Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
A Beatiful Mind - Coggle Diagram
A Beatiful Mind
การตรวจสุขภาพจิต
- ลักษณะทั่วไป (General Appearance)
-
- การเคลื่อนไหว (Psychomotor Activity)
-
- ความสามารถในการรับสัมผัส (Perception)
บางครั้งพูดคนเดียวเหมือนกำลังสนทนากับใคร เห็นเพื่อนตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนปริญญาเอก อยู่ด้วยกันมาตลอดแม้จะจบการศึกษาแล้วผู้ป่วยยังมักเห็นเพื่อนคนดังกล่าวมาปรากฏตัวอยู่กับเขาบ่อย ๆ ในสถานการณ์ต่าง ๆ
- ระดับความรู้สึกตัว (Conscious)
-
-
-
- ระดับสติปัญญา (Intelligence)
-
- ความตั้งใจและสมาธิ (Attention & Concentration)
-
-
-
-
-
-
- การรับรู้เกี่ยวกับตนเอง (Insight)
-
- อัตมโนทัศน์ (Self-concept)
ผู้ป่วยภาคภูมิใจในความสามารถของตนเอง เชื่อว่าเพราะเขามีความสามารถในการถอดรหัสตัวเลขจึงต้องมาทำงานเป็นสายลับ
สิ่งที่ไปศึกษาเพิ่มเติม
-
-
ส่งผลต่อใครบ้าง
ตนเอง
ระยะเริ่มมีอาการ
-
-
หมกมุ่นอยู่กับบางสิ่งบางอย่างมากจนเกินไปส่งผลให้ขาดความสนใจต่อสิ่งรอบข้าง และส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
ระยะอาการกำเริบ
หวาดระแวง หลงผิดว่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวล้วนแต่เกี่ยวโยงกับตนเอง หรือมีอาการหลงผิดที่ทำให้อาจเกิดอันตรายต่อตนเอง
-
ครอบครัว
-
-
-
-
หวาดกลัวผู้ป่วยเนื่องจากในผู้ป่วยบางรายมีอาการควบคุมตนเองไม่ได้ อาละวาด มีพฤติกรรมรุนแรง หรือก้าวร้าว
-
-
-
-
-
-
-
-
ความโดดเด่น
-เขาสนใจด้านคณิตศาสตร์ และมุ่งมั่นในการเรียนปริญญาเอกทางด้านคณิตศาสตร์ด้วยอายุเพียง20ปี และได้เรียนจบทางด้านคณิตศาสตร์มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University) และเข้าทำงานเป็นนักคณิตศาสตร์ที่วีลเลอร์แลปส์ (Wheeler Labs)
-เขาสนใจด้านคณิตศาสตร์ และมุ่งมั่นในการเรียนปริญญาเอกทางด้านคณิตศาสตร์ด้วยอายุเพียง20ปี และได้เรียนจบทางด้านคณิตศาสตร์มหา[วิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University) และเข้าทำงานเป็นนักคณิตศาสตร์ที่วีลเลอร์แลปส์ (Wheeler Labs) )
-
ผู้ป่วยภาคภูมิใจในความสามารถของตนเอง ที่เรียนจบปริญญาเอกทางด้านคณิตศาสตร์และได้รับรางวัลจากผลงานชื่อ “Nash Equilibrium”
อาการสำคัญ
อาการที่แสดงออกทางจิต
ผู้ป่วยมีอาการเห็นภาพหลอน เป็นบุคคลต่าง ๆ คิดว่าจะมีคนมาทำร้ายตนเอง คิดว่าตนเองเป็นสายลับ มีอาการเครียด
-
อาการที่ได้จากการสังเกต
นั่งกุมมือและบีบมือตัวเองเกือบตลอดเวลา สีหน้าวิตกกังวล แววตาหวาดระแวง ก้มหน้าเป็นส่วนใหญ่
พูดตะกุกตะกักในบางครั้ง แต่เมื่อพูดถึงเรื่องการเป็นสายลับ พูดรัวเร็ว เดินหลังค่อม มองซ้ายขวาเกือบตลอดเวลา แสดงสีหน้า แววตา และท่าทีหวาดกลัวเมื่อพบจิตแพทย์
-
การรักษาและการพยาบาล
การรักษาด้านร่างกาย
1.รักษาด้วยยา Antipsychotic ยับยั้งอาการจิตเภท ได้รับยา chlorpromazine เพื่อควบคุมอาการทางจิต เช่น ประสาทหลอน หลงผิด
-
-
การรักษาด้านจิตใจ
การรักษาทางจิตสังคม
สุขภาพจิตศึกษา เพื่อให้ผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัวเข้าใจเกี่ยวกับโรค การรักษาโรค การสังเกตุอาการที่ผิดปกติ การดูแล การจัดการกับความเครียดของตนเอง และปรับทัศคติ ความคาดหวังในการรักษา การสื่อสารดูแลผู้ป่วย
-
การบำบัดในการฝึกแก้ปัญหา เพื่อเพิ่มความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและสามารถวางแผนการแก้ปัญหา ประเมินผลการแก้ปัญหาได้
-
การบำบัดอารมณ์ โดยการสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด (Therapeautic relationship) และการทำจิตบำบัดแบบประคับประคอง (Supportive psychotherapy)
การป้องการกำเริบของโรค เพื่อให้ผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัวมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปฎิติตัวตามโรค การรักษา การดูแล และผู้ป่วยได้ทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ มองอนาคต ความเข้าใจที่มีต่ออาการทางจิตจะส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีทัศนคติที่ดีต่อการรักษา
การบำบัดสำหรับผู้ดูแล ด้วยวิธีการที่คล้ายกับการทำจิตบำบัดแบบประคับประคอง กลุ่มสุขภาพจิตศึกษาและการให้กำลังใจผู้ดูแล
การรักษาด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsive Therapy) การรักษาโดยการใช้กระแสไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นต่ำผ่านสมองเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดอาการชัก ซึ่งจะส่งผลให้อาการทางจิตดีขึ้น โดยทั่วไปจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา มีอาการรุนแรง
-
ข้อมูลส่วนบุคคล
ชื่อผู้ป่วย นายจอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ (Mr. John Forbes Nash, Jr.)
-
-
ประวัติการเจ็บป่วย
1 วันก่อนมาโรงพยาบาล เขาเห็นกลุ่มคนสะกดรอยตามไปถึงที่ทำงานเขารู้สึกกลัวมากจึงวิ่งหนี จนกระทั่งถูกนำส่งโรงพยาบาล
2 ปีก่อนมาโรงพยาบาล หลังเรียนจบปริญญาเอกทางด้านคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน (Princeton University) และเข้าทำงานเป็นนักคณิตศาสตร์ที่วัลเลอร์แลปส์ (Wheeler Labs)
เขาถูกเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหม สหรัฐอเมริกาเรียกตัวไปช่วยถอดรหัสทางการทหาร จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ชื่อนายวิลเลียม แพซเชอร์
มาติดต่อให้เขาทำงานเป็นสายลับคอยถอดรหัสทางการทหารจากนิตยสารเขาทำงานให้นายวิลเลียมอย่างลับๆ จนกระทั่งพบว่ามีคนสะกดรอยตามและพยายามทำร้ายเขา
ผู้ป่วยกลัวถูกทำร้ายมาก แต่พยายามเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเนื่องจากเขาทำงานเป็นสายลับ แม้กระทั่งภรรยาก็ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน