Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
กระบวนการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ - Coggle Diagram
กระบวนการโฆษณาและการประชาสัมพันธ์
กระบวนการประชาสัมพันธ์
การระบุปัญหา
ข้อมูลที่จําเป็นสําหรับการประชาสัมพันธ์
1.3 ข้อมูลเฉพาะเรื่อง
1.1 ข้อมูลทั่วไป
1.2 ข้อมูลเกี่ยวกับองค์กร
การวิจัยทางการประชาสัมพันธ์
การใช้ประโยชน์จากการวิจัยทางการประชาสัมพันธ์
5) เพื่อช่วยให้ฝ่ายบริหารได้ทราบข้อมูลที่จําเป็นอยู่เสมอ
6) เพื่อป้องการการเกิดเหตุวิกฤต
4) เพื่อทดสอบสาร
7) เพื่อสอดส่องการดําเนินงานของคู่แข่ง
3) เพื่อกําหนดกลยุทธ์การประชาสัมพันธ์ให้สอดคล้องกับประชามติหรือความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
8) เพื่อโน้มน้าวประชามติ
2) เพื่อกําหนดและศึกษากลุ่มเป้าหมายทางการประชาสัมพันธ์กลุ่มต่าง ๆ
9) เพื่อดึงดูดความสนใจของสาธารณชน
1) เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือในการดําเนินงานของฝ่ายบริหาร
10) เพื่อวัดผลสําเร็จ
วิธีการวิจัยเพื่อการประชาสัมพันธ์
การวิจัยแบบไม่เป็นทางการหรือการสํารวจ
การวิจัยแบบเป็นทางการ
การระบุปัญหา
ที่มาของปัญหาคืออะไร เกิดปัญหาขึ้นเมื่อไหร่ ใครคือผู้เกี่ยวข้องหรือได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใดและเหตุใดองค์กรจะต้องเข้ามาแก้ไข
การวางแผนงานประชาสัมพันธ์
ความสําคัญของแผนงานประชาสัมพันธ์
เป็นการกําหนดขอบเขตการทํางาน
ทําให้การดําเนินงานเป็นไปอย่างมีทิศทาง
ทําให้มีการตระเตรียมทรัพยากรที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบ
เป็นเครื่องมือสร้างความเข้าใจให้กับผู้บริหาร
เป็นปัจจัยสําคัญต่อความสําเร็จของแผนงานหรือโครงการ
เป็นเครื่องมือในการดําเนินงานของฝ่ายบริหารเพื่อให้การ
ดําเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
แนวทางการวางแผนงานประชาสัมพันธ์
2.1.การบริหารงานโดยวัตถุประสงค์ (Management by Objective: MBO)
วัตถุประสงค์ขององค์กร วัตถุประสงค์การประชาสัมพันธ์/การสื่อสารขององค์กรคืออะไร
ผู้รับสารหรือกลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มผู้รับสารหรือกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องเป็นใคร กลุ่มนั้นมีลักษณะอย่างไร
กลุ่มใดควรเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก
วัตถุประสงค์ของผู้รับสาร: ผู้รับสารต้องการรู็อะไร
ช่องทางการสื่อสาร: ช่องทางใดบ้างที่เหมาะสมในการเข้าถึงผู้รับสาร
วัตถุประสงค็ของสื่อ: ประเด็นที่สื่อมวลชนต้องการนําเสนอ
แหล่งข้อมูลและคําถาม: แหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิสําหรับใช้เป็นแหล่งอ่างอิงของสารคือแหล่งใด
กลยุทธ์การสื่อสาร: ปัจจัย/สภาพแวดล้อมใดบ้างที่ส่งผลต่อการเผยแพร่ข่าวสารและการยอมรับข่าวสาร
ความสําคัญของสาร: ต้องการให้สารที่สื่อไปนั้นส่งผลกระทบต้อผู้รับสารอย่างไร
การใช้อวัจนภาษาเพื่อสนับสนุนการสื่อสาร เช่น รูปภาพ แผนภูมิ อินโฟกราฟิก
2.2.แบบจําลองการวางแผนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Planning Model)
เป็นการตั้งคำถามเพื่อช่วยให้วิเคราะสถานการณ์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการวางแผนให้สอดคลล้องกับวัตถุประสงค์โดยรวมขององค์กร นิยมใช้กันมากในการวางแผนการประชาสัมพันธ์ของภาคธุระกิจ
องค์ประกอบของแผนงานประชาสัมพันธ์
กลยุทธ์: แนวคิดหลักสําหรับโครงการประชาสัมพันธ์โดยรวม เช่น กลยุทธ์การสื่อสาร กลยุทธ์การโน้มน้าวใจ
กลวิธี: กําหนดกิจกรรมหรือเครื่องมือเพื่อนําใจความสําคัญที่ต้องการสื่อสารให้เข้าถึงกลุ่มผู้รับสาร
