Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตรวจร่างกาย Chest (Heart & Lung), น.ส.กรกนก แย้มเจริญ เลขที่ 4 …
การตรวจร่างกาย Chest (Heart & Lung)
การตรวจทรวงอกและปอด Chest & Lung
ตรวจเพื่อประเมินการทำหน้าที่ของอวัยวะ และส่วนประกอบของทรวงอก ได้แก่
หลอดลม ปอด
หัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต
ผิวหนัง เต้านม กล้ามเนื้อ กระดูกหน้าอก และกระดูกซี่โครง
ตำแหน่งที่สำคัญบริเวณทรวงอก
1.Angle of Louis หรือ Sternal angle หรือ Manubriosternal junction : เป็นมุมที่คลำได้ชัดเจนที่สุด
อยู่ตรง rib ที่ 2 ด้านหน้า และ Intercostal space: ICS
Spinous process of T1 : ให้ก้มคอเต็มที่จะคลำได้ 2 ปุ่ม
ปุ่มบน คือ Spinous process ของ C7 และ
ปุ่มล่าง คือ spinous process ของ T1
ใช้สำหรับนับกระดูกซี่โครงและกระดูกสันหลัง
Inferior angle of scapula : เป็นตำแหน่งที่ตรงกับกระดูกซี่โครงที่ 7 ด้านหลัง
การเคาะ
ลำดับการเคาะ
1.เริ่มจากกระดูกไหปลาร้าแต่ละข้าง
ไล่ลงมาทีละช่องของRib ทั้ง 2 ข้าง
จะเริ่มสิ้นสุดที่ระดับ Left rib 9 th และ Right rib 8 th
ด้านหน้า
ด้านหลัง
2.เคาะบริเวณยอดปอด โดยให้ผู้ป่วยนั่ง ผู้ตรวจหันหน้าเข้าหาผู้ป่วย เคาะลงบน Supraclavicular fossa ทั้งข้างซ้ายและขวา
การแปลผล
-เสียงเคาะที่ต้นขา Flatness พบใน Hydrothorax, Pleural effusion
-เสียงเคาะที่ตับ หรือเสียงทึบ Dullness พบใน Pneumonia, Pul. TB, Atelectasis
-เสียงเคาะที่หน้าท้องที่มีแก๊สมาก Tympany พบใน Pneumothorax
เสียงเคาะปอดที่ปกติ หรือ เสียงก้อง Resonance
Hyper – resonanceเสียงก้องมาก พบในภาวะ Emphysema
เคาะที่ ICS 4 th และทึบชัดเจนที่ ICS 6 th ในแนว Mid-clavicular line
การดู
1.ลักษณะผิวหนังทรวงอก
ผื่น แผล และร่องรอยแสดงต่างๆ
ขนาดและรูปร่างทรวงอก
เช่น อาการ Barrel shape พบใน COPD
Pigeon chest อกไก่
Funnel chest อกบุ๋ม
ลักษณะเต้านม หัวนม
การเคลื่อนไหวของทรวงอก อัตราการหายใจ ความลึก จังหวะ และการใช้กล้ามเนื้อหน้าอกช่วยหายใจ
การคลำ
ตำแหน่งของหลอดลมทำได้ 2 วิธี
-ผู้ป่วยนั่งหรือนอนก้มคอมาข้างหน้าเล็กน้อย
เพื่อให้กล้ามเนื้อ Sternocleidomastoid หย่อน
วิธีตรวจ : ใช้ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางกดไปบน suprasternal notch โดยให้นิ้วอยู่ข้างหลอดลม
และเปรียบเทียบช่องว่างหลอดลมกับ Sternocleidomastoid ทั้ง 2 ข้าง
-ผู้ป่วยนั่งหน้าตรง
วิธีตรวจ : ผู้ตรวจใช้นิ้วคลำหาจุดกึ่งกลางของ Suprasternal notch และเคลื่อนนิ้วเข้าหา Trachea
ต้องสัมผัสได้ที่จุดกึ่งกลาง
การขยายตัวของปอด (Lung expansion)
ตรวจได้ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง
