Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การตรวจร่างกาย Chest (Heart & Lung ), นางสาว บัณฑิตา ฉัตรเงิน ห้อง 2A…
การตรวจร่างกาย Chest (Heart & Lung )
การตรวจทรวงอกเเละปอด (Chest and Lung)
การดู
1.สังเกตลักษณะรูปร่างเเละขนาดของทรวงอก ดูรูปร่างเเละขนาดของทรวงอกเหมือนกันทั้ง 2 ข้างหรือไม่ ข้างใดโป่งพองออกมาหรือบุ๋มเข้าไป ในคนปกติถ้าตัดทรวงอกตามขวางจะได้รูปกลมเเบน
อกถัง (Barrel chest) ทรงงอกที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ มีลักษณะเหมือนโอ่งหรือถังเบียร์ เจอใน COPD ถุงลมโป่งพอง 1:1
อกไก่ (Pigeon chest) อกที่มีกระดูกกลางหน้าอกโป่งยื่นออกมา พบในผู้ที่เป็นโรคกระดูกอ่อน 2:1
อกบุ๋ม (Funnel chest) อกที่มีกระดูกหน้าอกบุ๋มลึกเข้าไปมากกว่าปกติ
อกเเบนหรือโป่งข้างเดียว อกที่เเบนเเฟบข้างเดียวมักเกิดหลังคด
หลังโก่ง
หลังคด กระดูกสันหลังเอียงไปด้านข้าง
3.ลักษณะการหายใจ สังเกตจังหวะ (Rhythm) ความลึกตื้นของการหายใจ
การหายใจลำบาก (Dyspnea) การหายใจที่ใช้กำลังมากกว่าปกติ มีอาการเหนื่อยหอบ
การหายใจเร็ว (Tachypnea) อัตราการหายใจเร็วกว่าปกติ
การหายใจช้า (Bradypnea) การหายใจที่ช้ากว่าปกติ
การหายใจลึก (Hyperpnea) การหายใจที่ลึกกว่าปกติ
การหายใจตื้นเเละหยุด การหายใจที่เริ่มด้วยการหายใจตื้นๆก่อนเเล้วค่อยลึกขึ้นๆ
การหายใจเป็นช่วงๆ มีช่วงหยุดหายใจสลับกับช่วงหายใจ ซึ่งเเต่ละช่วงเวลาไม่เท่ากัน
การหายใจลึกเเละถอนหายใจอย่างสม่ำเสมอ
การหายใจใกล้สิ้นลม การหายใจเเบบนี้เกิดจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองขาดออกซิเจน
2.การเคลื่อนไหวของทรวงอก ให้ดูลักษณะของทรวงอกทั้ง 2 ข้างขยายเท่ากันหรือไม่ ถ้าไม่เท่ากัน เช่น ทรวงอกข้างซ้ายเคลื่อนไหวน้อยกว่าข้างขวา
การคลำ
การคลําทั่วไปบริเวณทรวงอก หาตําแหน่งที่เจ็บ บริเวณที่มีความ ผิดปกติโดยค่อยๆ คลํา บริเวณที่ผู้รับบริการบอกว่าเจ็บเบาๆ มีก้อน แผล ฝี หรือไม่
2.การคลําดูการเคลื่อนไหวของทรวงอกและปอดทั้งสองข้าง
(Thoracic expansion) ขณะที่หายใจเข้าออกสังเกตดูการ
เคลื่อนไหว ปลายนิ้วแม่มือที่ขยายออกจากกันตามจังหวะการหายใจเเละดูว่าข้างใดแยกออกจากจุดกึ่งกลางกระดูกสันหลังมากกว่าเเสดงว่าทรวงอกหรือปอดข้างนั้นขยายตัวได้มากกว่า หากทรงอกมีการเคลื่อนไหวน้อยหรือไม่เคลื่อนไหว อาจมีพยาธิสภาพเกิดขึ้นที่ปอด
3.การคลําการสั่นสะเทือนของเสียงสะท้อน (Tactile fremitus)