ใจความสําคัญ: กําหนดแก่น (Theme) และใจความสําคัญของสารหรือข้อความหลัก (Key Message)
ตารางปฏิบัติงานหรือปฏิทินการดําเนินงาน: แผนภูมิแกนทท์(Gantt Chart)
ผู้รับสาร: ระบุผู้รับสารเป้าหมายให้ชัดเจน
งบประมาณ: แผนการใช้จ่ายควบคุมค่าใช้จ่ายเมื่อนําแผนไปปฏิบัติ
วัตถุประสงค์: วัตถุประสงค์ด้านข้อมูลข่าวสาร/วัตถุประสงค์ด้านการจูงใจ ต้องชัดเจน ทําได้จริง วัดผลได้
การประเมินผล: วิธีการตรวจสอบว่าแผนงานประชาสัมพันธ์บรรลุวัตถุประสงค์ที่กําหนดไว้หรือไม่
สถานการณ์ปัจจุบัน: สภาพปัญหาที่เกิดขึ้น
ลักษณะของแผนงานประชาสัมพันธ์ที่ดี
ควรมาจากฐานคิดที่เป็นระบบระเบียบและเป็นเหตุเป็นผล
มีความสอดคล้องสัมพันธ์กับนโยบายและวัตถุประสงค์ขององค์กร
มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
มีการระบุระยะเวลาที่แน่นอนในการดําเนินงาน
กําหนดกิจกรรมให้ชัดเจนและสามารถนําไปปฏิบัติได้จริง
มีการกําหนดงบประมาณที่เหมาะสม
มีการกําหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน
ควรมาจากความร่วมมือของบุคลากรหลายฝ่าย
มีการตั้งวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ไม่ควรกําหนดวัตถุประสงค์หลายข้อมากจนเกินไป
สามารถประเมินผลได้เพื่อวัดผลสําเร็จของแผน
การปฏิบัติและการสื่อสาร
การออกแบบสารประชาสัมพันธ์
มีความสําคัญ
จดจําง่าย
เหมาะสมตรงประเด็น
เข้าใจได้ทันที
มีความน่าเชื่อถือ
หลักการปฏิบัติและการสื่อสารตามแผนงานประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบของ 7Cs
Content เนื้อหาสาระ
Clarity ความชัดเจน
Capability of the Audience ขีดความสามารถของผู้รับสาร
Continuity and Consistency ความต่อเนื่องและสม่ําเสมอ
Context ความเหมาะสมกลมกลืนกับบริบทแวดล้อม
Channels ช่องทางการสื่อสาร
Credibility ความน่าเชื่อถือ
การประเมินผล
ความสําคัญของการประเมินผล
ช่วยในการตรวจสอบผลสําเร็จของแผนงานประชาสัมพันธ์ว่าบรรลุ
เป้าหมายและวัตถุประสงค์หรือไม่
ช่วยให้ได้ข้อมูลย้อนกลับทั้งอันจะเป็นข้อแนะนําในการปรับปรุงแก้ไขแผน
และเป็นข้อมูลพื้นฐานในครั้งต่อไป
ช่วยในการตรวจสอบผลสําเร็จของแผนงานประชาสัมพันธ์ว่าบรรลุ
เป้าหมายและวัตถุประสงค์หรือไม่
ตรวจสอบผลของการประชาสัมพันธ์ว่าส่งผลกระทบต่อกลุ่มเป้าหมายใน
ระดับใด อย่างไรบ้าง
ประเภทของการประเมินผล
การประเมินความก้าวหน้า เป็นการประเมินผลในช่วงก่อนหรือระหว่างการปฏิบัติหรือการสื่อสารเพื่อให้ได้
ข้อมูลนําไปปรับปรุงแผนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหรือเมื่อพบปัญหาในการดําเนินงานก็จะสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที
การประเมินผลสรุปของงาน เป็นการประเมินคุณค่าของแผนงานหรือโครงการทั้งหมดเมื่อได้ดํเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ผลการประเมินทําให้นักประชาสัมพันธ์ได้ทราบผลสําเร็จของแผนงานว่าบรรลวัตถุประสงค์หรือไม่เพื่อนําไปเป็นแนวทางในการวางแผนครั้งต่อไป
เทคนิคการประเมินผล
การประเมินระดับพื้นฐาน
เป็นการวัดผลผลิตขั้นต้น (Outputs) เช่น จํานวนสื่อที่ผลิตขึ้น จํานวนข่าวที่
ได้รับการเผยแพร่ จํานวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม
การประเมินระดับสูง
เป็นการวัดผลลัพธ์ (Outcomes) เป็นการวัดความเปลี่ยนแปลงด้านความคิดเห็น
ทัศนคติ และพฤติกรรม
การประเมินระดับกลาง
เป็นการวัดผลผลิตขั้นกลาง (Outgrowth) มุ่งวัดการเปิดรับสาร การตระหนักรู้
ความเข้าใจ การจดจําสารของผู้รับสาร
กระบวนการโฆษณา
