Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
สูติศาสตรหัตถการ, image, image, image, image, image, อ้างอิง
ศิริวรรณ…
สูติศาสตรหัตถการ
การช่วยคลอดด้วยคีม ( Forceps Extraction or F/E) หมายถึง การคลอดที่ใช้เครื่องมือคือคีมช่วยหมุนและหรือดึงศีรษะทารกออกจาก ช่องคลอด เพื่อป้องกันการฉีกขาดหรือยืดขยายมากเกินไปของ pelvic fascia หรือป้องกันไม่ให้ศีรษะทารกถูกกดนานเกินไปจนเป็น อันตรายต่อสมอง หรือเพื่อลดความเครียดของผู้คลอด
ประเภทคีม
classical type เป็นคีมที่มี cephalic และ pelvic curve มีlock ชนิด English lock ซึ่งแบ่งตามลักษณะของ
shank
Simpson forceps เป็นคีมที่มี shank ขนานกัน (Parallel) มี Cephalic curve โค้งน้อย เหมาะสําหรับศีรษะทารก ที่มีลักษณะยาว ใช้ได้ดีกับทารกที่มี Molding มากๆ หรือมี caput succedaneum นิยมใช้กับ low หรือ outlet forceps นั่นคือ ระดับศีรษะทารกอยู่ต่ํากว่า Ischial spine
Ellliot forceps เป็นคีมที่มี shank ซ้อนกัน (overlapping) มี cephalic curve สั้นและโค้งมาก เหมาะกับศีรษะ ทารกที่มีลักษณะกลม คีมที่นิยมใช้ได้แก่ Elliot Forceps,Bailye- Wiliamson forceps, Tucker-Mclane forceps นิยมใช้ในทารกที่ อยู่ในท่า Occipito-position (OPP)
-
ชนิดของการทำคลอดด้วยคีม
-
-
-
Outlet forceps ขณะที่มองเห็น ศีรษะทารกลงมาถึง pelvic floor หรือมองเห็นศีรษะทารกที่ปากช่องคลอดโดยไม่ต้องแหวกช่องคลอด โดย Sagittal suture อยู่ใน แนว A-P diameter หรือเอียงไปด้านซ้ายหรือขวาได้ แต่ไม่เกิน 45 องศา
หน้าที่
Extraction เป็นจุดประสงค์หลักของการใช้คีม คือใช้คีบและดึงศีรษะทารกออกจากช่องทางคลอดแทนแรงเบ่งของมารดา
Rotation เป็นการใช้คีมจับศีรษะทารกและหมุนให้อยู่ในตําแหน่งที่เหมาะสมแล้วจึงดึงออกมาเช่นในกรณีocciput อยู่ ขวางหรืออยู่ด้านหลัง
Compression ใช้คีมดึงศีรษะทารกแต่ในขณะดึงจะมีแรงส่วนหนึ่งบีบศีรษะทารกด้วย บางกรณีใช้คีมเพื่อบีบ
ศีรษะทารก เช่น ทารกหัวบาตร (Hydrocephalus) ที่ตายแล้วให้เล็กลง
ข้อบ่งชี้
ด้านมารดา
-
ไม่มีการก้าวหน้าของการคลอดในระยะที่ 2 (Failure of progress in second stage of labor) โดยไม่มีการ
เปลี่ยนแปลงใดๆ ภายหลังที่ปากมดลูกเปิดหมดแล้ว
มารดาไม่ให้ความร่วมมือในการคลอด (Lack of cooperation of mother) เช่น ได้รับยาระงับปวด มากเกินไป ทําให้ไม่สามารถเบ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
-
-
-
-
ภาวะแทรกซ้อน
ด้านมารดา
การฉีกขาดของช่องทางคลอด ตั้งแต่ตัวมดลูก ปากมดลูก ช่องคลอด ฝีเย็บ อาจจะฉีดขาดเรื่อยมาจนถึงทวารหนัก
และ ถ้าไม่ได้รับการซ่อมแซมหรือซ่อมแซมไม่ถูกต้อง จะเกิด fistula ตามมาได้
การหย่อนของกล้ามเนื้อ เอ็นยึด จากการดึงคีมอย่างแรง และการเย็บซ่อมแซมไม่ถูกต้อง มีผลให้เกิดอันตรายต่อกล้ามเนื้อ pelvic floor ทำให้มดลูกหย่อน
-
อันตรายต่อกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ ทําให้ปัสสาวะไม่ออก มีปัสสาวะคั่งในกระเพาะปัสสาวะและเกิดการ
