Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 9 การพยาบาลวัยทารกจนถึงวัยรุ่นแบบองค์รวมที่มีความผิดปกติของหัวใจและก…
บทที่ 9 การพยาบาลวัยทารกจนถึงวัยรุ่นแบบองค์รวมที่มีความผิดปกติของหัวใจและการไหลเวียนเลือด
Nursing Managementfor the child with a
Cardiovascular disorder
การพยาบาลเด็กโรคหัวใจที่มีภาวะหัวใจวาย
ดูแลให้ออกซิเจนให้นอนในท่าศีรษะสูง fowler’s position หรือ semi-fowler’s position
ดูแลให้น้ำและนม
ดูแลให้ยาตามแผนการรักษา
ดูแลให้ยาขยายหลอดเลือด
ดูแลให้ยาขับปัสสาวะ
ยากลุ่มยา lanoxin
บันทึกสัญญาณชพี ทุก 1–2 ชั่วโมง หรอื ทุก 4
ชั่วโมงแล้วแต่สภาวะและความรุนแรง
ชีพจรหรืออัตราการเต้นของหัวใจ
อัตราการหายใจ
วัดความดันโลหิต
ส่งเสริมสนับสนุนบิดามารดาที่อยู่ดูแลบุตร ให้คำแนะนำการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดให้กำลังใจเป็นระยะๆ
การให้ความรู้คำแนะนำแก่บิดามารดาในการดูแลบุตร
การพยาบาลเด็กโรคหัวใจที่ได้รับการตรวจและรกัษาด้วยการสวนหัวใจ
การสวนหัวใจเพื่อการรักษา
การขยายรอยตีบ (Dilation procedure) แบ่งออกเป็น
การขยายลิ้นหัวใจด้วยบอลลูน (Balloon Valvuloplasty) การขยายหลอดเลือดหวัใจด้วยบอลลูน(Balloon angioplasty) และ การวางขดลวดบรเิวณหลอดเลือด(Stent placement)
การปิดรูรั่ว (Closure devices) เป็นการใช้อุปกรณ์
(device) ในการปิดรูรั่วทีผนังหัวใัจและในหลอดเลือด
1.การสวนหัวใจเพื่อเปิดทางติดต่อระหวา่งหัวใจห้องบน
(Catheterization to open atrial) ได้แก่ การขยายขนาดของผนังกันหัวใจห้องบนโดยการใช้บอลลูน (Balloon atrial septostomy : BAS)
การพยาบาลเด็กโรคหัวใจที่ได้รับการตรวจและรักษาด้วย
การสวนหัวใจ
ก่อนทำ
•สอบถามความเข้าใจให้เวลาอธิบาย บอกสิ่งที่จะเกิดขึ้น
•ตรวจสอบเอกสาร
•ประวัติ การแพ้ยา แพ้อาหาร ทะเล แพ้สารอืน่ ๆ
•ติดตามlab
•เตรียมเลือด
•NPO
•IV
•จับชีพจรที่ปลายเท้าทั้งสอง
•เตรียมความสะอาดของร่างกาย
•Pre medication
ขณะทำ
• เตรียมเครื่องมืออปุกรณ์ สถานที่
• จัดท่านอนราบ
• ดูแลให้ความอบอุ่นร่างกาย
• Monitor การไหลเวียน
• สังเกตความผิดปกติ
• บริหารยา
• ให้กำลังใจ
หลังทำ
• ค้นหาความผิดปกติป้องกัน ภาวะแทรกซ้อน
• นอนราบ อย่างน้อย 4 ชม.
