Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตรวจทรวงอกและปอด(Thorax/Chest/Lung) - Coggle Diagram
การตรวจทรวงอกและปอด(Thorax/Chest/Lung)
เป็นการตรวจเพื่อประเมินการทำหน้าที่ของอวัยวะและส่วนประกอบของทรวงอก เช่น
ผิวหนัง เต้านม กล้ามเนื้อ กระดูกหน้าอกและกระดูกซี่โครง
อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับระบบหายใจ ได้แก่ หลอดลม ปอด
หัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต
ตำแหน่งที่สำคัญของทรวงอก
Angle of Louis / Sternal angle หรือ Manubriosternal junction
ส่วนต่อระหว่าง Manubrium sterni กับ Sternum เป็นมุมที่คลำได้ชัดเจน ตรงกับกระดูกซี่โครงที่ 2 เป็นประโยชน์ในการนับกระดูกซี่โครง(Rib)และช่องว่างกระดูกซี่โครง
Spinous process of T1
ก้มคอเต็มที่จะเห้นปุ่มนูนของกระดูก spine ที่โปน 2 ปุ่ม
ปุ่มบน เป็น Spinous process ของ C7
ปุ่มล่าง เป็น Spinous process ของ T1
.ใช้ในการนับกระดูกซี่โครงและไขสันหลัง
Inferior angle of scapula
ตรงกับกระดูกซี่โครงที่ 7 ด้านหลัง เมื่อนั่งตัวตรง ปล่อยเเขนข้างลำตัว
เส้นสมมติ(Imagination line)
บอกตำแหน่งส่วนที่ตรวจพบบนทรวงอก
Midsternal line ลากผ่านกึ่งกลางกระดูกหน้าอก
Midclavicular line ลากผ่านกึ่งกลางกระดูกไห้ปลาร้า
Anterior axillary line ลากผ่านanterior axillary fold
วิธีการตรวจโดยการดู
ลักษณะผิวหนัทรวงอก มีผื่น แผล หรือมี Spider nevi
ขนาดและรูปร่างทรวงอก เส้นผ่านศูนย์กลางจากด้านหน้าไปด้านหลังจะแคบกว่าด้านข้าง ประมาณ 5:7
Barrel shape พบใน COPD (โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง)AP : Transverse diameter =1:1
ลักษณะเต้านม หัวนม
การเคลื่อนไหวของทรวงอก สังเกตอัตราการหายใจ ความลึก จังหวะ ใช้กล้ามเนื้ออกช่วยหายใจหรือSternal retraction (หน้าอกบุ๋มยุบลง)
Pigeon chest อกไก่ (นูนแหลมขึ้นมา)
Funnel chest อกบุ๋ม ()
การคลำ
ตำแหน่งหลอดลมทำได้ 2 วิธี
ผู้ป่วยนั่งหรือนอนก้มคอมาข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อให้กล้ามเนื้อ Sternocleidomastoid หย่อน ผู้ตรวจใช้นิ้วชี้และกลางกดบนsuprasternal notch ให้นิ้วอยู่แต่ละข้างของหลอดลมเทียบความรู้สึกว่าช่องว่างหระหว่างหลอดลมกับsuprasternal notchทั้งสองเท่ากันไหม
ผู้ป่วยนั่งหน้าตรงผู้ตรวจคลำหาจุดกึ่งกลางsuprasternal notchคลื่อนนิ้วหา Tracheaสังเกตสัมผัสได้จุดกึ่งกลางหรือไม่
การขยายตัวของปอด สามารถตรวจได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ด้านหลังวางฝ่ามือทั้งสองข้างทาบทรวงอกด้านหลังให้นิ้วหัวแม่มืออยู่ขนานกระดูกซี่โครงคู่ที่ 10 ฝ่ามือโอบด้านข้างทรวงอกปลายนิ้วหัวแม่มืออยู่ใกล้กันในแนวกระดูกสันหลังให้ผู้ป่วยหายใจเข้าลึกๆสังเกตความต่างการเคลื่อนที่ของนิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้าง
ด้านหน้าตรวจคล้ายกับด้านหลัง วางมือบริเวณชายโครงตามแนวกระดูกซี่โครงคู่ที่ 6 นิ้วหัวแม่มืออยู่ที่ Xiphoid process ฝ่ามือโอบด้านข้างทรวงอกให้ผู้ป่วยหายใจเข้าลึกๆสังเกตการเคลื่อนที่ออกจากจุดกึ่งกลางนิ้วหัวแม่มือและการขยายมือทั้งสองข้าง
