Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 แนวทางการดำเนินงานอาชีวอนามัย, นางสาวรุ่งธิดา วันจงคำ 621201151 -…
บทที่ 5 แนวทางการดำเนินงานอาชีวอนามัย
ความหมาย
อาชีวอนามัย “Occupational Health”
อาชีวะ (Occupation)
หมายถึง การเลี้ยงชีพ การประกอบอาชีพ บุคคลที่
ประกอบ สัมมาชีพ หรือคนที่ประกอบอาชีพทุกสาขาอาชีพ
อนามัย (Health)
หมายถึง สุขภาพอนามัย ความไม่มีโรค หรือสภาวะความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ประกอบอาชีพ
องค์การอนามัยโลก และองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ
อาชีวอนามัย หมายถึง สุขภาพอนามัยของผู้ประกอบอาชีพทุกภาคส่วนของประเทศ ควรจะมีสภาวะที่สมบูรณ์ดีทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สัมพันธภาพ และสถานภาพในสังคม
ความสำคัญของงานอาชีวอนามัย
รวมทั้งอุบัติเหตุ หรือความเสี่ยงในการเกิดอันตรายจากการปฏิบัติงาน ซึ่งต้องทำงานประมาณวันละ 8 ชั่วโมง
ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่อาจจะประกอบด้วยสิ่งอันตราย ทั้งทางกายภาพ ทางเคมี ชีวภาพ ทางจิตวิทยาสังคม
งานอาชีวอนามัยที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและการธำรงรักษาไว้ซึ่ง
สุขภาพอนามัยที่แข็งแรง สมบูรณ์ ปลอดภัย ของผู้ประกอบอาชีพ ไม่มี โรคภัยไข้เจ็บ
ขอบเขตของงานอาชีวอนามัย
WHO และ ILO ได้ร่วมกันกำหนดขอบข่าย ลักษณะ
งานอาชีวอนามัยยไว้ว่าประกอบด้วยงานสำคัญ
การคุ้มครองคนงาน
จัดคนงานให้ได้ทำงานในลักษณะงาน สิ่งแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม
การป้องกัน
มีการจัดปรับงานให้เข้ากับคนและจัดปรับคนให้เข้ากับงาน
การส่งเสริมและธำรงรักษาไว้
(Health problems) ของคนที่เกิดจากการทำงาน ดังนี้
คนในขณะทำงาน (Workers)
ในผู้ที่ปฏิบัติงานอาชีพต่างๆจะได้รับการดูแลทางสุขภาพอนามัย การค้นหาโรคและอันตรายที่เกิดขึ้นที่เป็นผลมากจากการทำงาน การส่งเสริมสุขภาพอนามัย ป้องกันโรคอันตรายและอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากการทำงาน
สภาพสิ่งแวดล้อมของการทำงาน (Working Environment)
การสืบค้น (Identify)
การประเมินอันตราย (Evaluation)
การควบคุม (Control)
ขอบเขตของการดำเนินการอาชีวอนามัย
แบ่งออกเป็น 3 งานหลักดังนี้
การป้องกันและควบคุมอุบัติเหตุจากการประกอบอาชีพ
(Prevention and Control ofOccupational Accidents)
การป้องกันและควบคุมมลพิษในสิ่งแวดล้อม
(Environment Pollution Control)
การป้องกันและควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพ
(Prevention and Control ofOccupational Disease)
การป้องกันแบบทุติยภูมิ (Secondary Prevention)
การป้องกันแบบตติยภูมิ (Tertiary Prevention)
การป้องกันแบบปฐมภูมิ (Primary Prevention)
แนวทางการการดำเนินงานอาชีวอนามัย
แนวทางปฏิบัติงานบริการอาชีวอนามัยและ
ความปลอดภัยในโรงพยาบาล
1. การเฝ้าระวังสิ่งคุกคาม (Hazard surveillance)
การตรวจร่างกายแรกเข้าทํางาน
การตรวจร่างกายเป็นระยะ
การให้ความรู้แก่ผู้ปฏิบัติงาน
การรวบรวมรายงานโรคระบาดเจ็บจากการทำงาน
2. การเฝ้าระวังทางสุขภาพ (Health surveillance)
การแปลผลข้อมูล พบว่าสิ่งคุกคามอยู่ในระดับสูงถึงขีดอันตรายจําเป็นที่จะต้องมีการดูดและควบคุมโดยการแก้ไข
เก็บรวบรวมและบันทึกผลการตรวจวัดจัดทําข้อมูลเชิงสถิติดูแนวโน้มของปัญหา
