Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
วิเคราะห์ ภาพยนต์สั้น Abeautiful Mind ครั้งที่ 1 - Coggle Diagram
วิเคราะห์ ภาพยนต์สั้น Abeautiful Mind ครั้งที่ 1
ประวัติทั่วไป
ข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ป่วยเพศชาย ชื่อ นายจอห์น ฟอบส์ จูเนียร์ (Mr.John Forbes Nash)
อายุ 24 ปี เชื้อชาติอเมริกัน สัญชาติอเมริกัน
ประวัติครอบครัว
จอห์นเป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว
สถานะภาพ แต่งงานแล้ว มีภรรยา 1 คน ชื่อนางอลิเซีย
มีบุตรจำนวน 1 คน
ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว
ค่อนข้างที่จะเก็บตัวไม่ค่อยมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่น และไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง
มีความคิดที่จดจ่อ หมกกมุ่นกับ สมการ ตัวเลขทางคณิตศาสตร์และมีพฤติกรรมที่แปลก
ความสัมพันธ์กับภรรยาค่อนข้างที่จะมีปัญหาเพราะจอห์นไม่มีความรู้สึกทงเพศทำให้ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาได้
มีพฤติกรรมที่เกือบทำให้ภรรยาและลูกได้รับบาดเจ็บเนื่องจากเห็นภาพหลอน
พัฒนาการตามช่วงวัย
วัยเด็ก
มีปัญหาเกี่ยวกับการมีปฎิสัมพันธ์กับผูู้อื่น จอห์นบอกว่า "ผมไม่ค่อยชอบคนอื่น และคนอื่นก็คงไม่ชอบผมเหมือนกัน"
เป็นเด็กที่ฉลาดมากสามารถสอบชิงทุนเข้าเรียนที่ปรินซ์ตันได้
มี IQ ระดับอัจฉริยะแต่ EQ ระดับบกพร่องถึงขั้นผิดปกติ
เป็นคนที่ชอบเก็บตัว ไม่มีเพื่อน และ ไม่มีเพื่อนสนิท
วัยรุ่น
สนใจด้านคณิตศาสตร์ สมการ และตัวเลขมาก
จบปริญญาโทด้านคณิตศาสตร์ด้วยอายุ 20 ปี
เป็นคนที่ชอบเก็บตัวไม่มีเพื่อน และเพื่อนสนิท
วัยผู้ใหญ่ตอนต้น
มีความคิดหมกหมุ่น จดจ่อ และมีพฤติกรรมแปลกมากขึ้น
เรียนจบปริญญาเอก มีความโดดเด่นในด้านการเรียนระดับอัจฉริยะ
การณ์คาดการณ์โรคที่เกี่ยวข้อง
โรคจิตเภท (Schizaphenia)
โรคจิตเภท (Schizophrenia) คือ กลุ่มอาการของโรคที่มีความผิดปกติของความคิด
ทำให้ผู้ป่วยมีความคิดและการรับรู้ไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้มีผลเสียต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การดูแลตัวเอง การใช้ชีวิตในสังคม
ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะเริ่มเป็นเมื่ออายุประมาณ 14-16 ปี หรือช่วงปลายวัยรุ่น โรคนี้พบได้ ประมาณร้อยละ 1 ของประชากร
สาเหตุ
ด้านพันธุกรรม (Genetic factors)
ยิ่งมีความใกล้ชิดทางสายเลือดกับผู้ป่วยมากยิ่งมีโอกาสสูง จากความผิดปกติของสมอง โดยสารเคมีในสมองมีความผิดปกติและจากโครงสร้าง ของสมองบางส่วนที่มีความผิดปกติเล็กน้อย
ด้านจิตใจ (Psychological factors)
จากความเครียดในชีวิตประจำวัน เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความเจ็บป่วย การใช้อารมณ์กับผู้ป่วย การตำหนิ มีท่าทีที่ไม่เป็นมิตรหรือจู้จี้ยุ่งเกี่ยวกับผู้ป่วยมากไปก็มีผลต่อการกำเริบของโรคได้
ด้านชีวเคมีในสมอง (ฺBiological factors)
เกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมองมีปริมาณ Dopamine ที่ synapse ในสมองมากเกินไป มีจำนวน Post synaptic recepter มากเกินไป
ด้านสังคมและวัฒนธรรม (Sociocultural factors)
สิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี เศรษฐกิจที่ตกต่ำหรือล้มเหลวอาจทำให้เกิดความเครียดและกระตุ้นให้เกิดโรคจิตเภทได้
สาเหตุกระตุ้นอื่นๆ
เช่น ความเครียดอย่างรุนแรง การใช้สารเสพติด
ด้านครอบครัว
การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม ขาดความรักความอบอุ่น และมีการสื่อสารไม่เหมาะสมในครอบครัว