ด้านหลัง : ว่างฝ่ามือทั้ง 2 ข้างทาบอกด้านหลัง ให้นิ้วหัวแม่มือวางขนานกับRib คู่ที่ 10 ฝ่ามือโอบด้านข้างของทรวงอก ปลายนิ้วหัวแม่มือ 2 ข้าง อยู่ใกล้กับบริเวณแนวกระดูกสันหลัง โดยนิ้วห่างเท่ากัน
ให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกลึก ๆ สังเกตการเคลื่อนที่ของนิ้วหัวแม่มือ ทั้ง 2 ข้าง
ด้านหน้า : วางมือบริเวณชายโครงตามแนวRib คู่ที่ 6 โดยนิ้วหัวแม่มืออยู่ที่ Xiphoid process ฝ่ามือโอบด้านข้าง
ให้หายใจเข้า-ออกลึกๆ สังเกตการเคลื่อนที่ออกจากจุดกึ่งกลางของนิ้วหัวแม่มือและ การขยายของฝ่ามือทั้ง 2 ข้าง
การคลำเสียงสะท้อน
(Tactile fremitus or Vocal fremitus)
วิธีตรวจ : ใช้ฝ่ามือหรือสันมือวางบนผนังอกด้านหลัง
ในตำแหน่งยอดปอด หลังหลอดลมใหญ่ ตรงกึ่งกลางของสะบัก กดสันมือจากบนลงล่างเพื่อรับแรงสั่นสะเทือน
วัดแรงสั่นสะเทือนจากบนลงล่าง
ผู้ป่วยนับ 1-2-3ต่อเนื่องเมื่อเปลี่ยนตำแหน่งวัดแรงสั่น จะสัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากเสียง แล้วเปรียบเทียบกันทั้ง 2 ข้าง
ถ้าคลำเสียงสะท้อนได้เบากว่าปอดอีกข้าง แสดงว่าปอดข้างนั้น แฟบหรือมีสิ่งอุดกั้นในหลอดลมข้างนั้น
การคลำตำแหน่งที่กดเจ็บ
การฟัง
วิธีตรวจ : ให้ผู้ป่วยอ้าปากเล็กน้อย หายใจเข้าออกลึก ๆ แล้วฟังที่ผนังทรวงอกด้วยด้าน diaphragm ของ stethoscope แต่ละตำแหน่งควรฟังอย่างน้อย 1 รอบของการหายใจเข้า – ออก
เสียงที่ฟังประกอบด้วย
การฟังเสียงหายใจปกติ ( Normal breath sound )
การฟังเสียงพูด
ให้ผู้ป่วยนับ 1-2-3 สังเกตการเปลี่ยนแปลงของเสียง
ถ้ามีสิ่งมากั้น เสียงจะเบา เช่น Pleural effusion, pneumothorax, pleural mass, atelectasis
การฟังเสียงผิดปกติ ( Adventitious sound )
1.Crepitation or crackle เป็นเสียงที่ไม่ต่อเนื่อง
เกิดจากลมหายใจผ่าน secretion ที่ Terminal bronchiole และ alveoli ได้ยินชัดช่วงหายใจเข้า มี 3 ระดับคือ Fine, medium, coarse
2.Rhonchi and Wheezing เป็นเสียงที่เกิดจากการสั่นของหลอดลม
มีลมวิ่งผ่านหลอดลมที่ตีบแคบ พบใน Asthma, COPD, CHF
3.Rhonchi เป็นเสียงที่มีลักษณะใหญ่และทุ้ม
หลอดลมขนาดใหญ่ในทรวงอกที่ตีบแคบ
4.Wheezing เป็นเสียงที่มีลักษณะแหลมกว่า rhonchi
ความแหลมของเสียงขึ้นกับความเร็วของลมที่วิ่งผ่าน
5.Stridor เป็นเสียงที่เกิดจากการตีบแคบของหลอดลมขนาดใหญ่
เป็นเสียงหวีดที่ได้ยินชัดในช่วงหายใจเข้า ได้ยินโดยไม่ ต้องใช้ stethoscope
7.Decrease breath sound หรือ Deminished breath sound เสียงหายใจเบากว่าปกติ
พบในภาวะที่มีลมหรือของเหลวในช่องเยื่อหุ้มปอด
8.เสียง Pleural friction rub เกิดจากการเสียดสีของเยื่อหุ้มปอดที่อักเสบ พบใน Pleuritis
การตรวจหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต Cardiovascular
การตรวจหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิตมีความสัมพันธ์ กับการตรวจร่างกายส่วนอื่นๆ