การวิเคราะห์ตัวอย่างผลจากการวิเคราะห์ตัวอย่างให้นำมาเปรยีบเทียบกับค่า มาตรฐานโดยทั่วไปโดยใช้มาตราฐานของประกาศกระทรวงมหาดไทย
การกระจายข้อมูลข่าวสาร
การสํารวจและเก็บตัวอย่างสิ่งคุกคามการทํางานโดยการใช้แบบสํารวจ(check list)
แนวทางการดำเนินงานอาชีวอนามัย
ฟื้นฟูสภาพ
ตรวจพิเศษด้านอาชีวเวชศาสตร์
การรักษาพยาบาลและการส่งต่อ
การบันทึกระเบียนรายงาน
การป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ
หลักการป้องกันและควบคุมโรคที่เกิดจาก
การประกอบอาชีพ
3. การบริหารจัดการ
3.2 แยกแยะส่วนการทำงานของคนงานกับส่วนพื้นที่อันตราย
3.3 การพยายามหาสารที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงหรือ
เป็นอันตรายน้อยกว่า ทดแทนสาร
3.4 การเลือกใช้กระบวนการทำงานในขั้นตอนการผลิต
ที่เป็นอันตรายน้อยกว่า
3.5 ใช้วิธีปิดคลุมกระบวนการที่มีพิษหรืออันตราย
3.1 แบ่งการทำงานเป็นกะ
3.6 แยกกระบวนการที่เป็นอันตรายหรือเป็นพิษออกเป็นพื้นที่เฉพาะ
3.7 การใช้ระบบระบายอากาศทั้งแบบเฉพาะที่และแบบทั่วไป
เพื่อดูดอากาศ
3.8 การใช้ระบบเปียกชื้นปูองกันการฟุูงกระจายในกระบวนการ
ทำงานที่มีฝุ่นฟุุ้งกระจาย
3.9 การตรวจสภาพการทำงาน ติดตั้งสัญญาณเตือนภัย หรือเพิ่มระยะทาง
3.10 การเฝ้าระวังโรค
2. การควบคุมปูองกันด้านตัวบุคคล
การให้การศึกษาและฝึกอบรม แนะนำ ความรู้ความเข้าใจด้านสุขภาพอนามัยและความปลอดภัย แก่พนักงานทุกคน ทุกระดับ
ควบคุมและปูองกันทางด้านการแพทย์โดยวิธีการตรวจสุขภาพ
ทั้งก่อน เข้าทำงาน
1. การควบคุมและปูองกันที่สิ่งแวดล้อม
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานอาชีวอนามัย
ปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง
ความปลอดภัยและอาชีวอนามัยอยู่หลายฉบับ ยกตัวอย่าง เช่น
พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ เงินทดแทน (ฉบับที่ 2 พ.ศ.2561)
พระราชบัญญัติ โรงงาน พ.ศ. 2535 แก้ไขโดย พระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ 3 พ.ศ.2562)
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7 พ.ศ.2562)
พระราชบัญญัติ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554
พระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4 พ.ศ.2558)
ระเบียบกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ว่าด้วยพนักงานกองทุนเพื่อผู้ใช้แรงงาน พ.ศ.2558 เป็นต้น
บทบาทและหน้าที่ของพยาบาลในงานอาชีวอนามัย
การส่งเสริมสุขภาพและลดความเสี่ยง
การปฏิบัติตามข้อกาหนดกฎหมาย
การให้คำปรึกษาหารือ และการจัดการดูแลในภาวะวิกฤต
การปกป้องจากสิ่งก่ออันตรายในสถานประกอบการของผู้ใช้แรงงาน
การบริหารจัดการผู้เจ็บป่วยรายกรณี
พยาบาลอาชีวอนามัย จะมีบทบาทแบ่งออกเป็น 4 บทบาทที่สำคัญๆ
ด้านการศึกษา
การบริการในคลินิก
ด้านการวิจัย
ด้านบริหาร
อันตรายจากสภาพแวดล้อมในการทํางานและการควบคุม
อันตรายจากสภาพแวดล้อมทางด้านการยศาสตร์(Ergonomics)
บรเิวณไหล่ ได้แก่ อาการอักเสบของเอ็นกล้ามเนื้อไบเซพ(BicipitalTendinitis)
บรเิวณหลัง ได้แก่ อาการปวดหลัง (Low back pain)
บรเิวณคอ ได้แก่ อาการปวดตึงบรเิวณคอ (Tension neck syndrome)
อันตรายที่เกิดขึ้นทางด้านจิตใจ เช่น ความเบื่อหน่าย ความเครียด
การเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากการทํางาน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด ไม่ได้ตัั้งใจให้เกิดขึ้น