ติดเชื้อ กลั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือกระเพาะปัสสาวะหย่อน
-
-
-
ด้านทารก
อันตรายต่อกะโหลกศีรษะทารก อาจทําให้กะโหลกศีรษะแตก เลือดออกในชั้นเยื่อหุ้มกะโหลกศีรษะทารก
(cephalhematoma)
-
อันตรายต่อสมองทารก เช่น มีเลือดออกในสมอง (intracranial hemorrhage) เลือดออกใต้เยื่อบุตา
(subconjunctiva hemorrhage) ภาวะ cerebral palsy หรือสติปัญญาไม่ดี เป็นต้น
-
-
บาดเจ็บต่อผิวหนัง เช่นรอยช้ํา หรือแผลจากการทําคลอดด้วยคีม (forceps mask) ในรายที่คลอดยากหรือความ
ผิดพลาด ในการใช้คีม
การพยาบาล
-
ขณะทำคลอดด้วยคีม
-
ด้านจิตใจ โดยคอยให้กําลังใจแก่มารดาแนะนําให้มารดาใช้เทคนิคการหายใจเข้าออกช้าๆในขณะที่แพทย์ ใส่เครื่องมือเพื่อให้เกิดการผ่อนคลาย
-
-
-
-
หลังทำคลอดด้วยคีม
ประเมินสัญญาณชีพ โดยเฉพาะชีพจร,อัตราการหายใจ และความดันโลหิต ทุก 15 นาที 4 ครั้ง ทุก 30 นาที 2 ครั้ง และทุก 1 ชม. จนกว่าปกติ
-
-
-
-
-
การช่วยคลอดด้วยเครื่องสุญญากาศ (Vacuum Extraction ย่อ V/E )
สูติศาสตร์หัตถการที่ใช้ เครื่องดูดสุญญากาศในการเสริมแรงจากการหดรัดตัวของมดลูกในขณะเจ็บครรภ์ ร่วมกับแรงเบ่งของผู้คลอดดึงศีรษะทารกออกจากช่องคลอด โดยออกแรงดึงเฉพาะเวลาที่มดลูกหดรัดตัว เพื่อให้สามารถดําเนินการคลอดทางช่องคลอดได้อย่างปลอดภัยส่วนประกอบของเครื่องดูดสุญญากาศ
ข้อบ่งชี้
ด้านมารดา
-
-
มารดามีโรคที่ไม่ควรออกแรงเบ่งคลอดมาก หรือมีภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์บางอย่าง ได้แก่ ความดันโลหิตสูง โรคปอดและโรคหัวใจ
ด้านทารก
การหมุนของศีรษะทารกผิดปกติ เช่น Occiput posterior , Occiput transverse
-
-
-
ภาวะแทรกซ้อน
ด้านมารดา
การฉีกขาดของปากมดลูก ช่องทางคลอด แผลฝีเย็บโดยเฉพาะในรายที่ช่วยคลอดเมื่อปากมดลูกยังเปิดไม่หมดและมีบางส่วนของปากมดลูกถูกดูดเข้าไปอยู่ระหว่าง cup กับศีรษะทารก
-
-
ด้านทารก
มีก้อนเลือดใต้ชั้นเยื่อหุ้มกระดูกกะโหลกศีรษะ (cephalhematoma) โดยศีรษะอาจพบหลังคลอด 12 ชั่วโมง ก้อนจะค่อยๆ ใหญ่ขึ้นและคงอยู่ภายหลังคลอดนานสัปดาห์
-
-
-
-
-
การผ่าตัดคลอดทางหน้าท้อง (Cesarean section ย่อ C/S)
การผ่าตัดนำทารกออกผ่านผนังมดลูกและผนังหน้าท้อง โดยทารกต้องสามารถมีชีวิตรอดได้คือ GA มากกว่าหรือเท่ากับ 28 สัปดาห์ หรือ EFS มากกว่าหรือเท่ากับ 1,000 กรัม ไม่รวมการผ่าตัดนำทารกออกจากช่องท้องกรณีมดลูกแตกหรือตั้งครรภ์ในช่องท้อง
-
-
ข้อบ่งชี้
ด้านมารดา
การคลอดติดขัด เช่น CPD , มีก้อนเนื้องอกในอุ้งเชิงกราน การหดรัดตัวของมดลูกรุนแรงไม่สม่ำเสมอหรือหดรัดตัวน้อยที่แก้ไขไม่ได้ผล และปากมดลูกยังเปิดไม่หมด
-
เคยผ่าตัดที่ผนังมดลูกมาก่อน เช่น Previous cesarean section ,Myomectomy
มีประวัติอันตรายจากการคลอด เช่น คลอดยาก ทารกตายคลอด , G1 อายุ > 35 ปี
-
-
-
-
-
-
-
-
ทางด้านทารก
-
อยู่ในท่าผิดปกติที่ไม่สามารถคลอดเองได้ เช่น Transverse lie, Face presentation
-
-
-
ภาวะแทรกซ้อน
-
ต่อทารก