• Vital signs, O2 sat
• Peripheral pulse
• รักษาความอบอุ่นของร่างกาย
• Rt to Lt shunt เสี่ยงต่อมีล่ม/ลิ่ม่
เลือดอุดกั้นหลอดเลือดสมอง
จำหน่าย คำแนะนำก่อนกลับ
• การดูแลแผล ปกติปิดเอง 3-5 วัน
• สังเกตอาการ ไข้ แผลบวมแดง
ภาวะแทรกซ้อนในการสวนหัวใจ
-การมีเลือดออกจากบริวณตำแหน่งที่แทงสายสวน
-ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะและปริมาณเลือดที่ออกจากร่างกายลดลง
-การมีเลือดภายในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ได้แก่ ห้วใจ/กล้ามเนื้อหัวใจ ปอด สมอง และ ไต
-การมีลิ่มเลือดอุดต้นที่อวัยวะส่วนปลาย ในสมอง หรือในปอดภายหลังการสวนหัวใจ
-ปฏิกิริยาการแพ้ (Allergic reactions)
-การติดเชื้อบริเวณแผล/จากการทำหัตถการ
-ภาวะตัวเย็น (Hypothermia) (โดยเฉพาะในเด็กเล็ก)
บทบาทพยาบาลกับการดูแลผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจชนิดเขียวมีภาวะหมดสติจากสมองขาดออกซิเจน
การให้ความรู้คำแนะนำแก่บิดามารดาในการดูแลบุตร
-การดูแลให้อาหารเพิ่มกากใย
-ให้น้ำเพียงพอ
-สังเกตอาการผิดปกติ หายใจเหนื่อยหอบ
บทบาทพยาบาลกับการดูแลผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจชนิดเขียวมีภาวะหมดสติจากสมองขาดออกซิเจน
ภาวะหมดสติจากสมองขาดออกซิเจน (anoxic spells)
ภาวะที่เด็กโรคหัวใจพิการแต่กําเนิดชนิดเขียว
มีระดับออกซิเจนในเลือดลดลงอย่า่ง รุนแรงเป็นเวลานาน กิดจากการที่มีการลดลงของเลือดดําที่จะไปฟอกเลือดที่ปอดกะทันหันทําให้มีภาวะขาดออกซิเจน ไปเลี้ยงสมองชั่วคราว
hypoxic spells, hypercyanotic spells, tet spells, blue spells, cyanoticspells เป็นต้น
บบ่อย ในผู้ป่วยโรค TOF
และโรคหัวใจชนิดเขียวที่มีเลือดไปปอดน้อยอื่นๆ
Catecholamines
หัวใจ
Infundibulum ตีบมากขึ้น
ปอดลดลง
Rt. to Lt.เพิ่ม
เลือดดำ O2 ลด
Tet spell
กรดแลคติกเพิ่ม
1 more item...
อาการและอาการแสดง
ร้องกวน กระวน
กระวาย หายใจหอบลึก หัวใจเต้นเร็ว
ซึมลง แขนขาอ่อนเปลี้ย หมดสติ ชักเกร็ง
เกิดขึ้นเองหลังตื่น หรือ เวลาร้องไห้มาก หรือร้องนาน
เด็กโต มักมีอาการหลังร้องมากๆ หรือ เบ่งมากๆ เช่น เบ่งถ่ายอุจจาระ ตกใจ ออกกำลัง
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจที่มีภาวะหมดสติสมองขาด
ขาดออกซิเจน
จัดท่านอนเข่าชิดอก (knee chest position) ทันที อาจเป็นนอนหงายหรือนอนตะแคงก็ได้ความต้านทานของหลอดเลือดเพิ่มขึ้น เลือดดำไหลกลับเข้าสู่หัวใจลดลง ส่งผลให้เลือดดำไหลลัดเข้าหัวใจห้องล่างซ้ายลดลง และมีเลือดแดงไปเลี้ยงร่างกายและสมองมากขึ้น
