Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 7 การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาสุขภาพระบบประสาท กล้ามเนื้อและกระดูก…
บทที่ 7 การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีปัญหาสุขภาพระบบประสาท กล้ามเนื้อและกระดูก
7.2 การพยาบาลเด็ที่มีภาวะความดัน
ในช่องกะโหลกศีรษะสูง
ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะ
การพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง
Hypothermia เป็นการทำให้อุณหภูมิร่างกาย
อยู่ระหว่าง 32-33 องศาเซลเซียส
ให้ผู้ป่วยได้รับยา Acetazolamine (diamox) ตามแผนการรักษา
จำกัดน้ำโดยอาศัยหลักว่าถ้าน้ำภายในเซลล์ลดลง
แล้วความดันภายในสมองก็จะลดตามไปด้วย
ผู้ป่วยที่ทำ Ventriculostomy เพื่อระบายน้ำไขสันหลัง
เพิ่มอัตราการหายใจให้มากกว่าปกติ (Hyperventilation)
ให้ bag-mask ventilation 100% O2
ผู้ป่วยโรคสมองบวมน้ำ (Hydrocephalus) ก่อนผ่าตัดต้อง
เฝ้าระวังภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง
หลังได้รับการผ่าตัด ใส่ท่อระบายน้ำไขสันหลังลงสู่ช่องท้อง
(Ventriculo peritoneal shunt)
ประเมินสัญญาณชีพและการเปลี่ยนแปลง
ทางระบบประสาททุก 1-2 ชั่วโมง ภาวะที่อยู่ในขั้นวิกฤตคือ
จะมีอาการปวดศีรษะ อาเจียน ตาพร่ามัว
จัดท่านอนให้ศีรษะสูง 15-30 องศา
การพยาบาลเพื่อป้องกันภาวะ CO2 คั่ง
โดยการส่งเสริมให้มีการระบายอากาศเพียงพอ
ปกติแล้วความดันโดยเฉลี่ยจะประมาณ 100-160 มิลลิเมตร วัดได้จากการเจาะตรวจดูน้ำไขสันหลังถ้าความดันของน้ำไขสันหลังที่เจาะได้สูงเกินกว่า 200 มิลลิเมตรน้ำ บ่งชี้ว่ามีความดันในกะโหลกศีรษะสูง
7.3 การพยาบาลเด็กที่มีการติดเชื้อในระบบสมอง (Intracranial infection)
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ(Meningitis)
เป็นการติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง (Meningitis)
อาการสำคัญ คือ ไข้ ปวดศีรษะ คอแข็ง ตาไม่สู้แสง
คลื่นไส้อาเจียนและมีอาการ
แสดงของการระคายเคืองเยื่อหุ้มสมอง
สาเหตุ
ปฏิกิริยาที่ไม่ใช่การติดเชื้อ (non-infection diseases)
5.1 เนื้องอก (Malignancy) เช่น primary medulloblastoma, metastatic leukemia
5.2 การบาดเจ็บ/กระทบกระเทือนของสมอง (trauma) เช่น subarachnoid bleeding, traumatic lumbar puncture
การผ่าตัดทางระบบประสาท
5.3 การได้รับสารพิษ จากตะกั่ว ปรอท
การติดเชื้อรา (fungal meningitis) เช่น Candida albicants, Cryptococcus neoformans
Eosinophilic meningitis เกิดจากพยาธิ เช่น ตัวจี๊ด จากการรับประทานอาหารสุกๆดิบๆ
Viral meningitis หรือ Aseptic meningitis
เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากไวรัส
1.Bacterial meningitis เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
ภาวะโรครุนแรงมากกว่า
1.1 Purulent meningitis เยื่อหุ้มสมองอักเสบชนิดเป็นหนอง
1.2 Tuberculosis meningitis เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อวัณโรค
เชื้อแบคทีเรียสามารถไปสู่ Subarachnoid Space
แล้วทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
การติดเชื้อลุกลามโดยตรง การติดเชื้อกระจายสู่
Subarachnoid Space โดยตรง
มีการอักเสบของเส้นโลหิตดำใหญ่ ๆ ในชั้นดูรา
ซึ่งเป็นการติดเชื้อที่เป็นผลจากการติดเชื้อในบริเวณหน้าจมูก
ได้รับเชื้อโดยตรงจากการเปื้อนของเชื้อ
เช่น มีการแตกหักของกะโหลกศีรษะ
การติดเชื้อผ่านทางกระแสโลหิตโดยที่มีแหล่งติดเชื้ออยู่ที่
ส่วนอื่นของร่างกายแล้วแบคทีเรียเข้าสู่กระแสโลหิต
อาการและอาการแสดง
อาการที่แสดงว่ามีการระคายเคืองของเยื่อหุ้มสมอง