อาการและอาการแสดง
อาการด้านบวก (positive symptoms)
อาการหลงผิด(delusion) มีความเชื่อที่ผิดๆในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ไม่เป็นความจริงไม่ามารถเปลี่ยนความคิดของผู้ป่วยได้
1.Delusion of persecution คิดว่าผู้อื่นจะมาปองร้าย
2.Delusion of reference คิดว่าผู้อื่นนินทาว่าร้ายตนเอง
3.Delusion of begin controlled คิดว่าการกระทำของตนถูกควบคุมโดยอำนาจภายนอก
4.Delusion of somstic คิดว่าตนเองเจ็บป่วยทางกาย
5.Delusion of grandeur คิดว่าตนเองเป็นใหญ่
6.Delusion of nihilistic คิดว่าส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายขาดหายไป
อาการประสาทหลอน ( hallucination)
5.tactile hallucination มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาไต่ตามตัว หรือรู้สึกแปลกๆตามผิวหนัง
4.gustatory hallucination รู้สึกว่าลิ้นได้รับรสแปลกๆ เช่น รสโลหะ
3.olfactory hallucination ได้กลิ่นแปลกๆ เช่น กลิ่นไหม้
2.visual hallucination มีภาพหลอนโดยอาจเห็นเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรืออย่างอื่น
1.auditory hallucination มีหูแว่วได้ยินเสียงจากภายนอก อาจเป็นเสียงรูปแบบต่างๆหรือเสียงคนคุยกัน
การพูดแบบไม่มีระเบียบแบบแผน (disorganized speech)
พฤติกรรมแบบไม่มีระเบียบแบบแผน (disorganized behavior)
พฤติกรรมเคลื่อนไหวผิดแปลกไปจากปกติ(catatonic behavior)
อาการด้านลบ (negative symptoms)
อารมณ์ทื่อ (blunted affect) และเฉยเมย ไม่ยินดียินร้าย (anehedonia)
ความคิดอ่านและการพูดลดลง ไม่พูดหรือพูดน้อย (alogia) บกพร่องทางเชาวน์ความคิด (Cognitive deficit)
ขาดความสนใจในการเข้าสังคมและกิจกรรมที่เคยสนใจ ไม่มีสัมพันธภาพกับใคร (lack of socialization)
ไม่ดูแลสุขภาพอนามัยส่วนตัว
สาเหตุ
การวินิจฉัยแยกโรค
มีอาการต่อไปนี้ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไปนาน 1 เดือนละต้องมีอย่างน้อย 1 อาการใน 1 ข้อ 1,2หรือ 3
disorganized speech
4.grossly disorganized or catatonic
behavior
hallucinations
negative symptoms
delusions
การรักษา
ก. การรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาลจะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาลในกรณีต่อไปนี้
1.มีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่นหรือก่อให้เกิดความเดือร้อนและรำคาญต่อผู้อื่น
2.มีปัญหาอื่นๆที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เช่น มีอาการข้างเคียงจากยารุนแรง
3.เพื่อควบคุมเรื่องยาในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ยอมรับประทานยา
4.มีปัญหาในการวินิจฉัย
ข. การรักษาด้วยยา
การรักษานั้นอาจแบ่งออกได้เป็น 2 ช่วง
1.ระยะควบคุมอาการ
เป้าหมายของการรักษาในระยะนี้ คือ การควบคุมอาการให้สงบลงโดยเร็ว
ยา Chlorpromazine 300-500 mg/day
ยา Haloperidol 6-10 mg/day
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการวุ่นวายมากอาจให้ยา Benzodiazepine ขนาดสูงร่วมไปด้วย หากหลังจาก 2 สัปกาห์แล้วอาการโรคจิตไม่ดีขึ้นจึงพิจารณาเพิ่มขนาดยา
2.ระยะให้ยาต่อเนื่อง
หลังจากที่อาการสงบแล้ว ผู้ป่วยยังจำเป็นต้องได้รับยาต่อเนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้กลับมามีอาการกำเริบซ้ำ
ขนาดยาที่ใช้โดยเฉลี่ยประมาณ 100-300 mg ของ Chlorpromazine ต่อวัน ในผู้ป่วยที่ไม่ยอมรับประทายาอาจใช้ยาฉีดประเภท long acting