ดูแลปลอบโยนให้เด็กสงบโดยเร็ว พร้อมกับการจัดท่าเข่าชิดอก
ดูแลให้ออกซิเจน
ดูแลให้ยาสงบประสาท เช่น chloral hydrate มอร์ฟีน เพื่อให้เด็กสงบและหลับ
ประเมินสัญญาณชีพเป็นระยะๆ
สังเกต อาการ อาการแสดงเริ่มต้นของการเกดิ ภาวะหมดสตจิากสมองขาดออกซเิจน
ดูแลและปลอบโยนบิดามารดา ให้คลายความกังวล
กลไกการเกิด
ปัจจุบันยังไม่ทราบกลไกการเกิดภาวะนี้แน่ชัด
องค์ประกอบที่สำคัญคือความไม่สมดุลระหว่างแรงต้านทานของหลอดเลือดร่างกายและแรงต้านทานของหลอดเสีอดในปอด
สาเหตุเนื่องจาก การหดเกร็งของกล้ามเนื้อ infundibulum บริเวณลิ้นหัวใจพัลโมนารี(pulmonary valve) อย่างทันที่ทันใดซึ่งเป็นผลจากการทำงานเพิ่มขึ้นของระบบประสาท sympathetic เมื่อมีสิ่งกระตุ้น เช่น เด็กร้องให้นานตกใจ มีไข้ หรือ เบ่งถ่าย
Nursing Care of Children
Undergoing Congenital Heart Surgery
ประเภทการผ่าตัดแก้ไขหัวใจแต่กำเนิด
การผ่าตัดช่วงประทังอาการ (Palliative Surgery)
เป็นการผ่าตัดเพื่อ รักษาอาการชั่วคราว อาจเป็นการเพิ่มการไหลเวียนเลือดไปปอด หรือเพิ่มการผสมเลือดจากปอดและเลือดที่ไปเลี้ยงร่างกายช่วยให้การไหลเวียนเลือดดีขึ้นแต่ยังไม่หายเป็นปกติ เพื่อให้เด็กสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้รอให้พร้อมพอที่จะผ่าตัดแก้ไขให้หายขาดอีกครั้ง เนื่องจากสภาวะบางอย่างอาจยังไม่เหมาะที่จะผ่าตัดให้หายขาดได้
การผ่าตัดให้หายขาด (Corrective surgery)
เป็นการผ่าตัด แก้ไขความพิการ ของหัวใจทางด้านกายวิภาค เพื่อให้มีสรีรวิทยาของระบบไหลเวียนเป็นปกติหรือใกล้เคียงปกติมากที่สุด
เทคนิคการผ่าตัด
1.การผ่าตัดหัวใจแบบปิด(Closed heart surgery)
เป็นการผ่าตัดหัวใจ หรือหลอดเลือดใหญ่ใกล้บริเวณหัวใจ โดยขณะผ่าตัดหัวใจและปอดยังทำงานตามปกติ
การผ่าตัดหัวใจแบบเปิด(Open heart surgery)
เป็นการผ่าตัดหัวใจที่นำมาใช้เพื่อรักษาโรคหัวใจให้หายขาด
การพยาบาลเด็กที่เข้ารับการผ่าตัดแก้ไขหัวใจพิการแต่กำเนิด
การพยาบาลก่อนผ่าตัด
เตรียมเด็กและบิดามารดาให้รู้จักสภาพแวดล้อม ในหอผู้ป่วยหนักด้วยการพาไปเยี่ยมชมสถานที่ ให้ได้พบเห็น กับสิ่งที่เด็กต้องได้รับหลังการผ่าตัด เช่น อุปกรณ์การให้ ออกซิเจน เครื่องช่วยหายใจ เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ เครื่องเฝ้า ติดตาม (Monitor) เครื่องดูดเสมหะ รวมทั้งแนะนำให้รู้จัก บุคลากรที่ให้การดูแล
เปิดโอกาสให้ซักถาม กระตุ้นให้มีการระบาย ความกลัวและกังวล การอธิบายให้เกิดความเข้าใจ ให้ข้อมูลที่แท้จริงและชัดเจนจะช่วยลดความหวาดกลัว วิตกกังวลได้ อธิบายการใส่สายท่อระบายทรวงอกหลังผ่าตัด เครื่องช่่วย หายใจ และการดูดเสมหะ เพื่อให้การหายใจดีขึ้นซึ่งจะถอดได้ เมื่อเด็กหายใจดีขึ้น
