Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 12 บทบาทพยาบาลในการดูแลรักษาและฟื้นฟูสภาพ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตและจ…
บทที่ 12 บทบาทพยาบาลในการดูแลรักษาและฟื้นฟูสภาพ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช
1.3 การผูกยึดและการจำกัดพฤติกรรม
ปัจจุบันการผูกมัดและจำกัดขอบเขตผู้ป่วยยังคงมีความจำเป็น ในกรณีที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวผู้ป่วยและผู้อื่น พฤติกรรมที่ต้องผูกมัด หรือ จำกัดบริเวณ มีดังนี้
1) พฤติกรรมในรูปของการทำลาย (Destructive behavior) เป็นอันตรายต่อตนเอง และผู้อื่น
2) พฤติกรรมสับสนวุ่นวาย พฤติกรรมแปลกๆ อาจเป็นพฤติกรรมถดถอย (Disorganized behavior) เช่น ด่าเกรี้ยวกราดต่อเจ้าหน้าที่
3) มีพฤติกรรมที่แสดงออกมาจากผลของความขัดแย้งในใจ หรือบางทีเรียกว่า Acting out เช่น การเปลือยกาย การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองให้ผู้อื่นดู
4) พฤติกรรมที่แสดงถึงความไม่สบายต่าง ๆ (Dysphoric behavior) เช่น
พวกที่ไม่อยู่ในโลกของความเป็นจริง ซึมเศร้า
5) พฤติกรรมที่ต้องยึดผู้อื่นเป็นที่พึ่งพิง (Dependent behavior) เช่น พวกติดยาเสพติด
1.3.1 การผูกมัด (Physical restrain)
โดยใช้เจ้าหน้าที่ประมาณ 3-5 คน วิธีการนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องรู้ขั้นตอนในการดำเนินงาน ทำอย่างรวดเร็ว
1.3.2 การใช้ยาและการจำกัดขอบเขต (Medical restrain and room seclusion)
สำหรับรายฉุกเฉิน แพทย์อาจให้ฉีดยาเพื่อให้ผู้ป่วยสงบก่อนนำผู้ป่วยเข้าห้อง
ขั้นตอนในการทำโดยสรุป
1) วางแผนให้รอบคอบว่าจะหยุดพฤติกรรมผู้ป่วยแบบใด ใครมีหน้าที่ช่วยเหลือในครั้งนี้บ้าง ต้องใช้ความพร้อมเพรียงและความรวดเร็ว
2) บอกให้ผู้ป่วยทราบว่าจะช่วยเหลือเขาโดยการจำกัดสถานที่
3) จับผู้ป่วยด้วยความนิ่มนวล พร้อมเพรียง และรวดเร็ว
4) อยู่เป็นเพื่อนระยะหนึ่งเพื่อให้ผู้ป่วยเกิดการเรียนรู้ว่าไม่ใช่การทำโทษ
แต่เป็นการช่วยเหลืออย่างหนึ่ง ให้สัญญาว่าจะมาเยี่ยมอีก
5) เยี่ยมผู้ป่วยเป็นระยะ เพื่อประเมินดูว่าเขาสามารถควบคุมตนเองได้แล้วหรือยัง
6) กรณีผู้ป่วยหลังให้ยาต้องทดสอบอาการรู้สึกตัวก่อนจึงจะแก้มัดได้
การพยาบาล
1) ทีมผู้รักษาจะต้องมีทัศนคติที่ดีต่อผู้ป่วยมีความสม่ำเสมอทั้งคำพูด และท่าทาง
2) ให้ความนับถือผู้ป่วยในฐานะบุคคล ๆ หนึ่ง ควรบอกผู้ป่วยทุกครั้งที่จะจำกัดพฤติกรรม ระยะเวลา และพฤติกรรมที่จะจำกัด
3) การจำกัดพฤติกรรมควรใช้คำพูดก่อน ถ้าไม่ได้ผลจึงจะใช้วิธีผูกมัด และจำกัดบริเวณ
4) ขณะที่ควบคุมผู้ป่วย พยาบาลต้องไม่พูดหรือแสดงกิริยาดูถูกว่าผู้ป่วยพูดไม่รู้เรื่อง
5) ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ไม่ทอดทิ้งให้อยู่คนเดียวไม่ให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าถูกลงโทษและต้องตรวจดูการไหลเวียนเป็นระยะ ๆ อาจเปลี่ยนท่าให้ผู้ป่วยทุกครึ่งชั่วโมง
2. การจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด (Milieu therapy)
ความหมาย คำว่า Milieu เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า สิ่งแวดล้อม (Environment) หมายถึง การจัดสภาพบรรยากาศเพื่อการบำบัดอย่างมีจุดมุ่งหมายเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเวชอย่างมีแบบแผนมีหลักการ มีวัตถุประสงค์ และวิธีการเฉพาะซึ่งต่างจากผู้ป่วยทั่วไป
ลักษณะของ Milieu therapy
1) มีโปรแกรมสำหรับการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน
2) มีรูปแบบการปกครองตนเอง เพื่อฝึกให้ผู้ป่วยมีความรับผิดชอบ และรู้จักพึ่งพาตนเอง ลดการถดถอย และให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการกระทำต่าง ๆ
3) ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีความรับผิดชอบมากขึ้น
4) มีความหลากหลายของกิจกรรมบำบัด
5) ต้องมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับครอบครัว
6) ต้องมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับชุมชน ส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้ออกไปสู่ชุมชน
7) ทีมสุขภาพจิตต้องร่วมกันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
หลักการในการจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด
1) ในการจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัดยึดหลักการอำนวยความสะดวกสบายตามสภาพของสถานที่ซึ่งสามารถจัดให้ได้อย่างดีที่สุดที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับผู้บำบัด
2) สมาชิกทุกคนในทีมผู้บำบัดต้องแสดงตนเป็นแบบอย่างหรือตัวอย่างที่ดี
และเหมาะสมแก่ผู้ป่วยนับตั้งแต่การแต่งกาย
3) การแต่งกายของพยาบาลไม่ยึดหลักการแสดงสัญลักษณ์ของความเจ็บป่วย คือ การสวมยูนิฟอร์มสีขาว เพราะเป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นถึงบทบาทของพยาบาล
4) โปรแกรมนิเวศบำบัด ต้องวางแผนอย่างดี โดยความร่วมมือระหว่างผู้ป่วยกับผู้บำบัดกลุ่มบำบัดและกิจกรรมบำบัดที่ยึดเอาผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง
5) กลุ่มบำบัดแต่ละชนิดควรมีจำนวนที่เหมาะสม
6) การตัดสินใจทุกอย่างของผู้ป่วยและผู้บำบัดจะต้องเห็นชอบด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย อยู่ในรูปของการผ่อนปรนเป็นกลางๆ ซึ่งทุกคนสามารถปฏิบัติได้
7) หลักการช่วยเหลือผู้ป่วยต้องการกระตุ้นให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกอยากทำงานหรืออยากแสดงออก ตามความต้องการของผู้ป่วย
8) การจัดกิจกรรมในนิเวศบำบัด ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่ม เช่น วัยวุฒิ คุณวุฒิ และฐานะของผู้ป่วย
9) ในการทำงานหากมีสิ่งบกพร่องเกิดขึ้น ผู้บำบัดจะปักความรับผิดชอบ
หรือยกเลิกกิจกรรมนั้น ๆ เลยไม่ได้
10) การชี้ปัญหาหรือข้อบกพร่องของสมาชิกในกลุ่ม
ควรกระทำกันต่อหน้าผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกคนและควรทำในขณะปัญหานั้นๆ
องค์ประกอบของสิ่งแวดล้อมที่เป็นการบำบัดผู้ป่วย
1) สิ่งแวดล้อมที่เป็นวัตถุ ได้แก่
สภาพของโรงพยาบาลและหอผู้ป่วย การเงียบสงบ ร่มรื่น น่าอยู่อาศัย
มีลักษณะคล้ายบ้าน คือมีความสะดวกสบาย และรู้สึกปลอดภัย มีห้องนอนและห้องน้ำที่จัดเป็นสัดส่วน
ผู้ป่วยมีอิสระในการไปไหน หรือการกระทำสิ่งใดตามความเหมาะสม
โดยไม่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น
บรรยากาศในหอผู้ป่วย ควรมีความอบอุ่นเป็นมิตร
เจ้าหน้าที่ในหอผู้ป่วยจะต้องสร้างความคุ้นเคยในการมาอยู่พยาบาล พยายามทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าโรงพยาบาลเป็นที่ปลอดภัยสำหรับเขา
2) สิ่งแวดล้อมด้านบุคคล
ผู้ให้การรักษา ที่สำคัญได้แก่ จิตแพทย์ พยาบาลจิตเวช นักจิตวิทยาคลินิก นักสังคมสงเคราะห์ พยาบาล ผู้ช่วย ผู้ช่วยเหลือคนไข้ นักอาชีวะบำบัด นักนันทนาการบำบัด
ผู้ป่วย องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าในหน่วยรักษาหนึ่ง ๆ ไม่ควรจะมีผู้ป่วยเกิน 32 คน เพราะจำนวนผู้ป่วยที่มากเกินไปส่งผลต่อบรรยากาศในหน่วยรักษา การที่มีผู้ป่วยมากเกินไปทำให้อาจขาดโอกาสในการมีส่วนร่วมในกิจกรรมรักษา
3) สัมพันธภาพระหว่างบุคคลในหน่วยรักษา
สัมพันธภาพระหว่างทีมผู้รักษา ไม่ว่าจะเป็นสาขาวิชาชีพใดต้องมีความสามัคคีไม่แบ่งพรรคแบ่งพวกว่าเป็นแพทย์ พยาบาล
นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา
สัมพันธภาพระหว่างทีมผู้รักษาและผู้ป่วย การติดต่อระหว่างทีมผู้รักษาและผู้ป่วยควรอยู่ในรูปแบบของผู้ให้การช่วยเหลือและผู้มารับความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ในทีมควรระลึกเสมอว่าผู้ป่วยไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่จะสามารถสั่งการได้ตามใจชอบ
บทบาทของพยาบาลในการจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด
1) เป็นแบบอย่างที่ดีในด้านการตอบสนองทางอารมณ์
2) เป็นตัวแทนของบุคคลในสังคมปกติ
3) เป็นแบบอย่างที่ดีในด้านพฤติกรรมทางสังคม