กัน
สาเหตุที่ดันหลัง เนื่องจากไตเป็น retroperitoneal organ เมื่อดันหลังขึ้นมา ไตก็จะขึ้นมาชนมือเรา ทำให้เราสัมผสได้มากขึ้น
การตรวจน้ำในช่องท้อง
ตรวจด้วย fluid thrill
โดยผู้ป่วยนำมือมากั้นไว้ตรงกลางระหว่างหน้าท้องของตนเอง และผู้ตรวจใช้มือจับที่เอวของผู้ป่วย โดยที่ดันมือขวาเข้าไปเล็กน้อย หากมี ascites จะร้สึกได้ว่ามีน้ำเคลื่อนมาชนที่มือซ้าย หากมีน้ำเคลื่อนมาชน เรียกว่า fluid thrill positive
ตรวจด้วย shifting dullness
โดยผู้ตรวจเริ่มเคาะบริเวณกลางหน้าท้องของผู้ป่วย ปกติจะเคาะได้เสียงโปร่ง เป็นเสียง bowel gas เคาะไปเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงทึบ เมื่อได้ยินเสียงทึบให้ผู้ป่วยพลิกตัวไปทางซ้าย หากเคาะแล้วเป็นเสียงทึบแสดงว่าไม่มี ascites