Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หูและการได้ยิน, ear_1, 3_18 - Coggle Diagram
หูและการได้ยิน
กลไกการได้ยินเสียง
- ช่องหูจะทําให้คลื่นเสียงที่มีความถี่ระหว่าง2,000-5,000Hz
มีพลังงานสูงขึ้นเน่ืองจากเกิด resonance ในช่องหู
ถ้าความถี่ตํ่ากว่า 400 Hz การรับคลื่นเสียงไม่ค่อยดี
- ใบหูและช่องหูทําให้เกิดการขยาย เสียง เมื่อคลื่นเสียงไปกระทบแก้วหูเมื่อมีแรงมากระทําจะทําให้ความดันเพิ่มขึ้นจึงเกิดการขยายเสียงขึ้นประมาณ 30 เท่า
- จากน้ันเสียงกจ็ะเดินทางเข้าสู่หูส่วนในสัญญาณเสียงก็จะเกิดการขยายอีก
- เมื่อคลื่นเสียงผ่านหูส่วนในกจ็ะทําให้เยื่อบาซิลาร์สั่น ปลายประสาทที่เยื่อบาซิลาร์ก็ส่งสัญญาณต่อไปยังสมอง ทําให้เกิดความรู้สึกในการได้ยินเสียง
หูส่วนใน
ประกอบด้วยหลอดครึ่งวงกลม 3 หลอด(semicircular canals) ซึ่งทําหน้าที่ควบคุมการสมดุลของร่างกาย และกระดูกรูปหอย (cochlea)
ช่องมีลักษณะคล้ายหอยโข่งภายในบรรจุของเหลวมีเยื่อ
บาซิลาร์(basilar)ขึงอยู่เกือบตลอดความยาวยกเว้นปลายสุด
ปากทางเข้าเป็นช่องเปดรูปไข่และวงกลม ตลอดความยาวของเยื่อบาซิลลาร์ร์มีปลายประสาทที่ไวต่อเสียงที่มีความถี่ตํ่าๆกันเรียงรายอยู่ปลายประสาทที่อยู่กันค่อนไปทางช่องเปิดรูปไข่จะไวต่อเสียงที่มีความถี่สูง ส่วนปลายประสาทที่อยู่ลึกเข้าไปข้างในจะไวต่อเสียงที่มีความถี่ต่ำ
หูส่วนกลาง
ทำหน้าที่ ปรับคลื่นเสียงเพื่อให้เข้าไปกระตุ้นหูชั้นใน เปลี่ยนพลังงานเสียงจากอากาศให้ผ่านช่องหูชั้นกลางเข้าไปเป็นการสั่นสะเทือนของของเหลว
ภายในหูชั้นกลางประกอบด้วย กระดูกสามชั้น (Ossicles) คือกระดูกรูปฆ้อน กระดูกรูปทั่งและกระดูกรูปโกลน ซึ่งยึดกันอย่างสมดุลด้วยระบบคานดีดคานงัด (lever system)
ตรงบริเวณปลายกระดูกรูปโกลนจะติดต่อกับหน้าต่างรูปไข่ กระดูกทั้สามทําหน้าที่เปลี่ยนคลื่นเสียงที่มากระทบ แก้วหูให้เป็นคลื่นของเหลวขึ้นในหูส่วนใน หูส่วนกลางนี้ติดต่อกับโพรงอากาศผ่านหลอดยูสเตเชียน (eustachian)
หูส่วนนอก
ใบหู จะทําหน้าที่ในการรับเสียง
ความดันของเสียงตอนปลายท่อด้านในที่ทีปิดอยู่จึงมีมากกว่าปากท่อด้านนอก ความดันที่เพิ่มน้ันจะเกิดเมื่อความยาวของคลื่นเสียงยาวกว่าความยาวท่อ 4 เท่า คือความดังเมื่อผ่านช่องหูจะเพิ่
มขึ้น 12เดซิเบล ในช่วงความถี่ 2,400 - 4,000 Hz แต่ถ้าความยาวคลื่นตํ่ากว่าหรือสูงกว่านี้ความดังเมื่อผ่านช่องหูจะเพิ่มเพียง 5 เดซิเบลในช่วงความถี่ 2,000 - 6,000 Hz
ช่องหูมีลักษณะเป็นท่อยาว ทําหน้าที่ในการกําทอนเสียง (resonance) ซึ่งสั่นด้วยความถี่ประมาณ 3000 เฮิรตซ์แล้วส่งไปยังเยื่อแก้วหูนอกจากน้ีแล้ว ช่องหูยังช่วยในการควบคุมอุณหภูมิและ ความชื้นให้มีค่าคงที่และยังเป็นเครื่องปองกันอันตรายให้แก่หู
เยื่อแก้วหูเป็นส่วนกั้นระหว่างหูช้ันนอกกับหูช้ันกลาง โดยแยกอากาศในช่องหูช้ันนอกไม่ให้ติดต่อกับหูช้ันกลาง เยื่อแก้วหูทําหน้าที่เป็นเครื่องรับความดันเสียง
-
-