การบาดเจ็บ เช่น แผลถูกคมมีด, แขนหรือขาหักจากการทำคลอดทารกลำบาก
-
การพยาบาล
ก่อนผ่าตัด
อธิบายให้ทราบเหตุผล วิธีการผ่าตัด ภาวะแทรกซ้อน การรักษาและการพยาบาล การปฏิบัติตัว เช่น deep breathing exercise , effective cough , early ambulation
เจาะเลือดส่ง Lab. เช่น CBC , Bl. gr. & cross-match เตรียมเลือดอย่างน้อย 1 u และให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
-
-
ดูแลความสะอาด ให้ อาบน้ำ , สระผม, เปลี่ยนเสื้อผ้า ให้ถอดฟันปลอม (ถ้ามี)
-
-
-
-
-
-
เตรียมผ้าห่อตัวทารก ลูกสูบยางแดง กรรไกรตัดสายสะดือ เชือกหรือยางผูกสะดือ สําลีเช็ดสะดือ และเช็ดตาแอลกอฮอล์ และป้ายผูกข้อมือ ไปยังห้องผ่าตัด
ขณะผ่าตัด
-
-
-
-
-
ช่วยกุมารแพทย์ในการดูแลทารกแรกเกิด ดูแลทางเดินหายใจ ผูกสะดือ เช็ดตา ผูกป้ายข้อมือ ชั่งน้ําหนัก และให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายทารกก่อนนําไปทําความสะอาดและวัดส่วนต่างๆและป้ายตาต่อไป
-
หลังผ่าตัด
ประเมิน V/S ทุก 15 นาทีในชั่วโมงแรก ทุก 30 นาทีในชั่วโมงที่ 2 และทุก 1 ชม. จนปกติติดต่อกัน 2 ครั้ง จากนั้นประเมินทุก 4 ชั่วโมง
ประเมินระดับความรู้สึกตัว แผลผ่าตัด อาการปวดแผล การหดรัดตัวของมดลูก เลือดที่ออกทางช่องคลอด ความสมดุลของสารน้ำ อิเลคโตรไลท์ ปัสสาวะที่ออก และอาการไม่สุขสบายอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หนาวสั่น
-
จัดท่านอนหงายราบไม่หนุนหมอน ตะแคงศีรษะ จนกว่าจะรู้สึกตัวดี หรือกรณีได้รับยาระงับความรู้สึกแบบเฉพาะที่ จัดให้ นอนราบอย่างน้อย 12 ชั่วโมง
-
ดูแลความสุขสบายทั่วไปและการบรรเทาความเจ็บปวด เช่น การใช้มือประคองแผลเวลาเคลื่อนไหวร่างกายและเวลาไอ รวมถึงการบรรเทาความเจ็บปวดโดยการใช้ยา
ช่วยเหลือในการทํากิจกรรมต่างๆ เช่นกระตุ้นการให้นมมารดา เพื่อสร้างสัมพันธภาพระหว่างมารดาและทารกแรกเกิด
-
-
-
กรณีศึกษา
หญิงไทย อายุ 39 ปี ตั้งครรภ์แรก ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จำนวน 6 ครั้ง ครบเกณฑ์คุณภาพ ได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยัก 2 เข็ม ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการปกติ GA 37+5 wks เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลวันที่ 25 กันยายน 2564 มาด้วยอาการเจ็บครรภ์คลอด ตรวจภายในปากมดลูกไม่เปิด มีการหดรัดตัวของมดลูก Interval 10 นาที Duration 30 วินาที ฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์ 138 ครั้งต่อนาที เจ็บครรภ์คลอดนาน 5 ชั่วโมง ปากมดลูกไม่เปิดเพิ่มขึ้น
-
-
-
-
-
อ้างอิง
ศิริวรรณ แสงอินทร. (2560). การพยาบาลมารดาที่ทารกในครรภ์ท่าท้ายทอยอยู่ด้านหลัง. วารสารคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา, 25(1).1-11.
ณัฐญาภรณ์ พิกุลณี. (2559). การพยาบาลผ่าตัดคลอดทางหน้าท้องเนื่องจากเกิดภาวะผิดสัดส่วนระหว่างศีรษะทารกกับกระดูกเชิงกราน(รายงานผลการวิจัย). กรุงเทพฯ : โรงพยาบาลราชพิพัฒน์.
-
-