Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตรวจร่างกาย Neurological, นางสาวชฎาภรณ์ รัศมีจันทร์ เลขที่ 14B รหัส…
การตรวจร่างกาย Neurological
Consciousness
ผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพในระบบประสาทส่วนกลางหรือโรคทางระบบต่างๆ
ที่มีผลต่อการทําหน้าที่ของระบบประสาทส่วนกลาง
อาจมีการเปลี่ยนแปลงในระดับความรู้สึกตัวได้ตามลําดับดังนี้
Stupor
จะมีการลดลงของ mental and physical activity อย่างมาก มีการตอบสนองต่อ external stimuli ลดลงไปอีกต้องใช้การกระตุ้นที่รุนแรงมากขึ้น
Delirium
ผู้ป่วยจะม confusion ร่ววมกับอาการกระวนกระวายและอาการประสาทหลอน (hallucination)
Drowsy
สะลึมสะลือ ถ้ามีสิ่งกระตุ้นภายนอก(external stimuli) ผู้ป่วยจะมีการตอบสนองบ้าง
เช่น การต่อต้าน แต่พอหยุดกระตุ้นผู้ป่วยก็จะซึมหรือหลับไป
Semicoma
ผู้ป่วยจะไม่ค่อยรู้ตัว เมื่อกระตุ้นด้วย stimuli ที่รุนแรง ผู้ป่วยจะมีการตอบสนองได้ แต่เป็นแบบ unpurposeful ในพวกนี้ reflex ต่างๆยังคงอยู่
Confusion
เชื่องช้า รู้สึกสับสน ความรู้สึกตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมลดลง
Coma
ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อ stimuli เลย ไม่ว่าจะเป็นความเจ็บปวดขนาดใด
เช่น การกดบริเวณกระบอกตา ซึ่งทําให้เกิด deep pain หรือการกดบริเวณโคนเล็บมือเล็บเท่าผู้ป่วยก็ไม่มีการตอบสนอง reflex ต่างๆ จะหายไปหมด
Cranial nerves
Glossopharyngeal nerve
-Sensory รับความรู้สึกจากบริเวณ pharynx และด้านหลัง posterior 1/3 ของลิ้นรวมทั้งรสด้วย
Motor เกี่ยวกับการเคลื่นไหวของกล้ามเนื้อบริเวณคอหอย ตรวจดูGag reflex
Vagus nerve
Sensory บริเวณ pharynx และ larynx
Motor บริเวณ palate, pharynx และ larynx
การตรวจมักตรวจควบคู่ไปกับ cranial nerve 9
Acoustic nerve
ทำหน้าที่เกี่ยวกับการได้ยิน (cochlear division) และการทรงตัวของร่างกาย (vestibular division)
Cochlear division การตรวจละเอียดต้องอาศัยส้อมเสียงแตอาจตรวจคร่าวๆ
โดยการกระซิบเบาๆข้างหูแล้วสังเกตว่าผู้ป่วยได้ยินหรือไม่
Vestibular division ตรวจโดยดูการทรงตัวของผู้ป่วย
Spinal accessory nerve
Motor เลี้ยงกล้ามเนื้อ sternocleidomastoid ที่ทำหน้าที่หันหน้าและ trapezius muscle ทำหน้าที่ยักไหล่
Facial nerve
Motor supply กล้ามเนื้อของใบหน้าทั้งหมด ที่รวมเรียกกันว่า muscle of expression ตรวจได้ง่ายๆโดยให้ผู้ป่วยหลับตา ยิงฟัน ยักคิ้ว
Sensory รับความรู้สึกจาก anterior 2/3 ของลิ้น ตรวจได้โดยให้ผู้ป่วยใช้ปลายนิ้วแตะสารบางอย่างที่มีรส เช่น หวาน เผ็ด
Hypoglossal nerve
ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของลิ้น
Abducens nerve
ทำหน้าที่เกี่ยวกับการกลอกตาไปด้านข้าง (lateral) ซึ่งการตรวจ nerve 3, 4, 6
จะสามารถทำไปด้วยกันได้โดยให้ผู้ป่วยมองตามนิ้วมือของผู้ตรวจในทิศทางต่างๆ
Trochlear nerve
ทำหน้าที่เกี่ยวกับการกรอกตาลงข้างล่าง และเข้าด้านใน (downward inward)
Optic nerve
ทำหน้าที่เกี่ยวกับการมองเห็น อาจจะตรวจคร่าวๆโดยปิดตาทีละข้างแล้วให้นับนิ้วหรืออาจใช้ Snell's chart ที่เป็นตัวอักษรหรือรูปภาพก็ได้
Oculomotor nerve
ทำหน้าที่เกี่ยวกับการหดตัวของ pupils การยกเปลือกตาขึ้นบน การกลอกตาแทบทุกทาง ยกเว้นที่ควบคุมโดย cranial nerveที่4 และ 6
Olfactory nerve
ทำหน้าที่เกี่ยวกับการได้กลิ่น ให้ผู้ป่วยหลับตาแล้วดมสารบางอย่าง ซึ่งไม่มีพิษระคายเคืองกับเยื่อบุในจมูก และเป็นกลิ่นที่คนทั่วๆไปรู้จักแล้วให้บอกว่าได้กลิ่นอะไรหรือไม่ เช่น ดมกลิ่นไม้ขีดที่ดับใหม่ๆ
Trigeminal nerve
มี 2 ส่วน
Motor supply กล้ามเนื้อtemporal บริเวณขมับและ masseter muscle ที่ทําหน้าที่หุบปาก
รับจากบริเวณใบหน้า แบ่งได้ 3 divisions ย่อย คือ ophthalmic, maxillary, mandibular division
Sensory system
สังเกตความสามารถรับรู้ต่อสิ่งกระตุ้น(stimuli) เปรียบเทียบบริเวณสองข้างที่สมมาตรกัน และเปรียบเทียบระหว่างส่วนต้นกับส่วนปลาย เช่น แขนกับมือ โคนขากับเท้า ตรวจตามส่วนของร่างกายที่ถูกเลี้ยงด้วย sensory nerve เส้นต่างๆ โดยตรวจตามลักษณะของ receptors ต่างๆ
Pain : โดยอาศัยเข็มหมุด หรือเข็มกลัดซ่อนปลาย
Temperature : อาศัยหลอดแก้วใส่น้ําอุ่น และน้ำเย็น แตะบริเวณต่างๆ
Touch : ใช้สําลีแตะเบาๆ
Vibration : ใช้ส้อมเสียงเคาะแล้วแตะบริเวณปุ้มกระดูกตามข้อต่างๆ
Position : ให้ผู้ป่วยหลับตาแล้วจับปลายนิ้วมือกระดกขึ้นลงและถามผู้ป่วยว่าอยู่ในท่าใด
Stereognosis : ให้ผู้ป่วยหลับตาแล้วกําวัตถุบางอย่าง เช่น กุญแจ เหรียญ และให้บอกว่าเป็นอะไร หรือให้หลับตาแล้วเขียนเลขบนฝ่ามือ
Reflex
มี 2 ลักษณะ
Superficial reflex
Corneal reflex ใช้สําลีขมวดให้เล็กแล้วแตะตาบริเวณ limbus
จะพบมีการกระพริบตา สัมพันธ์กับcranial nerve 5,7
Light reflex ใช้ไฟส่องในตาจะพบมีการหดตัวของ pupils
สัมพันธ์กับ cranial nerve 2,3
Cremasteric reflex ใช้วัตถุทื่อๆขีดทางด้านในของต้นขาจะมี
การหดตัวของ testis ขึ้นไปข้างบนสัมพันธ์กับ lumbar nerve 1,2
Plantar reflex (Babinski’s sign)ใช้วัตถุขีดบริเวณฝ่าเท้า
จากส้นเท้าขึ้นไปหานิ้วเท้า นิ้วเท้าจะงองุ้มลง
สัมพันธ์กับ lumber nerve 4,5 และsacral nerve 1,2
Deep tendon reflex
Biceps โดยเคาะบริเวณด้านหน้าของแขนพับ
เลี้ยงโดย cervical nerve 5,6