ความสั่นสะเทือนของเสียงจะลดน้อยลงไปเมื่อมีน้ําหรือลมกั้นระหว่างผนังทรวงอกกับเนื้อปอดหรือมีการอุดตันของหลอดลมข้างใดข้างหนึ่ง ทําให้การกระจายความสั่นสะเทือนของเสียงมายังผนังทรวงอกได้น้อยลง
การเคาะ
เพื่อเปรียบเทียบความโปร่งความทึบของปอดทั้ง2 ข้าง ซึ่งจะมีเสียงกังวานเท่ากันง เสียงสะท้อนที่เกิดขึ้นจากการเคาะเรียกว่า Percussion note ซึ่งความถี่ห่างต่างกันตามความหนาแน่นของเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ผนังทรวงอก
ลักษณะของเสียงที่เกิดขึ้นจากการเคาะ
เสียงทึบสนิท (Flatness) การเคาะปอดได้เสียงทึบมาก แสดงว่ามี
ของเหลว เช่น น้ํา หนอง เลือด อยู่ในช่องปอดเป็นจํานวนมาก
เสียงทึบ (Dullness) เป็นเสียงทึบที่ดังน้อยกว่าเสียงแรก พบในรายที่เยื่อหุ้มปอดหนาขึ้น ปอดแฟบ ปอดบวม
เสียงกังวาน (Resonance) เป็นเสียงที่เกิดจากการเคาะบริเวณเนื้อ
ปอดปกติ
เสียงโปร่ง (Hyper resonance) เป็นเสียงที่เกิดขึ้นจากการเคาะ
บริเวณที่มีลมอยู่มาก พบในโรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema) เเละลมในช่องเยื่อหุ้มปอด (Pneumothorax)
เสียงโปร่งมาก (Tympany) เป็นเสียงที่เคาะบริเวณที่มีฟองอากาศ
เช่น กระเพาะอาหาร ท้อง ถ้าเคาะปอดได้เสียงนี้แสดงว่า มีลมในช่องปอดจํานวนมาก
การฟัง
เสียงหายใจ (Breath sound) เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของอากาศในหลอดลม ในขณะที่หายใจเข้าและหายใจออกของคนปกติ สียงหายใจที่ได้ยินตามตําแหน่งต่างๆ ได้แก่ - เสียงหลอดลมใหญ่ (Bronchial or tracheal breath sound) เป็นเสียงที่เกดจากลมผ่านเข้าออกในหลอดลมใหญ่ ลักษณะการหายใจ ขณะหายใจเข้าสั้น และหายใจออกยาว
เสียงหลอดลมและถุงลม (Broncho–Vesicular breath sound) ฟังได้ยินบริเวณ ส่วนกลางของทรวงอกด้านบน ทั้งด้านหน้าเเละด้านหลัง มีลักษณะเป็นเสียงผสมระหว่างเสียงถุงลมกับเสียงหลอดลม
เสียงถุงลม (Vesicular breath sound) ฟังบริเวณทรวงอกตรงตําแหนงของปอดทั้ง 2 ข้าง ทั้งด้านหน้าเเละด้านหลัง เป็นเสียงที่เกิดจากลมผ่านเข้าออกในเนื้อเยื่อปอด ลักษณะเสียงหายใจที่ได้ยินขณะหายใจเข้าจะดังเเละยาวกว่าขณะหายใจออก
2.ความก้องของเสียง (Voice sound ) คือเสียงที่พูดออกมาจากลําคอ
ฟังหูฟังตามตำแหน่งต่างๆ บนผนังทรวงอก จะได้ยินความก้องของเสียงทางหูฟัง
เรียกว่า Vocal fremitus หรือ Auditory fremitus การฟังต้องฟังทรวงอกทั้งซัายและขวาเพื่อเปรียบเทยบกัน ถ้าความก้องของเสียงมลีักษณะดังและชัดกว่าปกติ เรียกว่า
