Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 แนวทางการดาเนินงานอาชีวอนามัย - Coggle Diagram
บทที่ 5
แนวทางการดาเนินงานอาชีวอนามัย
การจัดบริการอาชีวอนามัยเชิงรุกสาหรับผู้ประกอบอาชีพในชุมชนบริการเชิงรุก
เน้นการดูแลต่อเนื่องและการประเมินการให้บริการอาชีวอนามัยในเรื่องการเข้าถึงติดตามการใช้บริการต่อเนื่องฟื้นฟูสภาพสมรรถภาพและความพึงพอใจตลอดจนการจัดทำคู่มือแนวทางการรับส่งต่อผู้ป่วยเป็นต้นแต่ละสถานที่ต้องประเมินตนเองว่ามีการดาเนินการหรือมีคุณลักษณะ
แนวคิดการบริการอาชีวอนามัย
ประกอบด้วย
การสร้างเสริมและส่งเสริมสุขภาพในสถานที่ทางาน เช่น การดูแลด้าน โภชนาการ
การออกกาลังกาย สุขศาสตร์ส่วนบุคคล
การค้นหาอันตราย และความเสี่ยงต่อสุขภาพจากการทางาน
การตรวจวัดสภาพแวดล้อม และบรรยากาศในการทางาน
การจัดการความเสี่ยง โดยการจัดลาดับความสาคัญและการแก้ไข
การเฝูาระวังโรคและการตรวจร่างกายทางการแพทย์ทั่วไปและตามความเสี่ยง
การจัดบริการห้องพยาบาลและจัดบริการ การตรวจรักษาโรคทั่วไป และโรคที่เกิดจากการทำงาน
การจัดเก็บรวบรวมสถิติ ข้อมูล สุขภาพของผู้ปฏิบัติงาน หรือประโยชน์ต่อการเฝูาระวังโรค
แนวทางปฏิบัติงานบริการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในโรงพยาบาล
การเฝ้าระวังสิ่งคุกคาม (Hazard surveillance)
การสำรวจและเก็บตัวอย่างสิ่งคุกคามการทางานโดยการใช้แบบสำรวจ
การวิเคราะห์ตัวอย่างผลจากการวิเคราะห์ตัวอย่างให้นามาเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานโดยทั่วไป
การแปลผลข้อมูล พบว่า สิ่งคุกคามอยู่ในระดับสูงถึงขีดอันตรายจาเป็นที่จะต้องมีการดูดและควบคุมโดยการแก้ไขปรับปรุงให้สภาพแวดล้อมการทำงานดีขึ้น
เก็บรวบรวมและบันทึกผลการตรวจวัดจัดทาข้อมูลเชิงสถิติดูแนวโน้มของปัญหา
การกระจายข้อมูลข่าวสาร
การเฝ้าระวังทางสุขภาพ (Health surveillance)
มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการทราบถึงสภาวะสุขภาพ โรค ลักษณะแนวโน้มของการเกิดโรค หรือสิ่งที่มีอิทธิพลต่อการเกิดโรคซึ่งจะนาไปสู่การสอบสวนโรค หาแนวทางการควบคุมและปูองกันไม่ให้เกิด โรคประกอบด้วย
2.1 การตรวจร่างกายแรกเข้าทางาน
2.2 การตรวจร่างกายเป็นระยะ
2.3 การให้ความรู้แก่ผู้ปฏิบัติงาน
2.4 การรวบรวมรายงานโรคการบาดเจ็บจากการทางาน
แนวทางการดาเนินงานอาชีวอนามัย
การป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ
มุ่งเน้นการป้องกันโรคและอันตรายที่อาจเกิดกับผู้ประกอบอาชีพ และยังมีการเฝ้าระวังมิให้สุขภาพผู้ประกอบอาชีพเสื่อมโทรมลงไปจากการทางาน
การรักษาพยาบาลและการส่งต่อ
มีการปฐมพยาบาลในกรณีที่คนงานได้รับอุบัติเหตุก่อนส่งต่อเพื่อรักษา
ฟื้นฟูสภาพ
มีการตรวจสุขภาพคนงานที่หายเจ็บป่วยแล้ว เพื่อดูว่าเขามีความ สามารถและ เหมาะสมจะทางานใหม่ได้เพียงใด
ตรวจพิเศษด้านอาชีวเวชศาสตร
ตรวจสมรรถภาพการได้ยิน
ตรวจสมรรถภาพปอด
ตรวจสมรรถภาพการมองเห็น
การบันทึกระเบียนรายงาน
