Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การเปลี่ยนแปลงทางด้านสรีรวิทยาและจิตสังคมในมารดาหลังคลอด - Coggle Diagram
การเปลี่ยนแปลงทางด้านสรีรวิทยาและจิตสังคมในมารดาหลังคลอด
1.การเปลี่ยนแปลงสรีรวิทยาของมารดาหลังคลอด
1.ระบบอวัยวะสืบพันธุ์
1.มดลูก
1.1 การกลับคืนเข้าสู่สภาพเดิมของมดลูก (uterine involution หรือเรียกว่ามดลูกเข้าอู่)
1.2 ขนาดและน้ำหนักของมดลูก ทันทีหลังรกคลอดมดลูกจะมีขนาดเท่าผลส้ม หรือประมาณอายุครรภ์ 16 สัปดาห์
1.3 การลดระดับของมดลูก
1.4 เยื่อบุโพรงมดลูกชั้นนอกจะสลายตัวและหลุดลอกออกมาเป็นส่วนของน้ำคาวปลา (lochia)
1.5 น้ำคาวปลา คือ สิ่งที่ถูกขับออกจากแผลภายในโพรงมดลูก มีลักษณะเป็นเลือดปนน้ำเหลือง มีกลิ่นเฉพาะคล้ายเลือดประจำเดือน
1.6 อาการปวดมดลูก (after pains or afterbirth pains) เป็นอาการปกติเกิดจากการหดรัดตัวและ คลายตัวของมดลูกสลับกัน จากอิทธิพลของ Oxytocin
2. ปากมดลูก หลังคลอดทันที ปากมดลูกจะ นุ่ม บวม บางช้ำ มีรอยถลอกหรือรอย ฉีกขาดเล็กน้อย
3. ช่องคลอดและฝีเย็บ
ช่องคลอด ทันทีหลังคลอดจะมีลักษณะ นุ่มบวม ช้ำ
ฝีเย็บ (Perineum) หลังคลอด ฝีเย็บจะร้อน แดง จากเลือดคั่งและบวม
4.เต้านม มารดามีเต้านมขยายใหญ่ขึ้นและมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และมีอาการเจ็บและคัดตึงเต้านม
2.ระบบหัวใจและหลอดเลือด
1. ปริมาณเลือด (blood volume) ภายใน 2 สัปดาห์หลังคลอด เลือดส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นจากการตั้งครรภ์
จะถูกขับออกทางร่างกาย
2. ปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจ (Cardiac output) หลังคลอด Cardiac output จะเพิ่มสูงขึ้นชั่วคราว
3. Plasma volume หลังคลอดจะลดลง
**4. สัญญาณชีพ ภายหลังคลอดจะมีการเปลี่ยนแปลงดังนี้
ชีพจร ในช่วงแรกอัตราการเต้นของชีพจร อาจช้าเล็กน้อย
การหายใจ อาจช้าลงเล็กน้อยจากการลดขนาดของมดลูก
ความดันโลหิต อาจสูงขึ้นหรือลดลงได้เล็กน้อย
อุณหภูมิร่างกาย ภายใน 24 ชั่วโมงแรกอุณหภูมิอาจสูงเล็กน้อยแต่ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส**
5. ส่วนประกอบของเลือด (blood constituents)
5.1 ฮีมาโตคริทและฮีโมโกลบิน ค่าฮีมาโตคริทจะลดลงประมาณ 4 %
5.2 เม็ดเลือดขาว หลังคลอดพบว่าจำนวนเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้น เนื่องจากร่างกายสร้างกลไกเพื่อป้องกันการติดเชื้อและช่วยในการส่งเสริมการหายของแผล
5.3 องค์ประกอบในการแข็งตัวของเลือด
3.ระบบทางเดินอาหาร
1. ความอยากอาหาร หลังคลอดระบบทางเดินอาหารจะกลับเข้าสู่สภาพเกือบปกติเหมือนเดิมทุกประการ
2. อาการท้องผูก มักเกิดจากการเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง เพราะผลของ Progesterone ยังคงอย
3. น้ำหนัก ทันทีหลังคลอด มารดาน้ำหนักจะลด 4.5-5.5 กิโลกรัม
4.ระบบทางเดินปัสสาวะ
1. การท้างานของไต ในระยะแรกหลังคลอด การทำงานของไตลดลงอาจเกิดจากการลดลงของ steroid hormome
2. ส่วนประกอบของน้ำปัสสาวะ ภาวะ gluclosuria ที่เกิดในระยะตั้งครรภ์หายไป แต่ระยะแรกหลังคลอดอาจพบ
lactosuria ได้
3. การขับน้ำออกทางเหงื่อและปัสสาวะในระยะหลังคลอด มารดาหลังคลอดขับถ่ายปัสสาวะประมาณ 2,000-3,000 มิลลิตร/วัน
5.ระบบต่อมไร้ท่อ