ค. การรักษาด้วยไฟฟ้า (electroconvulsive therapy)
การรักษาด้วยไฟฟ้าในผู้ป่วยโรคจิตเภทนั้นผลไม่ดีเท่าการรักษาด้วยยา โดยทั่วไปจะใช้ในกรณีผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา โดยใช้ ECT ร่วมไปด้วย นอกจากนี้ยังอาจใช้ในผูัป่วยชนิด Catatonic หรือผู้ป่วยที่มี severe depression ร่วมด้วย
ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ใช้ ทั่วไปอยู่ในชาวงระหว่าง 70-30 โวลด์ เวลาที่ปล่อยกระแสไฟฟ้า 0.1-0.5 วินาที ทำประมาณ 30-40 วินาทีจึงจะมีผลต่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ
ข้อห้าม
1.โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial Disease)
2.Recent coronary Thrombosis
3.เนื้องอกที่สมอง (Brain Tumor)
4.ภาวะความดันโลหิตสูง (Severe Hypertension)
5.Late Stage of pregnancy
6.เส้นเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจโป่งพอง (Aneurysm)
7.โรคปิดทางเดินหายใจอุดกั้น
8.โรคกระดูกผุ (Bone Disease)
9.โรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาดได้
10.ร่างกายไม่แข็งแรง เนื่องจาก Acute Infection ทำให้เพิ่มความดันในสมองทำให้ Blood Brain Barrier เปลี่ยนแปลงไป
ง. การรักษาด้านจติสังคม
1.จิตบำบัด (psychotherapy) ใช้วิธีการของจิตบำบัดชนิดประคับประคอง
2.การให้คำแนะนำแก่ครอบครัว (family counseling or psychoeducation) การทำครอบครัวบำบัดหรือให้ความรู้ในเรื่องโรครวมทั้งสิ่งที่ญาติควรปฏิบัติต่อผู้ป่วย จะช่วยได้เป็นอย่างยิ่ง
3.กลุ่มบำบัด (group therapy) เป็นกิจกรรมกลุ่มระหว่างผู้ป่วย โดยส่งเสริมให้เกิดความรู้สึกว่ามีเพื่อน มีคนเข้าใจ ไม่โดดเดี่ยว มีการช่วยเหลือแก้ไขปัญหา เน้นการสนับสนุนให้กำลังใจ
4.นิเวศน์บำบัด (milieu therapy) เป็นการจัดสภาพแวดล้อมในโรงพยาบาลเพื่อช่วยส่งเสริมขบวนการรักษา
อาการและอาการแสดงที่บ่งชี้ว่าจอห์นมีอาการป่วยทางจิตเวช
อาการหลงผิด (Delusion)
จอห์นคิดว่าตนเองเป็นสายลับ
คิดว่าจิตแพทย์ที่รักษาตนเป็นสายลับรัสเซีย
1.Delusion of persecution คิดว่าผู้อื่นจะมาปองร้าย จอห์นคิดว่ามีคนตามมาทำร้ายตนเอง ภรรยาและลูก
อาการประสาทหลอน (Visual Hallucination)
เห็นภาพหลอน (Visual Hallucination)
มองเห็นจิตแพทย์เป็นสายรับรัสเซีย
มองเห็นเพื่อนคือชาวน์อยู่ในทุกช่วงเวลา และมองเห็นหลานสาวของชาวน์ด้วย
มองเห็นคนที่จะมาทำร้ายตนเอง ภรรยาและลูก
อาการหูแว่ว (Auditory Hallucination)
ได้ยินเสียงคนสั่งให้ทำ
มีอาการหวาดระแวง (Paranoid)
คิดว่าตนเองถูกสะกดรอยตามอยู่ตลอดเวลา
คิดว่ามีคนจะมาทำร้ายตนเอง
มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
มองซ้าย มองขวาตลอดเวลา มองด้วยแววตาหวาดระแวง
เดินหลังค่อม ไม่สบตาใคร
กระสับกระส่าย อยู่ไม่นิ่ง เดินไปมา
มีการพยายามโต้ตอบกับใครบางคน
ไม่นใจในการดูแลตนเอง
ไม่ชอบเข้าสังคม
ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว
ไม่มีเพื่อน หรือ เพื่อนสนิท
ไม่ชอบทำกิจกรรมรวมกับผู้อื่น
ควบคุมตนเองไม่ได้
มีการทำร้ายตนเอง
ทำร้ายคนรอบข้าง ได้แก่ ภรรยา ลูก เพื่อนร่วมงาน จิตแพทย์ที่ดูแล
จอห์นควรได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล เหตุผลมีดังนี้
2.มีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตนเอง ภรรยาและลูก เนื่อจากเห็นภาพหลอนคิดว่าจะมีคนมาทำร้ายภรรยาและลูก
3.มีอาการข้างเคียงจากยา ซึม ไม่มีความต้องการทางเพศ
1.ไม่ยอมรับประทานยาโดยเอายาแอบไว้ในกล่อง