มีการรวบรวมสถิติเกี่ยวกับสุขภาพอนามัย และความปลอดภัยในการทางาน เช่น สถิติการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ การเกิดอุบัติเหตุจาการทางาน
แนวทางการป้องกันการประสบอันตราย
ดูแล ส่งเสริมให้บุคลากรทุกคนมีจิตสานึกในความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมี ความสุขอยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมร่วมกันได้อย่างสันติ โดยปราศจากอันตรายใดๆ โดยการกาหนดมาตรการ ปูองกันและควบคุมอันตรายที่เหมาะสมชัดเจนดังต่อไปนี้คือ
การกำหนดมาตรการความปลอดภัย ข้อมูลเกี่ยวข้องและผลกระทบต่างๆ ด้านความปลอดภัย เพื่อเป็นแนวทางกาหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัย
2.การตรวจความปลอดภัย ตรวจด้านความปลอดภัยในการทางานตามที่ระบุไว้ตามกฎหมายอย่างเหมาะสมถูกต้อง
3.กฎหมายความปลอดภัย ควรได้มี การพิจารณาปรับปรุงกฎหมายด้านความปลอดภัยในการทางานให้มีขอบเขตสอดคล้องเหมาะสมและคุ้มครอง
4.การศึกษาวิจัยความปลอดภัย เพื่อการปรับปรุง พัฒนางานวิชาการด้านความ ปลอดภัยให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานอย่างปลอดภัยสูงสุด
5.ด้านการศึกษา ควรมีการบรรจุวิชาการด้านความปลอดภัยเพิ่มในหลักสูตรการศึกษา
6.การฝึกอบรมด้านความปลอดภัย เพื่อสร้างเสริมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้านความ ปลอดภัยในการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงาน
7.การสร้างเสริมทัศนคติด้านความปลอดภัย การสร้างเสริมทัศนคติที่ดี และจิตสานึกด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องสม่าเสมอ
8.การกำหนดมาตรการความปลอดภัยในสถานประกอบการ เพื่อให้ทุกคนทุกฝ่ายปฏิบัติ อย่างเคร่งครัด
9.การปรับปรุงสภาพการทำงานและสิ่งแวดล้อมในการทำงาน เพื่อการกำหนดมาตรการความปลอดภัย
10.การประกันการประสบอุบัติเหตุ ส่งเสริมมาตรการการป้องกันอุบัติเหตุและโรคจากการทางานและเป็นการปฏิบัติ อย่างจริงจัง
บทบาทของพยาบาลอาชีวอนามัย
การบริหารจัดการผู้เจ็บป่วยรายกรณี นับเป็นการ จัดเตรียมให้การ ดูแลรักษา ช่วยเหลือติดตามและส่งต่อ ตลอดจนการให้ การ ดูแลเร่งด่วนในเบื้องต้น
การส่งเสริมสุขภาพและลดความเสี่ยง พยาบาลอาชีวอนามัยจำเป็นต้องมีทักษะในการสอน และพัฒนาโครงการ จัดการศึกษาฝึกอบรมด้านสุขภาพให้แก่พนักงาน ตลอดจนกระตุ้นให้เขาเหล่านั้นมีความ รับผิดชอบต่อการดูแลสุขภาพของเขาเอง นับตั้งแต่การสูบบุหรี่ การออกกำลังกาย เป็นต้น
การให้คาปรึกษาหารือ และการจัดการดูแลในภาวะวิกฤติ การให้คาปรีกษาหารือแก่ คนงานเกี่ยวกับการเจ็บปวยหรือการบาดเจ็บจากการทางาน บ่อยครั้งพยาบาลอาชีวอนามัยได้ขยายบทบาทให้ คาปรึกษาไปถึงวิธีการดาเนินชิวิตประจาวัน
การปฏิบัติตามข้อกาหนดกฎหมาย จากกฎเกณฑ์ข้อบังคับขององค์กรความปลอดลัยและ การบริหารจัดการด้านสุขภาพ(OSHA) หรือกฎหมายต่างๆทีมีผลบังคับใช้ในกลุ่มสถานประกอบการ