การรวบรวมข้อมูล การรวบรวมข้อมูล (Immersion) เป็นการรวบรวมข้อมูลโดยอาศัยการวิจัย เช่น ข้อมูลด้านผลิตภัณฑ์ ข้อมูลด้านผู้บริโภค ข้อมูลด้านการตลาด โดยทำการวิจัยดังนี้
1.1 การวิจัยผลิตภัณฑ์และบริการ (ProductResearch) ในการโฆษณานั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่นักโฆษณาจะต้องทราบรายละเอียดทั้งหมดของ ตัวสินค้าและบริการในเชิงเปรียบเทียบกับสินค้าคู่แข่งเช่น คุณลักษณะเฉพาะของสินค้า ขนาดบรรจุ ตราสินค้าหรือเครื่องหมายการค้า ราคา การนำไปใช้และจินตภาพของสินค้า
1.2 การวิจัยผู้บริโภค (Consumer Research) เพื่อให้มีความเข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิดและสามารถตอบสนองความต้องการของ กลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายหลักเช่นเพศ อายุ การศึกษา อาชีพ รายได้ ภูมิลำเนา ขนาดครอบครัวลักษณะทางจิตวิทยา ความต้องการ แรงจูงใจ บุคลิกภาพ การรับรู้ เจตคติและวัฒนธรรม
1.3 การวิจัยตลาด (Market Research)เพื่อให้ทราบถึงสภาพตลาดของคู่แข่งขันเช่น สภาวะของการแข่งขัน การวางตำแหน่งของสินค้า ระบบการจัดจำหน่าย ส่วนประกอบตลาดแนวโน้มของตลาด การเปลี่ยนแปลงของตลาด กิจกรรมส่งเสริมการตลาด งบประมาณโฆษณาและระยะเวลา ของแผนรณรงค์ทางการโฆษณา
การแยกแยะข้อมูลการแยกแยะข้อมูล (Digestion)
เป็นการนำข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลในขั้นที่หนึ่งมาแยกประเภทและ วิเคราะห์ประเด็นสำคัญการวิเคราะห์ข้อมูลด้านสินค้าและบริการ ทั้งในทางบวกและทางลบ นอกจากนี้ยังต้องเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันด้วยทางด้านกลุ่มผู้บริโภค เป้าหมายต้องศึกษาวิเคราะห์ถึงพฤติกรรมการตัดสินใจ ซื้อและสิ่งจูงใจต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อส่วนทางด้านตลาดก็จะวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ของตลาดสินค้าชนิดนั้นๆ ว่ามีแนวโน้มการขยายตัวหรือมีปัญหาอุปสรรคอย่างไรยิ่งได้ข้อมูลมากเท่าใดก็สามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจวางแผนกลยุทธ์ได้เป็น อย่างดี
3.การใช้ความคิดการใช้ความคิด (Incubation) โดยคำนึงถึงข้อมูลที่ได้ เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลเป็นแนวคิดในการโฆษณา ผู้โฆษณาต้องวางยุทธวิธีแผนรณรงค์โฆษณา(Advertising Campaignซึ่งประกอบด้วย 3 แผนคือ แผนงานตลาด แผนงานสร้างสรรค์และแผนงานซื้อสื่อโฆษณา โดยมีการกำหนดหลักกว้างๆ ไว้ว่าต้องทำกิจกรรมอะไรบ้าง เพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมายที่วางไว้
การสร้างความคิดให้กระจ่าง (Illumination)
เป็นขั้นของการเกิดความคิดที่สำคัญในการโฆษณา รายละเอียดต่างๆ
ที่วางไว้ในหลักการเช่น แผนงานตลาดจะมีการจัดสรรงบประมาณในการสร้างงาน ค่าสื่อโฆษณา ในด้านการสร้างสรรค์จะมีการสร้างเนื้อเรื่องตามแนวทางที่กำหนดไว้ ส่วนแผนงานซื้อสื่อโฆษณาจะกำหนดสื่อที่ใช้ เนื้อที่ ระยะเวลาการโฆษณาเพื่อให้ได้สื่อที่ดีเป็นเครี่องนำทางโฆษณาไปสู่ผู้บริโภค อย่างมีประสิทธิภาพ
5.การสร้างให้เป็นจริง
การสร้างให้เป็นจริง (Reality) หรือการพิสูจน์ว่าเป็นจริง (Verification) เป็นการใช้กลยุทธ์ (Strategy) และยุทธวิธี (Tactics) เพื่อให้ความคิดในงานโฆษณามีความสมเหตุสมผลและเป็นจริงขึ้นมา โดยทางบริษัทตัวแทนโฆษณาเริ่มปฏิบัติงานตามแผนที่ได้รับอนุมัติ ไม่ว่าจะเป็นงานทางด้านสิ่งพิมพ์ บทโฆษณาทางวิทยุกระจายเสียง การถ่ายทำภาพยนตร์หรืองานส่งเสริมการขายอย่างอื่น รวมทั้งการซื้อสื่อโฆษณา แล้วจึงนำเสนอคณะกรรมการบริษัท เจ้าของสินค้า เพื่อพิจารณา อีกครั้งก่อนการเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