การตรวจทั่วไป ได้แก่ การหายใจ สีผิว และอาการบวม ตามส่วนต่างๆ
การตรวจชีพจรในตำแหน่งต่างๆ การเต้นของเส้นเลือดดำ
การวัดความดันโลหิต และ 4. การตรวจหัวใจ
ตำแหน่งของลิ้นหัวใจ
P.V.A. (Pulmonic valvular area) Lt. ICS 2 nd ชิดกับ sternum
T.V.A. (Tricuspid valvular area)
Lt. ICS 5 th ชิดกับ sternum
A.V.A (Aortic valvular area)
Rt. ICS 2 nd ชิดกับ sternum
M.V.A. (Mitral valvular area หรือ Apex)
Lt. ICS 5 th ตัดกับ MCL
การดู
ดูลักษณะผนังทรวงอก
ดูApical impulse หรือ Apical beat คือตำแหน่งที่มีการเต้น ของหัวใจแรงที่สุด เรียกว่า Point of maximum impulse : PMI
Abnormal pulsation อื่น ๆในบริเวณ Precordial area และ บริเวณคอทั้ง 2 ข้าง
การคลำ
คลำตำแหน่งของ PMI
วิธีตรวจ : ใช้ปลายนิ้วมือทั้ง 4 นิ้ว ตำแหน่งที่คลำ พบว่าหัวใจเต้นแรงที่สุด จะมีแรงกระแทกถูกนิ้วมือเพียงจุดเดียว
อยู่ที่ช่องRib ที่ 5 ตรงกับ MCL เป็นตำแหน่งของ Apex
การคลำเพื่อตรวจอาการแสดงของหัวใจโต
เรียกว่า Ventricular heave
เปลี่ยนไปทางซ้ายเนื่องจาก : Rt. Pneumothorax ,
Lt. Atelectasis , Cardiac dilatation
เปลี่ยนไปทางขวาเนื่องจาก : Lt.Pneumothorax ,
Rt. Atelectasis
การคลำ Thrill
Thrill คือ Murmurs ที่ดังมาก จนChest wall สั่นสะเทือนจะรู้สึกเหมือนมีคลื่นมากระทบ (Vibration sensation) ที่ฝ่ามือ
ต้องคลำให้ทั่วทั้ง Precordial area ได้แก่ ตรงลิ้นหัวใจทั้ง 4 ลิ้น โดยวางฝ่ามือบริเวณที่จะตรวจ Systolic thrills และ Diastolic thrills
การฟัง
ฟังบริเวณ Precordial area ทั้งหมด โดยฟังตำแหน่งลิ้นหัวใจทั้ง 4 แห่ง ใช้ Stethoscope
ด้าน Bell – ฟังเสียงต่ำ (low pitch) โดยไม่ควรกดแน่น
ด้าน Diaphragm – ฟังเสียงสูง (high pitch) โดยกดให้แน่น
สิ่งที่สังเกตุ
ลักษณะของเสียง : เบา แรง พอดี
ความสม่ำเสมอ จังหวะการเต้น
. 3.ความถี่ของเสียง
ฟังเสียงหัวใจปกติ Normal heart sound
S1 เป็นเสียงที่เกิดจากการปิดของ
mitral & tricuspid valve
เกิดในช่วงหัวใจบีบตัว ฟังชัดที่สุดบริเวณ Apex
S2 เป็นเสียงที่เกิดจากการปิดของ
pulmonic & aortic valve
เกิดในช่วงหัวใจคลายตัว ฟังชัดบริเวณ
pulmonic & aortic valve
ฟังเสียงฟู่ (Cardiac murmur)
เกิดจากการสั่นสะเทือนขณะมีการไหลของเลือด ผ่านรูเปิดของลิ้นหัวใจ หรือเส้นเลือดที่มีความผิดปกติ
Systolic murmur
เกิดระหว่างเสียง S1 และเสียง S2
โดยเกิดพร้อมกับการเต้นของชีพจรที่คอ
Diastolic murmur
เกิดระหว่างเสียง S2 และเสียง S1
โดยเกิดหลังการเต้นของชีพจรที่คอ
ความดังของ murmur 6 ระดับ
Grade 1 : เสียงเบามาก ฟังยาก
Grade 2 : เสียงเบา แต่ฟังได้ยินทันที
Grade 3 : เสียงดังปานกลาง แต่ยังคลำไม่ได้ thrill
Grade 4 : เสียงดังมากขึ้น และเริ่มคลำได้ thrill
1 more item...
น.ส.กรกนก แย้มเจริญ เลขที่ 4
ห้อง 2B รหัส 63123301005