Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

การพยาบาลผู้ป่วย Acute Leukemia with UGIB - Coggle Diagram

- - - - 1.ประเมินช่องปากก่อนให้ยาเคมีบำบัด ถ้าพบว่ามีฟันผุหรือโรคเหงือก ควรได้รับการรักษาก่อนที่จะเริ่มให้ยาเคมีบำบัด
      - 2.รักษาความสะอาดของช่องปากและฟันอย่างถูกวิธี โดยใช้แปรงสีฟันที่นุ่มเป็นพิเศษ บ้วนปากให้สะอาดหรือบ้วนปากด้วยน้ำเกลือหลังแปรงฟัน หลังอาหารทุกมื้อและก่อนนอน
      - 3.ตรวจประเมินภายในช่องปากอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
      - หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นความเจ็บปวด เช่น อาหารร้อน อาหารที่มีรสจัด
      - ดูแลให้ได้รับยาantisepticchlorhexidine,providoneiodine,hydrogenperoxideยา antibacterial, antifungal, antiviral agent เช่น nystatin, clotrimazole, acyclovir เพื่อทำลาย เชื้อก่อนหรือระหว่างให้ยาเคมีบำบัดตามแผนการรักษา
      - ดูแลให้ได้รับอาหารที่มีBeta-carotine(pro-vitaminA)เช่นแครอทบร็อคโครี่มันเทศ แคนตาลูป ผักกาดเขียว เป็นต้น Vitamin E เช่น เมล็ดทานตะวัน มะเขือเทศ บร็อคโครี่ ผักใบเขียว ถั่ว ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันเซลล์ และอาหารที่มีกลูตามีน ได้แก่ เนื้อวัว ปลา ไข่ นม ถั่วเหลือง ข้าวสาลี เป็นต้น ซึ่งมีคุณสมบัติในการส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์เยื่อบุ
- - - - ดูแลให้การช่วยเหลือในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
      - 5.แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของธาตุเหล็ก มากเพื่อส่งเสริมการสร้างเม็ดเลือดแดง เช่น ไข่แดง เนื้อสัตว์ ตับ ถั่ว ผักที่มีสีเขียว เป็นต้น
      - อธิบายเหตุผลที่ต้องจำกัดกิจกรรม ให้ผู้ป่วยได้มีส่วนร่วมในการวางแผนกิจกรรมประจำวันรวมถึงเวลาพักผ่อน เพื่อสงวนพลังงานผู้ป่วย
      - 6.บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง และสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด เช่น อาการเหนื่อย หายใจหอบ ชีพจรเร็ว ถ้ามีอาการดังกล่าวควรรายงานแพทย์เพื่อให้ออกซิเจน
      - ให้ผู้ป่วยนอนพักผ่อนบนเตียง เพื่อลดการใช้ออกซิเจน จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ลดแสงและเสียงรบกวน วางแผนให้การพยาบาลเพื่อไม่ให้รบกวนผู้ป่วยโดยไม่จำเป็น
      - ประเมินความทนทานต่อกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยให้ใช้พลังงานเท่าที่ทนได้ไม่เหนื่อยเกินไป
- - - - จัดอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จัดบรรยากาศที่ส่งเสริมให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้มากขึ้น
      - ควรรับประทานอาหารอ่อนย่อยง่ายก่อนให้เคมีบำบัด ๓ -๔ ชั่วโมงหลีกเลี่ยงการหลังให้เคมีบำบัดให้รับประทานอาหารอ่อนหรือเหลวใส ครั้งละน้อยๆแต่บ่อย หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ไขมัน ของทอดทุกชนิด รวมทั้งอาหารที่ใส่เครื่องเทศ
      - จัดมื้ออาหารให้รับประทานครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยขึ้นะให้รับประทานทุกครั้งเมื่อรู้สึกหิว แม้จะไม่ใช่มื้ออาหาร แต่ถ้าผู้ป่วยรู้สึกคลื่นไส้ ไม่ควรกระตุ้นให้รับประทาน
- - - - 2.ประเมินสัญญาณชีพทุก 15 นาที 4 ครั้ง ทุก 30 นาที 2 ครั้ง และทุกๆ 1 ชั่วโมง เพื่อประเมินอาการผิดปกติ
      - ประเมินลักษณะอาการและอาการแสดงของการแพ้ เช่น มีผื่นหรือตุ่มน้ำนูน แดง แน่นหน้าอก หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ใจสั่น เวียนศีรษะ หายใจติดขัด หากพบอาการเหล่านี้ให้รีบรายงานแพทย์
      - ดูแลให้ได้รับยา Zavedos/Idarubicin (ED)cp 10 mg Vi ผสม 16mg in NSS 50 ml ตามแผนการรักษา
      - อธิบายให้ครอบครัวและผู้ป่วยทราบชนิดของยาเคมีบำบัดที่ได้รับ ตลอดจนผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง และการทดสอบการแพ้เพื่อให้เกิดความเข้าใจและความร่วมมือในการดูแลรักษา
      - ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น เช่น Blood electrolyte, serum uric acid, urine
        pH เพื่อปรับเปลี่ยนแผนการดูแล
      - เตรียมอุปกรณ์การช่วยเหลือเมื่อเกิดการแพ้ไว้ใกล้เตียงผู้ป่วย เพื่อให้การช่วยเหลือหากผู้ป่วยมีอาการแพ้
- - - - 1.ประเมินการรับรู้ของผู้ป่วยต่อการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ ความสามารถ บทบาทและแบบแผนการใช้ชีวิต โดยกระตุ้นให้ผู้ป่วยพูดถึงความรู้สึก และสังเกตพฤติกรรมการแสดงออก
      - 2.ร่วมปรึกษากับผู้ป่วยในการปรับปรุงภาพลักษณ์และอื่นๆ
        ให้ดีขึ้น เน้นความเป็นไปได้ตามสภาพความเป็นจริง
      - 3.ส่งเสริมการปรับตัวของผู้ป่วยต่อการเปลี่ยงแปลง
        ภาพลักษณ์และอื่นๆดังนี้
        