Prolactin และ Oxytocin จะเพิ่มขึ้นในมารดา ที่เลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา และจะคงอยู่ในระดับสูงนาน 6-12 เดือน
6.ระบบภูมิคุ้มกัน
ผลเลือด มารดาที่มีผลเลือด Rh-negative และคลอดบุตรที่มี Rh positive มารดาควรได้รับ Rhimmune globulin ภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
ภาวะเลือดแม่และลูกไม่เข้ากัน
7.ระบบประสาท
อาการบวมและเจ็บตามข้อนิ้วมือ ข้อมือ
อาการชา ไม่มีแรงที่บริเวณฝ่ามือ จะลดลงและหายไปภายหลังคลอด
8.ระบบกล้ามเนื้อและโครงกระดูก
1. กล้ามเนื้อ ช่วง 1-2 วันแรก หญิงระยะหลัง คลอดมีอาการเมื่อยและปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณแขน ขา ไหล่และคอ ทั้งนี้เพราะต้องออกแรงเบ่งขณะคลอดและหลังคลอด
2. โครงกระดูก หญิงระยะหลังคลอดยังคงเจ็บปวดบริเวณตะโพกและข้อต่อซึ่งจะขัดขวางการเริ่มเคลื่อนไหว (ambulation) และการบริหาร อาการปวดดังกล่าวจะเป็นชั่วคราวเท่านั้น
2. การเปลี่ยนแปลงทางจิตสังคม
ของมารดาหลังคลอด
พัฒนกิจในระยะหลังคลอด
1. การยอมรับบุตรของตน
2. มารดาจะต้องคิดว่าบุตรเป็นบุคคลอีกบุคคลหนึ่งซึ่งแยกจากตนเอง และเป็นบุคคลที่ต้องการความพึ่งพา
และดูจากมารดาอย่างสูง
3. มารดาจะต้องให้การดูแลบุตร ทั้งในด้านการให้อาหาร การดูแลความสะอาด การขับถ่าย การอุ้มชูกอด
รัดให้ความอบอุ่น
4. มารดาจะต้องพิจารณาการดูแลบุตรของตนเองว่าประสบความสำเร็จหรือไม่
5. มารดาจะต้องช่วยให้ครอบครัวยอมรับสมาชิกใหม่
6. มารดาต้องสร้างสัมพันธภาพกับสามี
พฤติกรรมของมารดาหลังคลอดและ
ได้สรุปพฤติกรรมออกเป็น 3 ระยะ
ระยะที่ 1 ระยะที่ต้องพึ่งพาผู้อื่น ( Dependent phase ) หรือ
ระยะเท็คกิ้งอิน (Taking in phase)
ระยะนี้เกิดขึ้นในช่วง 1-2 วันแรกหลังคลอด มีความรู้สึกต้องการ พึ่งพาผู้อื่นมากที่สุด
ระยะที่ 2 ระยะที่ต้องการพึ่งพาและเป็นอิสระ (Dependent-independent phase) หรือระยะเท็คกิ้งโฮล (Taking hold phase) จะเกิดขึ้นในช่วง 3-10 วันหลังคลอด ร่างกายกลับสู่สภาพแข็งแรงและรู้สึกมีพลังเพียงพอ มารดาจะต้องการทำหน้าที่ในบทบาทมารดา กระตือรือร้นในการที่จะเรียนรู้และฝึกทักษะการดูบุตร
ระยะที่ 3 ระยะพึ่งพากันและกัน (Interdependent phase) หรือระยะเล็ตติ้งโก (Ietting go phase) มารดาจะพร้อมสำหรับการรับบทบาทใหม่และละทิ้งภาพของบุตรที่เคยนึกฝันเมื่อตั้งครรภ์มาสู่สภาพของบุตรตามที่เป็นจริง มารดาจะมีปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว มีการพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างระบบครอบครัว
บทบาทการเป็นบิดา
1.บทบาทเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทางด้านร่างกายของบุตร
1.1 การดูแลให้บุตรได้รับสารอาหารต่างๆ อย่างเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย 1.2 การดูแลบุตรให้ได้รับความสุขสบาย
1.3 การดูแลขณะที่บุตรมมีอาการไม่สุขสบายหรือเจ็บป่วยเล็กน้อย
2. บทบาทเกี่ยวกับการส่งเสริมพัฒนาการของบุตร การที่บุตรจะเจริญเติบโตและมีการพัฒนาการที่ดีทั้งด้าน
ร่างกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคม
3. บทบาทเกี่ยวกับการปกป้องคุ้มครองอันตรายแก่บุตร ส่งเสริมให้บุตรได้มีการสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยพาบุตรไปรับวัคซีนตามกำหนดเวลาหรือสนับสนุนให้มารดาพาบุตรไปรับวัคซีน