Triceps โดยเคาะบริเวณด้านหลังของแขนเหนือศอกเล็กน้อย
เลี้ยงโดย cervical nerve 7,8
Knee jerk โดยเคาะบริเวณเข่า
เลี้ยงโดย lumbar nerve 2,3,4
Ankle jerk โดยเคาะบริเวณขอเท้าด้านหลัง
เลี้ยงโดย sacral nerve 1,2
การตอบสนองของกล้ามเนื้อเมื่อเคาะบริเวณใกล้ข้อต่างๆ
แบ่งเป็น 4 ระดับ(Grade)
Grade 0 ไม่มีการตอบสนองเลย
Grade 1 มีการตอบสนองเล็กน้อย
Grade 2 ปกติ
Grade 3 ไวกวาปกติ
Grade 4 ไวมาก
Meningeal sign
Neck stiffness
เป็นอาการที่ผู้ป่วยไม่สามารถก้มคอมาจรดหน้าอกขณะนอนหงายได้เหมือนคนปกติพบได้ในผู้ป่วยที่มการอับเสบของเยื่อหุ้มสมอง
Kernig’s sign
ให้ผู้ป่วยนอนหงายชันเข่า แล้วจับขาเหยียดขึ้นไปตรงๆ
โดยจับเข่าให้อยู่ในแนวดิ่งตั้งฉากกับพื้น ผู้ป่วยที่มีการอักเสบของเยื่อหุ้มสมอง และไขสมองหลังจะเหยียดขาขึ้นไปไม่ได้เพราะเจ็บ
ตรวจระดับความรู้สึก หรือการรู้สติ
และการตรวจ mental fuction
ตรวจระดับความรู้สึกตัว ความร่วมมือ สติปัญญา อารมณ์ ความคิด การตัดสินใจ
เทคนิคการกระตุ้นให้เกิดปฏิกริยาตอบสนอง
ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว ใช้วิธีการดังต่อไปนี้
ใช้เสียงเรียก
เขย่าตัวเบาๆ
เขย่าตัวเเรง
กระตุ้นให้เจ็บ (หยิกที่แขนหรือด้านในของขา, กดที่โคนเล็บ, กดที่ supra orbital notch)
การตรวจทั่วไป
การตรวจลักษณะทั่วไป โดนเน้นที่การสังเกตท่าเดินของผู้ป่วย สีหน้า การเคลื่อนไหวของอวัยวะบนใบหน้า ร่องจมูกและการพูด
การซักประวัติ
อาการสำคัญ ได้แก่ อาการชัก ตาพร่ามัว การสูญเสียความรู้สึก ปวดศีรษะมาก สูญเสียการทรงตัว ไม่รับรู้ความเจ็บปวด สูญเสียการรับรส ความจำเสื่อม
ประวัติการเจ็บป่วยในปัจจุบัน
ประวัติการเจ็บป่วยในอดีต
ประวัติครอบครัว
ประวัติทางสังคม ได้แก่ การดืมแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การติดยาเสพติด
Motor system
เป้นการตรวจดูว่ากล้ามเนื้อทำงานได้ตามปกติหรือไม่
มีการอ่อนแรงหรือไม่ ทำได้ง่ายโดยการให้เดินกระโดดบนขาข้างเดียว
ให้ทำ flexion และ extension ตามข้อต่อตางๆโดยต้านแรงของผู้ตรวจ
การวัด power of muscle แบ่งระดับได้เป็น 5 ระดับ (Grade)
Grade 3 สามารถเคลื่อนตามแนว vertical wfh
Grade 4 มีการอ่อนแรงเพียงเล็กนอย
Grade 2 สามารถเคลื่อนต้านแรงดึงดูดของโลกตามแนว vertical ได้
Grade 5 ปกติ
Grade 1 สามารถเคลื่อนได้เล็กน้อยแต่เฉพาะในแนว horizontal
Grade 0 ไม่สามารถจะเคลื่อนไหวได้เลย
นอกจากนั้นควรตรวจดูความตึงตัว (tone) ของกล้ามเนื้อด้วยว่ามีลักษณะอย่างไร เช่น อ่อนปวกเปียก(flaccid) แข็งแร่ง(spastic) คลําดู muscle mass ด้วยว่ามี atrophy หรือไม่
นางสาวชฎาภรณ์ รัศมีจันทร์ เลขที่ 14B รหัส 63123301023