Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
นิติเวชสำหรับพยาบาล - Coggle Diagram
นิติเวชสำหรับพยาบาล
-
-
-
-
การเปลี่ยนแปลงภายหลังตาย
1.Postmortem hypostasis
การตกลงสู่ที่ต่ำของเลือด เกิดขึ้นทันที เริ่มสังเกตเห็นที่ 30 นาที ถึง 2 ชั่วโมงหลังตาย จะไม่เคลื่อนที่เมื่อผ่านไป 8 ถึง 12 ชั่วโมงปัจจัยที่มีผลคือปริมาณเลือด สีผิวผู้ตาย การเน่า ข้อควรระวังคือบาดแผลฟกช้ำการเคลื่อนย้ายศพ
2.Postmortem rigidity
หลังตายไม่มีระบบประสาทส่วนกลางมาควบคุมกำลังกล้ามเนื้อ muscle tone กล้ามเนื้ออ่อนตัว flaccid ATP ลดลง Lactic acid มากขึ้น กล้ามเนื้อแข็งตัว กระบวนการเน่าทำให้กล้ามเนื้อกลับมาอ่อนตัวอีกครั้ง วิธีตรวจคือเก็บหลักฐานก่อนขยับศพ เลือกขยับข้อต่อที่เล็กก่อน ตามลักษณะศพ ตามด้วยข้อใหญ่ ขยับให้ได้ตาม range of motion
3.Postmortem cooling
ปัจจัยที่มีผลคืออุณหภูมิขณะตาย สัดส่วนเนื้อเยื่อร่างกาย – ไขมันเป็นฉนวน พื้นที่ผิวต่อมวลศพ – คนผอมทารก ถ่ายเทความร้อนดีกว่า ท่าที่ตาย เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อุณหภูมิสิ่งแวดล้อม ลม วัตถุสิ่งรอบตัวที่สัมผัสศพ
-
-
Supravitality
หลังตาย cell หรือ tissue แต่ละส่วนยังมีชีวิตอยู่
ตอบสนองต่อการกระตุ้น ขึ้นอยู่กับความคงทนต่อการขาดออกซิเจนของเซลล์นั้น
Mechanical excitability
วิธีตรวจนิยมใช้สันไม้เคาะบริเวณ biceps brachii หากตอบสนองกล้ามเนื้อจะหดตัวเป็นสันนูน แปลผล เกิดขึ้นภายใน 5 ชั่วโมง อาจใช้แรงหนีบด้วยมือ
กรณีต้องตรวจ ณ ที่เกิดเหตุ ควรงอศอกไว้ระดับหนึ่ง เพื่อให้สังเกตได้ง่าย
การตรวจบาดแผล
บาดแผลฟกช้ำ (CONTUSIONS)
เกิดจากถูกบีบ หรือ กระทบ โดยวัตถุแข็งไม่มีคม ทำให้เส้นเลือดเล็ก ๆ ใต้ผิวหนัง หรือในชั้นผิวหนัง ฉีกขาด ไม่มีการฉีกขาดของชั้นผิวหนัง มี2ชนิด บาดแผลฟกช้ำใต้ชั้นผิวหนัง บาดแผลฟกช้ำในชั้นผิวหนัง
-
-
-
บาดแผลแทง Stab wound
ความลึกมากกว่าความยาว เกิดจากวัตถุปลายเล็กหรือแหลมดันผ่านผิวหนังไปตามความยาวของวัตถุ วัตถุอาจมีคมหรือไม่ก็ได้
-
-
-
-
หลักการเก็บวัตถุพยาน
ปริมาณเพียงพอกับการตรวจพิสูจน์ เก็บให้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลง อยู่ในลักษณะธรรมชาติหรือใกล้เคียงขณะตรวจพบ