การปกป้องจากสิ่งก่ออันตรายในสถานประกอบการของผู้ใช้แรงงาน พยาบาลอาชีวอนามัย จาเป็นต้องรู้สภาวะสุขภาพของพนักงาน ที่ปฏิบัติงานอยู่ในกระบวนการขั้นตอนผลิตตั้งแต่ต้น จนจบ จะต้องมี ความรู้ว่าสิ่งแวดล้อมการทางาน ลักษณะงาน และกระบวนการทางาน
ขอบเขตของงานอาชีวินามัย
การส่งเสริมและธารงรักษาไว้ ซึ่งสุขภาพดีของคนงานทุกอาชีพทั้งร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง สมบูรณ์ และความเป็นอยู่ที่ดีในสังคม
2.การป้องกัน เป็นกระบวนการที่มีจุดหมายให้จัดการป้องกัน แก้ไข สภาพการทางาน ลักษณะ งาน และสิ่งแวดล้อมในงาน ไม่ให้คนงานมีการได้รับอันตราย เจ็บป่วย หรือเสื่อมโทรมตลอดจนเกิดอาการ ผิดปกติ เนื่องจากสภาพการทางานที่เสี่ยงต่ออันตรายหรือการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ
3.การคุ้มครองคนงาน งานที่จัดขึ้นต้องมีระบบปกปูองคุ้มครองมิให้ได้รับการเสี่ยงอันตรายทั้ง ระบบสั้นและระบบยาว
จัดคนงานให้ได้ทางานในลักษณะงาน สิ่งแวดล้อมการทางานที่เหมาะสม
5.มีการจัดปรับงานให้เข้ากับคนและจัดปรับคนให้เข้ากับงาน การดำเนินงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยจะมีขอบเขตที่เกี่ยวข้องเฉพาะปัญหาสุขภาพอนามัย(Health problems) ของคนที่เกิดจากการทางาน
อันตรายจากสภาพแวดล้อมในการทางานและการควบคุม
1.อันตรายจากสภาพแวดล้อมทางเคมี (Chemical Environmental Hazards)
เกิดจาก การสารเคมีมาใช้ในการทำงาน หรือมีสารเคมีที่เป็นอันตรายเกิดขึ้นจากขบวนการผลิตของงานรวมทั้งวัตถุพลอยได้จากการผลิต เช่น
1.กลุ่มสารเคมีที่เป็นพิษ ก๊าซพิษ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ตัวทำละลาย
2.ฝุ่นละอองที่ทาให้เกิดโรคปอด
3.สารเคมีที่ก่อมะเร็ง
อันตรายจากสภาพแวดล้อมทางกายภาพ(Physical Environmental Hazards) สิ่งแวดล้อมทางกายภาพที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ประกอบอาชีพนั้น จะอยู่ในลักษณะของการได้รับหรือสัมผัส กับสภาพแวดล้อมในลักษณะที่ไม่พอดีหรือผิดจากปกติธรรมดา อันตรายทางด้านกายภาพ ได้แก่
1.เสียง (Noise)
2.แสงสว่าง (Lighting)
3.ความสั่นสะเทือน (Vibration)
4.อุณหภูมิที่ผิดปกติ (Abnormal temperature)
5.ความดันบรรยากาศที่ผิดปกติ (Abnormal pressure)
6.รังสี (Radiation)
3.อันตรายจากสภาพแวดล้อมทางชีวภาพ(Biological Environmental Hazards) เกิดจากการทางานที่ต้องเสี่ยงต่อการสัมผัสและได้รับอันตรายจากสารทางด้านชีวภาพ (Biohazardous agents) แล้วสารชีวภาพนั้นทาให้เกิดความผิดปกติของร่างกาย หรือมีอาการเจ็บป่วยเกิดขึ้น เช่น
1.เชื้อจุลินทรีย์ต่างๆ
2.ฝุ่นละอองจากส่วนของพืชหรือสัตว์
3.การติดเชื้อจากสัตว์หรือแมลง
4.การถูกทำร้ายจากสัตว์หรือแมลง
อันตรายจากสภาพแวดล้อมทางด้านการยศาสตร์(Ergonomics) เป็นอันตรายที่เกิด จากการใช้ท่าทางทำงานที่ไม่เหมาะสม วิธีการปฏิบัติงานที่ไม่ถูกต้อง การปฏิบัติงานที่ซ้ำซาก และความไม่สัมพันธ์กันระหว่างคนกับงานที่ทำ