(Meningeal Irritation) ผู้ป่วยจะปวดศีรษะมาก
และปวดที่บริเวณคอด้วย
3 อาการที่แสดงถึงภาวะแทรกซ้อนเช่นสมองบวมมีน้ำ
หรือหนองในช่องใต้เยื่อหุ้มสมอง มีฝีในสมอง
1 อาการที่แสดงว่ามีการติดเชื้อคือมีไข้สูงหนาวสั่นเบื่ออาหาร
ในเด็กเล็กๆ จะหงุดหงิดไม่ยอมดูดนม
การวินิจฉัย
ประวัติของผู้ป่วย โดยบิดามารดา
การตรวจห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
2.2 การตรวจน้ำไขสันหลัง เพื่อช่วยยืนยันการวินิจฉัยโรค
และหาเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรค
ผู้ป่วยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจะตรวจพบเม็ดเลือดขาวในน้ำไขสันหลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นมากกว่า 1000 เซลล์/mm3
4) โปรตีนในน้ำไขสันหลัง เด็กปกติจะตรวจพบโปรตีนในน้ำไขสันหลังไม่เกิน 40 mg/dl ตรวจพบโปรตีนในน้ำไขสันหลังสูงขึ้นร่วมกับมีเซลล์จำนวนมากขึ้นให้สงสัยว่าเกิดภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
2) ความดันน้ำไขสันหลังปกติในเด็กโตมีค่าประมาณ 110-150 มม/น้ำ ส่วนทารกแรกเกิดมีค่าประมาณ 100 มม./น้ำ ความดันน้ำไขสันหลังผู้ป่วยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจะมีค่าสูงมากกว่า 180 มม/น้ำ
5) น้ำตาลในน้ำไขสันหลังปกติควรมีค่าเกิน ½ ของน ้าตาลในเลือดถ้าตรวจพบน้ำตาลในน้ำไขสันหลังต่ำ แสดงถึงภาวะเยื่อหุ้มสมองติดเชื้อแบคทีเรีย
1)ลักษณะน้ำไขสันหลังปกติใสไม่มีสี แต่น้ำไขสันหลังของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ มีลักษณะขุ่นคล้ายน้ำซาวข้าว
2.3 การย้อมสีน้ำไขสันหลัง (gram stain) การนำน้ำไขสันหลังย้อมสีจะพบเชื้อแบคทีเรีย และการเพาะเชื้อจากน ้าไขสันหลังจะพบมีการติดเชื้อแบคทีเรียเกิดขึ้นเช่นกัน
2.1 การตรวจเลือด พบปริมาณเม็ดเลือดขาวมีจำนวนสูงขึ้น
และมีอีโฮซิโนฟิลสูง ผลการนำเลือดเพาะเชื้อจะพบเชื้อแบคทีเรีย
2.4 การตรวจคอมพิวเตอร์สมอง (CT scan) การตรวจคอมพิวเตอร์สมองเพื่อค้นหาต าแหน่งของการติดเชื้อและการลุกลามของโรค
การรักษา
การรักษาทั่วไปตามอาการและการรักษาแบบ
ประคับประคอง
2.2 ให้ยานอนหลับเพื่อลดอาการกระสับกระส่าย
2.3 ให้ยากันชักในผู้ป่วยที่มีอาการชักเกร็ง
2.1 ให้ยาลดไข้เมื่อมีไข้สูง
2.4 ให้ยาลดอาการบวมของสมองในผู้ป่วยที่มีอาการสมองบวม
2.5 ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เพื่อรักษาภาวะสมดุลของ
น้ำและอิเลคโตรไลท์
2.6 เจาะคอ หรือใช้เครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วยที่มีปัญหา
การหายใจ หรือภาวะหมดสต
การรักษาภาวะแทรกซ้อน
3.2 ฝีในสมอง (brain abscess)
การรักษาทำได้โดยการผ่าตัดและ/หรือให้ยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
3.3 ความดันในกะโหลกศีรษะสูง
3.1 ของเหลวคั่งในช่องใต้เยื่อหุ้มสมอง (subdural effusion)
3.4 การมองเห็นและการได้ยินผิดปกต
การรักษาเฉพาะ แพทย์จะให้ยาต้านจุลชีพหรือยาปฏิชีวนะ
การพยาบาล
ผู้ป่วยเด็กมีภาวะความดันสูงในกะโหลกศีรษะ
และเสี่ยงตอการเกิดอันตรายจากการชัก
ให้ยาปฏิชีวนะ ยาลดอาการบวมในสมอง ยาป้องกันและยาต้านการชักตามแผนการรักษาและสังเกตอาการขางเคียงจากการใช้ยา
ดูแลผู้ป่วยก่อนและหลังการผ่าตัดเกี่ยวกับทางสมอง
ดูในการพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มี ICP
และการพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีอาการชัก
อาจได้รับสารอาหารและน้ำไม่เพียงพอ
เนื่องจากอาการและพยาธิสภาพทางสมองและการได้รับยาขับน้ำ
ประเมินและบันทึก I/O
ติดตามผลการตรวจทางหองปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง
ประเมินน้ำหนักตัวและภาวะขาดน้ำ
ดูแลการได้รับน ้าและสารอาหาร เช่น IV,