การคลำเสียงสะท้อน
ใช้ฝ่ามือหรือสันมือวางบนผนังอกด้านหลังตำแหน่งตรงกันที่ 2 ข้างให้ผู้ป่วยนับ 1-2-3 สัมผัสถึงความรู้สึกสั่นสะเทือนเทียบกัน 2ข้างถ้าเสียงสะท้อนข้างหนึ่งเบากว่าอีกข้างแสดงว่าปอดแฟบหรือมีสิ่งอุดกั้นเช่น หนอง น้ำ
การคลำตำแหน่งที่กดเจ็บ
Costochondral junction
ตำแหน่งอื่นๆ
การเคาะ
การเคาะที่ถูกต้องคนที่ถนัดขวา ให้นิ้วมือซ้ายเหยียดตรงวางแนบบริเวณที่ตรวจใช้นิ้วกลางมือขวาเคาะลงบนนิ้วกลางมือซ้ายโดยใช้การเคลื่อนไหวของข้อมือขวาเคาะเทียบกันข้างซ้ายและขวาไล่จากบนลงล่างขณะเคาะให้นิ้วนั้นแนบผิวหนังและยกนิ้วอื่นขึ้นการเคาะสามารถบอกความผิดปกติลึกไม่เกิน 5-7 เซนติเมตรได้
การเคาะปอด เริ่มจากกระดูกไห้ปลาร้าแต่ละข้างและไล่ลงมาทีละช่องของกระดูกซี่โครงแต่ละข้าง ปกติจะได้ยินเสียงก้อง
เคาะบริเวณยอดปอด ให้ผู้ป่วยนั่ง ผู้ตรวจหันหน้าเข้าหาผู้ป่วยเคาะลงSupraclavicular fossaทั้งซ้ายและขวา
เคาะปอดด้านหลัง เคาะจากด้านบนไล่ลงมาทีละช่องซี่โครง เสียง Resonance จะเริ่มสิ้นสุดราวระดับ left rib 9 และ right rib 8
การแปลผล
Flatness พบใน Hydrothorax ลักษณะเหมือนเสียงที่เกิดจากเคาะบริเวณต้นขา
Dullness พบใน Pneumonia ลักษณะเหมือนเสียงที่เกิดจากการเคาะตับหรือเสียงทึบ
Tympany พบใน Pneumothorax เป็นเสียงโปร่งเหมือนเสียงที่เคาะหน้าท้องที่แก๊ส
Resonance เสียงที่เกิดจากการเคาะปอดปกติหรือเสียงก้อง
Hyper – resonance เสียงก้องมากพบใน Emphysema
การฟังให้ผู้ป่วยหายใจเข้าลึกๆและฟังที่ผนังทรวงอกด้วยด้าน Diaphragm ของ stethoscope แต่ละตำแหน่งควรฟังอย่างน้อย 1 รอบของการหายใจเข้า-ออก โดยเปรียบเทียบอีกข้างในตำแหน่งเดียวกัน
เสียงที่ฟังประกอบด้วย
การฟังเสียงหายใจที่ปกติ
Tracheal /Bronchial breath sound บริเวณคอ หายใจเข้าสั้น-ออกยาว
Bronchovesicular breath sound บริเวณรอบ Manubrium 1-2 Intercostal space ด้านหน้า interscapula area ด้านหลัง หายใจเข้า-ออก เท่ากัน
Vesicular breath sound บริเวณชายปอดทั้งสองข้าง หายใจเข้ายาว-ออกสั้น
การฟังเสียงพูด ให้ผู้ป่วยนับ 1-2-3 สังเกตการเปลี่ยนแปลงของเสียง กรณีที่มีสิ่งมากั้นระหว่างเนื้อปอดกับผนังทรวงอก
การฟังเสียงที่ผิดปกติ
Crepitation or crackle เสียงที่ไม่ต่อเนื่องเกิดจากลมหายใจผ่าน secretion ที่Terminal bronchioleและalveoli ได้ยินชัดช่วงหายใจเข้ามี 3 ระดับ
Fine
Medium
coarse
Rhonchi and Wheezing เสียงเกิดจากการสั่นของหลอดลมมีลมวิ่งผ่านหลอดลมที่ตีบแคบ พบใน COPD CHF
Rhonchi เสียงที่มีลักษณะใหญ่และทุ้มแสดงถึงหลอดลมตีบ
Wheezing เสียงที่มีลักษณะแหลม ความแหลมของเสียงขึ้นอยู่กับความเร็วของเสียงวิ่งผ่าน
Stridor เกิดจากการตีบแคบของหลอดลมขนาดใหญ่เป็นเสียงหวืดได้ยินชัดในช่วงหายใจเข้าได้ยินโดยไม่ต้องใช้stethoscope
เสียงผิดปกติที่ตรวจพบ
เสียงหายใจเบากว่าปกติ เรียกว่าDecrease breath sound/Deminished breath
sound
ภาวะที่มีลมหรือของเหลวในช่องเยื่อหุ้มปอด Pleural friction rubเกิดจากการเสียดสีของเยื่อหุ้มปอดที่อักเสบพบใน Pleuritis