        3.1 อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าการที่ผมร่วงจะเกิดขึ้นประมาณ 2 อาทิตย์หลังการให้ยาเคมีบำบัดครั้งแรก ซึ่งแต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน ผมร่วงจะเกิดขึ้นชั่วคราวโดยที่จะงอกขึ้นใหม่เมื่อการให้เคมีบำบัดครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลงประมาณ 2-3 เดือน แนะนำให้ผู้ป่วยตัดผมให้สั้นเพื่อลดความวิตกกังวล การดูแลผมเพื่อให้ผมร่วงน้อยลงโดยการใช้แปรงที่มีขนนุ่มและหวีผมเบาๆ ใช้แชมพูอ่อนๆในการสระผม งดย้อมและดัดผม
        
        3.2 อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าผิวหนังและหลอดเลือดดำจะมีสีเข้มขึ้น อาการนี้จะเกิดขึ้นชั่วคราวแนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดเนื่องจากผิวหนังในระหว่างนี้จะไวต่อแสงมาก ถ้าจำเป็นต้องถูกแสงแดดให้ทาครีมกันแดด สวมเสื้อแขนยาว สวมหมวก หรือร่ม
        
        3.3 อธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าเล็บจะมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากระหว่างให้เคมีบำบัดเล็บจะหนาขึ้น ไม่งอก จมูกเล็บจะชัดเจน สีเข้มขึ้น อาการที่เกิดจะเป็นแค่อาการชั่วคราว
      - 4.ให้กำลังใจและคำชม เมื่อผู้ป่วยมีพฤติกรรมการปรับตัวที่ดี เช่น สนใจตนเอง มีสัมพันธภาพที่ดีกับคนรอบข้างและคนในครอบครัว
- - - - เช่น การโกนขน การเจาะเลือด การฉีดยาเข้ากล้าม หรือจำเป็นควรใช้เข็มที่คม และกดบริเวณที่ฉีดยาอย่างน้อย 5 นาที
    - - ได้แก่ จ้ำเลือดใต้ผิวหนัง เลือดออกตามไรฟัน เยื่อจมูก อาการเลือดออกที่ออกมากับอาเจียน ปัสสาวะ หรืออุจจาระ