ไม่สามารถควบคุมได้และหลีกเลียงไม่ได้ขณะนั้น
อันตรายจากสิ่งแวดล้อมทางจิตวิทยาสังคม
การเกิดความกดดันจากสภาพงานที่ไม่เหมาะสม เช่น ทํางานเป็นผลัดหรือเป็นกะนอกเหนือจากเวลาปกติ
การเกิดอุบัติเหตุจากปัญหาจิตวิทยาสังคม เช่น
งานบางอย่างอาจเกิดความซ้ำซาก
การเกิดความเครียดหรือรู้สึกเบื่อหน่ายต่องาน ซึ่งเกิดจากความต้องการขั้นพื้นฐานไม่ได้รับการตอบสนอง เช่น ค่าจ้างต่ำ
สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุจากการทํางาน
การทางานที่มีอัตราเร่งความเร็วของงานและเครื่องจักรเกินกําหนด
การถอดอุปกรณ์ป้องกันออกจากเครื่องจักรโดยไม่มีเหตุอันสมควร
การใชอุปกรณ์เครื่องมือที่เป็นเครื่องงจักรกลต่างๆ
การดูแลซ่อมบํารุงอุปกรณ์เครื่องจักรในขณะที่กําลังทํางาน
อันตรายจากสภาพแวดล้อมทางชวีภาพ
(Biological Environmental Hazards)
การเป็นโรคพยาธิอาจเกิดในเกษตรกรที่ทำงาน
เกี่ยวข้องกับแหล่งโปรโตซัว หรือพยาธิแมลงนําโรค
การติดเชื้อโรคต่างๆ พบในเกษตรกรหรอืคนงานที่
คลุกคลีกับสัตว์หนังสัตว์หรือฟางข้าว
แนวทางการป้องกันการประสบอันตราย
การตรวจความปลอดภัยโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจัดให้มีเจ้าหน้าที่เพื่อทําการตรวจด้านความปลอดภัยในการทํางานตามที่ระบุไว้
ตามกฎหมายอย่างเหมาะสมถูกต้อง
กฎหมายความปลอดภัยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรมแรงงาน ควรได้มการพิจารณาปรบัปรุงกฎหมายด้านความปลอดภัยในการทํางานให้มีขอบเขตสอดคล้องเหมาะสม
การกําหนดมาตรการความปลอดภัยโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการทํางานควรศึกษาข้อมูลเกียวข้องและผลกระทบต่างๆ ด้านความปลอดภัย
อันตรายจากสภาพแวดล้อมทางเคมี
( Chemical Environmental Hazards)
2.การสั่นสะเทือน
3.ความกดบรรยากาศที่ผิดปกติ
1.มลพิษทางเสียง
4.ความร้อน
5.แสงสว่าง
6.รังสี
หลักการป้องกันและควบคุมโรค
การควบคุมป้องกันด้านตัวบุคคลเพื่อส่งเสริม ศักยภาพของแต่ละบุคคลและเพื่อความปลอดภัยในการทำงานสูงสุด
การบริหารจัดการสถานประกอบการควรได้มีการบริหารจัดการเกี่ยวกับการควบคุมป้องกันโรค หรืออันตรายจากการประกอบอาชีพ
การควบคุมและป้องกันที่สิ่งแวดล้อมด้วยการตระหนักถึงความปลอด
ภัยเป็นอันดับแรกด้วยวิธีการจัดระเบียบสถานที่ทํางาน
การดูแลตรวจสอบระบบควบคุม
อันตรายจากสภาพแวดล้อมทางกายภาพ
(Physical Environmental Hazards)
สารเคมีฟุ้งกระจายในรูปอนุภาค (Particulate)
เป็นรูปหนึ่งของสารเคมีที่อาจอยู่ในรูปของแข็งหรือ
ของเหลวมีขนาดตั้งแต่โมเลกุลเดียว
สารเคมีฟุ้งกระจายในรูปก๊าซและไอระเหย (Gas and vapour)
สารเคมีในรูปของก๊าซ หมายถึงสารเคมีในรูปของไหลที่มีรูปร่างไม่แน่นอนเปลียนแปลงไปตามภาชนะที่บรรจุ
ปัญหาการประสบอันตรายจากการทํางาน
สิ่งแวดล้อม คือ ตัวองค์กรหรือสถานประกอบการ สภาพของการทํางานที่มีองค์ประกอบต่างๆเพื่อให้มีการดําเนินงานได้โดยรอบตัวของผู้ปฏิบัติงาน
อุปกรณ์เครื่องงจักร เครื่องมือ คือวัสดุอุปกรณ์ที่จําเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงานในสถานประกอบการเพื่อการผลิตและบรรลุเป้าหมาย
ในการทำงาน
ตัวบุคคล คือ ผู้ประกอบการลูกจ้างและบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการทํางาน ซึ่งเป็นตัวสาเหตุใหญ่ทีก่อให้เกิดอุบัติเหตุหรือ
อันตรายจากการทํางาน
นางสาวรุ่งธิดา วันจงคำ 621201151