เตรียมเอกสารต่าง ที่สำคัญทางกฎหมาย เช่น เอกสารใบยินยอมการรักษาและการผ่าตัด เอกสารการใช้สิทธิ์ในการรักษา
เตรียมความพร้อมด้านร่างกาย
สอบประวัติความเจ็บป่วย ประวัติครอบครัว การแพ้ยา อาหาร สารเคมีต่าง การวินิจััย
ตรวจร่างกาย การประเมินสัญญาณชีพ ชั่งน้ำหนัก
ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการต่าง
เด็กควรได้รับการฝึกไอและหายใจหลังการผ่าตัดด้วย
อธิบายความสำคัญของการงดน้ำงดอาหารทุกชนิดทางปากเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจถึงแก่ชีวิตจากการสำลักน้ำและอาหารในขณะที่ได้รับการระงับความรู้สึกหลักในการงดน้ำและอาหารทุกชนิด
เตรียมพร้อมด้านเลือดและส่วนประกอบของ เลือดต่างๆ
ให้ยาตามแผนการรักษา วิธีให้ยาอาจเปลี่ยนไป สำหรับยาบางอย่าง เนื่องจากผู้ป่วยงดน้ำและอาหารทางปาก
ทำความสะอาดร่างกาย สวนอุจจาระให้ถ่ายปัสสาวะก่อนที่จะให้ยานอนหลับ และก่อนส่งไปห้องผ่าตัด
ส่งผู้ป่วยไปห้องผ่าตัดพร้อมเวชระเบียน และ ยาต่าง ที่ต้องให้ก่อนขณะ และหลังการผ่าตัดโดยต้องตรวจ สอยให้ตรงตามคำสั่งของแพทย์และตรงกับผู้ป่วย
การพยาบาลขณะผ่าตัด
จัดท่านอนหงาย(Supine position) ใช้อุปกรณ์หนุน
ส่วนต่าง ให้เหมาะกับการผ่าตัดและป้องกันการเกิดแผลกดทับจากการผ่าตัดเป็นเวลานาน รวมทั้งเฝ้าระวังอุบัติเหตุ
เตรียมวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ต่างรวมถึงจัดสภาพแวดล้อมต่างดูแลให้อุณหภูมิและความชื ้นภายในห้องผ่าตัด ความดันภายในห้องผ่าตัดต้องเป็นบวกเสมอตลอดเวลา
ใช้เทคนิคปลอดเชื้ออย่างเคร่งครัด
(Sterile technique)
ตรวจนับวัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง
ทั้งก่อน ขณะ และหลังการผ่าตัดอย่างเคร่งครัด
บริหารจัดการให้เด็กได้รับการผ่าตัดอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
ให้ร่างกายเด็กได้รับความอบอุ่นตามความเหมาะสมในการผ่าตัด
ถ้าเป็นเด็กเล็กใช้ webril พันแขน และขา
เมื่อเสร็จการผ่าตัด
▪ทำความสะอาดแผล และบริเวณรอบ แผล
▪ต่อท่อสายระบายลงขวด ปิดแผลให้เรียบร้อย
▪ตรวจดูความเรียบร้อยของการปิดแผลผ่าตัด
พาสเตอร์ที่ติดไม่มี หลุดลอกหรือตึงแน่นเกินไป
▪ดูบริเวณอื่น ของร่างกายว่าไม่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นเช่น รอยกดทับ ผื่นแดง เป็นต้น
ส่งผู้ป่วยไปหอผู้ป่วยหนัก พร้อมทั้งเตรียมพร้อมเอกสารต่าง ที่
สำคัญของผู้ป่วย ยา และเลือดให้พร้อมใช้ตลอดเวลาตามความต้องการของผู้ป่วย