Bronchophony พบได้ในภาวะ Consolidation ของเนื้อปอด แต่ถ้าความก้องของเสียงลดน้อยลงไป เสียงที่ได้ยินเรียก Whispering pectoriloguy แสดงว่ามีของเหลวหรือลมมากั้นระหว่างผนังหน้าอกกับหลอดลม
3.เสียงผิดปกติอื่นๆ (Adventitious sound) แสดงว่ามีพยาธิสภาพเกิดขึ้นในหลอดลมและปอด เสียงผิดปกติที่พบบ่อย ได้แก่
Crepitation เป็ฃ็นเสียงที่เกิดขึ้นในหลอดลมและถุงลม หลอดลมแขนงเล็กๆ ที่มีน้ําเสมหะ
ลักษณะของเสียงที่ได้ยินจะคล้ายเสียงแตกของฟองอากาศ หรือเสียงเหมือนขยี้ผมใกล้ๆหู
Rhonchi และ Wheeze เกิดจากทางเดินหายใจแคบหรือตีบลง เนื่อง จากการเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลม การบวมของเยื่อบุทางเดินหายใจ มีเสมหะหรือเนื้องอก ทําให้มีการอุดตันเป็นบางส่วน เสียงที่ได้ยินจะแตกต่างกันเป็นเสียงสูงเสียงต่ําขึ้นอยู่กับขนาดการตีบของรูหลอดลม
Sonorous rhonchi เป็นเสียงที่ลมหายใจวิ่งผ่านหลอดลมที่ขรุขระจากการอักเสบหรือมีเสมหะเหนียวติดอยู่เป็นหย่อมๆ ถูกขับออกมาไม่ได้เสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงต่ํา ดังกรอบแกรบ ได้ยินทั้งช่วงหายใจเข้าและหายใจออก
Sibilant rhonchi หรือ Wheeze เกิดขึ้นในหลอดลมเล็กๆ มีการบีบรัดตัวของกล้ามเนื้อหลอดลม ทําให้ลมหายใจผ่านหลอดลมแคบๆ
Friction rub or Plural rub เป็นเสียงที่เกิดขึ้นเนื่องจากเยื่อหุ้มปอดเกิดการอักเสบ เวลาหายใจทําให้เกิดเสียงเสียดสีกันขึ้น
การตรวจหัวใจ
การฟัง
Aortic Valve : ICS ช่องที่ 2 ด้านขวาชิดกระดูกหน้าอก
Pulmonic Valve : ICS ช่องที่ 2 ด้านซ้ายชิดกระดูกหน้าอก
Tricuspid Valve : ด้านล่างของกระดูกหน้าอก
Mitral Valve :ICS ที่ 5 ตัดกับ MCL
ต้องได้ยินเสียงหัวใจอย่างน้อย 2 เสียง คือ S1 (First Heart Sound) เเละ S2 (Second Heart Sound) หากได้ยินฟู่หรือ murmur เเสดงถึงลิ้นหัวใจผิดปกติ
การดู
สีผิวเหมือนสีกาย ไม่พบรอยโรค หรือ spider nei เห็นการเต้นของหัวใจ
การคลำ
Thrill การสั่นสะเทือนของ cardiac murmur apex beat (PMI) คลำได้ rib 5 ข้างซ้าย ไม่เกินเเนว mcl หากคลำพบ Thrill เเสดงถึงลิ้นหัวใจผิดปกติ
การเคาะ
เคาะหาขอบเขตของหัวใจ เคาะที่ทรวงอกซ้ายจาก mcl ของ rip 3,4,5 เคลื่อนเข้า sternum จนได้ยินเสียงทึบ คือ ริมซ้ายของหัวใจ
นางสาว บัณฑิตา ฉัตรเงิน ห้อง 2A เลขที่33 รหัสนักศึกษา 63123301071