gavage feeding, กระตุ้นให้ดูดนม
ไม่สุขสบายพักหลับได้น้อยเนื่องจากภาวะ ICP มีการระคายเคือง
จากการอักเสบของเยื่อหุ้มสมองหรือเนื้อเยื่อสมอง มีไข้ มีความเจ็บปวด
-ไข้สมองอักเสบ(Encephalitis)
การวินิจฉัยโรค
อาการและอาการแสดงดังที่กล่าวข้างต้น
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
3.3 การตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสมอง (MRI) เป็นการตรวจ
ที่ได้ผลรวดเร็ว อาจพบพยาธิสภาพ
3.4 การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG)
3.2 การตรวจน้ำไขสันหลัง
3.5 การตรวจวินิจฉัยแยกสาเหตุของเชื้อ
1) การตรวจหา JE specific IgM antibody ในเลือดและน้ำไขสันหลัง
2) การตรวจหาเชื้อโดยวิธี direct immunofluorescence ด้วย isothiocyanate labeled rabies immunoglobulin
3) ผลการตรวจน้ำไขสันหลังพบแอนติบอดีต่อ herpes simplex virus
3.1 การตรวจนับเม็ดเลือดขาวในเลือด ในช่วง 2-3 วันแรกเม็ดเลือดขาวสูง และนิวโตรฟิลขึ้นสูงต่อมาจะอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ประวัติจากผู้เลี้ยงดู ให้ข้อมูลว่าผู้ป่วยมีไข้สูง
ซึมคอแข็ง
อาการและอาการแสดง
ชัก มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ (Involuntary movement)
กระสับกระส่าย อารมณ์ผันแปร เพ้อคลั่ง อาละวาด
มีอาการทางจิต
ซึมลง จนกระทั่งถึงขั้นโคม่า ภายใน 24 –72 ชั่วโมง
การหายใจไม่สม่ำเสมอ อาจหยุดเป็นห้วง ๆ
ไข้ มักสูงได้มาก ๆ ปวดศีรษะ ปวดต้นคอ คอแข็ง
ภาวะแทรกซ้อน
ความจำเสื่อมและความคิดต่ำกว่าวัย พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง
มีความผิดปกติทางอารมณ
ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการของโรคไม่รุนแรงอาจหายเป็นปกติ
หรือมีความพิการของสมอง
ผู้ป่วยที่มีอาการของโรครุนแรงอาจเสียชีวิต
พยาธิสภาพ
เชื้อจะเพิ่มจำนวนในบริเวณที่เข้าไป แล้วผ่านเข้าสู่สมอง
บริเวณที่พบบ่อยThalamus และก้านสมอง (brain stem)
เป็นสาเหตุของโคม่าและการหายใจล้มเหลว
การรักษา
การให้ยา
2.1 ยาระงับชัก ผู้ป่วยที่มีอาการชักบ่อยหรือรุนแรง
2.2 ยาป้องกันและรักษาความสมองบวมตั้งแต่ระยะแรกๆ
ยาที่ลดอาการบวมของสมองได้แก่ สารละลายเข้มข้น
(hypertonic solution)
2.3 ยานอนหลับ เพื่อลดอาการกระสับส่ายอาการเพ้อคลั่ง
2.4 ยา acyclovir ทางหลอดเลือดดำ ในผู้ป่ วยที่ได้รับการวินิจฉัยโรคไข้สมองอักเสบจากเชื้อไวรัสเริม
2.6 ยาต้านจุลชีพหรือยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาภาวะแทรกซ้อน
2.5 ยาลดไข้ เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้เกิดผลเสียของต่อสมอง
รักษาสมดุลของปริมาณน้ำเข้า-ออกของร่างกาย โดยให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
ดูแลระบบหายใจของผู้ป่วยให้ปกติ และหายใจสม่ำเสมอ
เพื่อป้องกันสมองขาดออกซิเจน
การให้สารสารอาหารที่มีแคลอรีเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ถ้าผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวแพทย์อาจพิจารณาให้อาหารทางสายยางและ/หรือสารอาหารทางหลอดเลือดดำ
สาเหตุ
Primary viral encephalitis
การที่มีไวรัสเข้าไปสู่สมองแล้วทำให้เกิดการอักเสบขึ้น
1.2 ไวรัสเริม ทำให้เกิดโรคไข้สมองอักเสบได้ในทุกวัย
1.3 ไวรัสโรคพิษสุนัขบ้า
1.1 ไวรัสที่นำโดยแมลง โดยเฉพาะโรคไข้สมองอักเสบเจอี
Japanease B. Virus เป็นสาเหตุของกา
รติดเชื้อไวรัสในสมองที่พบบ่อยที่สุด
Secondary viral encephalitis เชื้อที่สำคัญในประเภทนี้ได้แก่ หัด หัดเยอรมัน อีสุกอีใส คางทูม รวมทั้งวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า
นางสาวยุพาวดี แพงบุบผา 621201148