การพยาบาล
ในหอผู้ป่วยหนัก
เตียงสำหรับผู้ป่วยหลังผ่าตัดหัวใจ
เตรียมเครื่องมือต่าง เช่น เครื่องติดตามสัญญาณชีพ
เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องดูดเสมหะ เครื่องให้ออกซิเจนสารน้ำและยา
ประเมินภาวะเลือดออกหลังผ่าตัด
ดูแลให้ยา และสารน้ำตามแผนการรักษา
ดูแลให้เด็กได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอและ
ประเมินสภาพการหายใจอย่างใกล้ชิด
ประเมินV/S ทุก 15 นาทีจนกว่าอาการจะ
คงที่จึงเป็นทุก 30 นาทีและทุก 1 ชั่วโมง ตามลำดับ
ดูแลท่อระบายทรวงอกให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมประเมินภาวะเลือดออกมากผิดปกติจากขวดระบายเลือด
ดูแลให้เด็กได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
รักษาความอบอุ่นของร่างกาย และจัดท่าให้เด็กนอนพักผ่อนอย่างสุขสบาย
ส่งตรวจเลือดตามแผนการรักษา และติดตามผล
รายงานให้แพทย์ทราบ เพื่อดำเนินการวางแผนการรักษา
ดูแลให้ยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
ดูแลด้านจิตใจของผู้ปกครอง และญาติเด็ก
เปิดโอกาสให้ญาติซักถาม พร้อมทั้งอธิบายถึงสภาวะของเด็ก
การพยาบาลการวางแผนดูแลต่อเนื่อง
การทำกิจกรรม
2 สัปดาห์แรก ควรท ากิจกรรมต่าง เท่ากับขณะอยู่รพ.
หลังจากนั้นเพิ่มกิจกรรม ตามความเหมาะสมกับระดับความสามารถของเด็ก
ควรหยุดกิจกรรมทันทีที่เริ่มรู้สึกหายใจลำบาก ใจสั่น หรือคล้ายจะเป็นลม เหงื่อออกมากผิดปกติเจ็บหน้าอก ให้นั่งพัก
ถ้าอาการไม่ดี ขึ้นรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที
การรับประทานยา
ให้ข้อมูลชนิดของยา ขนาด เวลารับประทานยาและผลข้างเคียงของยา
กรณีที่ได้รับยาต้านการแข็งตัวของเลือดควรสังเกตและ ประเมินอาการเลือดออกไม่หยุด ถ้ามีอาการควรมาพบแพทย์
การดูแลแผลผ่าตัดบริเวณกระดูกหน้าอก
4-12 สัปดาห์เป็นช่วงสมานของกระดูกอก ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออก แรงยก หรือแบกของหนักออกแรงผลักวัตถุหนัก ขับขี่รถจักรยาน /
จักรยานยนต์
การทำแผล ควรทำความสะอาดทุกวันด้วยแอลกอฮอล์หรือน้ำอุ่นและสบู่อ่อนซับให้แห้ง
สังเกตความผิดปกติของแผล ถ้าพบความผิดปกติเช่น บวม แดงร้อนหรือเจ็บมากกว่าเดิมให้ รีบมาพบแพทย์
การรับประทานอาหาร
ควรเป็นอาหารอ่อน ย่อยง่าย มีคุณค่าทางอาหารสูงและครบถ้วน
งดอาหารรสจัด ของ หมักดอง ของเค็ม และอาหารที่ปรุงแต่งด้วย
ผงชูรส ผงฟู หรือสารกันบูด ฯลฯ
ควรชั่งน้ำหนักตัวทุกวันในเวลาเดียวกัน ถ้าเพิ่ม> 1 กก./วัน
ควรไปพบแพทย์
นางสาวศิรภัทร ตุดเอียด เลขที่ 81