Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 12 บทบาทพยาบาลในการดูแลรักษาและฟื้นฟูสภาพผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตและจิ…
บทที่ 12 บทบาทพยาบาลในการดูแลรักษาและฟื้นฟูสภาพผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช
ประเภทการบำบัดรักษาทางจิตเวช
1) การบำบัดรักษาทางกาย (Somatic therapy)
2) การบำบัดรักษาทางจิต (Psychotherapy)
3) นิเวชบำบัดหรือสิ่งแวดล้อมบำบัด (Milieu therapy)
4) พฤติกรรมบำบัด (Behavioral therapy)
5) กิจกรรมบำบัด (Activity therapy)
6) การสร้างสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด (Therapeutic Relationship)
1.การบำบัดรักษาด้านร่างกาย (Somatic therapy)
จิตเภสัชบำบัดและการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
เป็นวิธีการรักษาผู้ป่วยทางจิตเวชวิธีหนึ่งโดยใช้การควบคุมร่างกายให้ได้มาซึ่งอาการทางจิตที่ดีกว่าเดิม มีหลายวิธี เช่น
-การบำบัดด้วยยาหรือจิตเภสัชบำบัด (Psycho-Pharmacological therapy) -การบำบัดด้วยไฟฟ้า (Electro Convulsive (Somatic therapy) -การบำบัดโดยการผูกมัดและการจำกัดขอบเขต (Restraint and Set limit) เป็นต้น
ยารักษาโรคจิต (Antipsychotic drugs or Major transquilizer drugs)
เป็นยาที่นำมาใช้รักษาโรคจิต เนื่องจากสาเหตุต่างๆ ได้ผลดี
โดยเฉพาะโรคจิตเภท แมเนียและโรคจิตจากสมองพิการ
1) Phenothiazine derivatives
2) Thioxanthene derivatives
3) Butyrophenone derivatives
4) Dihydroindolone derivatives
5) Dibenzoxapine derivatives
ยารักษาอาการซึมเศร้า (Antidepressant drugs)
1) Conventional antidepressant
(1) Monoamine Oxidase inhibitors (MAOI) ทำให้มีอารมณ์เป็นสุข
สมองตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า สดชื่น อยากอาหาร ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูงขึ้น อาจทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวเมื่อให้ยาในระดับสูง
(2) Tricyclic antidepressants ยากลุ่มนี้นิยมใช้กันมากมีผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ กลไกการออกฤทธิ์เชื่อว่าลดอาการซึมเศร้า โดยไม่เพิ่มระดับของ Nor-epinephrine และ serotonin ในสมอง ทำให้มีอาการปากแห้ง ตาพร่า ง่วงนอน ปัสสาวะคั่ง ท้องผูกได้
ผลต่อระบบไหลเวียนทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถ
2) Secondary generation antidepressants
(1) Bicyclic antidepressants เช่น Zimelidine (Zelmid), Viloxazine (Vivalan) อาการที่ไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อย คือ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ ปากแห้ง ใจสั่น ท้องผูก ปัสสาวะลำบาก
(2) Tetracyclic antidepressants เช่น Maprotiline (Ludiomil), Mianserin (Talvon) ห้ามใช้กับผู้ที่เป็นโรคตับ ต่อมลูกหมากโต
ต้อหิน ปัญหาเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะ น้ำหนักลด โรคเบาหวาน หญิงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก
(3) Serotonin Reuptake Inhibitors นำมาใช้รักษาอาการซึมเศร้า
(Antidepressant) ยาในกลุ่มนี้ที่นำมาใช้ในปัจจุบันมี 4 ชนิด คือ Fluoxetine,Paroxetine, Sertraline และFluvoxamine
โดยมีอาการผลข้างเคียงดังนี้ -ผลต่อสมองร้อยละ 10 ของผู้ป่วยมีอาการง่วงนอน และร้อยละ 10มีอาการนอนไม่หลับ ยาไม่มีผลต่อการจำและการรู้การเข้าใจ -ผลต่อหัวใจน้อยมาก -อาการ Anorgasmia เป็นต้น
ยาควบคุมอารมณ์ (Mood-stabilizing drug)
1) ลิเทียมคาร์บอเนต (Lithium Carbonate) เป็นยาหลักที่ใช้รักษา
ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยโรคไต ผู้ที่มีปัญหาทางหัวใจ ผู้ป่วยที่มีภาวะสมองถูกทำลาย
อาการข้างเคียง และการช่วยเหลือ (1) ที่ไม่เป็นอันตราย ได้แก่ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ไม่สบาย อ่อนเพลีย สั่นเล็กน้อย (2) หากพบลิเธียมในกระแสเลือด 1.5-2 mEq/L จะพบอาการที่รุนแรงขึ้น เช่น เบื่ออาหาร
อาเจียน ท้องเดิน เห็นภาพไม่ชัด สับสน (3) ถ้าพบลิเธียมในกระแสเลือด 2–2.5 mEq/L จะมีอาการพิษจากลิเธียม ดังนี้ ท้องเสีย
เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียนตลอด
การพยาบาล (1) ควรให้ผู้ป่วยรับประทานยาระหว่างมื้ออาหาร
หรือหลังอาหารทันทีเนื่องจากยาทำให้ระคายเคืองต่อต่อระบบทางเดินอาหาร (2) ในระยะแรกของการได้รับยาต้องตรวจหาระดับของลิเธียมในกระแสเลือด สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จนกว่าจะมีระดับคงที่หรือควบคุมอาการแมเนียได้ (3)การออกฤทธิ์ของยาในการควบคุมอาการแมเนียอาจต้องใช้ระยะเวลาเป็นเดือนจึงจะออกฤทธิ์เต็มที่ (4) ติดตามและประเมินอาการข้างเคียง
ยาคลายกังวล (Anxiolytic, Antianxiety drug or minor transquilizer drugs)
มีประโยชน์ในการรักษาโรคประสาท (Neurosis)
ทุกชนิดเพราะมีคุณสมบัติลดความวิตกกังวลและความกดดัน โดยไม่ทำให้เกิดการง่วงมากเหมือนยานอนหลับ มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวป้องกันอาการชัก นอนหลับได้
ข้อบ่งใช้ 1) โรคทางจิตเวชที่มีอาการกังวล เช่น ตื่นเต้นง่าย พลุ่งพล่าน กระวนกระวาย หอบ (Hyperventilation) 2) ใช้เป็นยานอนหลับ 3) ใช้รักษา Delirium tremens 4) โรคลมชัก เพื่อแก้อาการชัก และช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย 5) โรคของ Neuromuscular ที่มีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ เช่น cerebral palsy บาดทะยัก 6) อาการก้าวร้าว รุนแรง
อาการข้างเคียง มีน้อย ที่พบบ่อย คือ ง่วงนอน ความคิดช้า อาจมีสับสน ตื่นเต้น วุ่นวาย ศีรษะหมุน ผื่นตามผิวหนัง และคลื่นไส้ อาเจียน
การพยาบาล 1) ควรให้ยาเฉพาะก่อนนอน เพื่อไม่ให้ฤทธิ์ยารบกวนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในเวลากลางวัน 2) ในกรณีฉีดยาเข้ากล้ามให้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อมัดใหญ่และฉีดลึกให้เพียงพอเนื่องจากยาทำให้ปวดเเละระคายเคือง 3) สังเกตอาการข้างเคียง และติดตามผลการรักษา 4) ยา Lorazepam (Ativan) ใช้อมใต้ลิ้นจะดูดซึมเร็วกว่าการกลืนทางปาก