Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Postpartum hemorrhage ; PPH - Coggle Diagram
Postpartum hemorrhage ; PPH
การพยาบาล
การพยาบาลที่สำคัญในการดูแลมารดาที่มีความเสี่ยงต่อการตกเลือดหลังคลอดในระดับสูง
1.จัดให้มารดาหลังคลอดอยู่ที่เตียงใกล้กับเคาน์เตอร์พยาบาลหรือมีพยาบาลดูแลใกล้ชิด
2.ติดตามวัดสัญญาณชีพอย่างใกล้ชิดทุก 5-15 นาที
ในระยะ 2 ชั่วโมงแรกหลังรับย้ายจากห้องคลอด
3.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและระดับยอดมดลูก ทุก 15 นาที
4.ประเมินกระเพาะปัสสาวะเต็มและกระตุ้นให้มารดาปัสสาวะเองภายใน 4-6 ชั่วโมง นับจากการปัสสาวะครั้งสุดท้ายของมารดา หากพบว่ามีกระเพาะปัสสาวะเต็มและมารดาไม่สามารถปัสสาวะเองได้ ให้ทำการสวนปัสสาวะทิ้ง
5.ให้สารน้ำท่ีมียากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกอย่างต่อเนื่องในอัตราหยด 120- 140 มิลลิลิตร/ชั่วโมง
6.หากพบว่ามีเลือดออกทางช่องคลอดอย่างต่อเนื่อง
(Active bleeding per vagina) ให้เฝ้าระวังอาการแสดงของภาวะช็อกจากการเสียเลือด (Hypovolemic shock) เช่น เวียนศีรษะ
หน้ามืด ใจสั่นเหงื่อแตก มือ-เท้าเย็น หากพบความผิดปกติดังกล่าวให้รายงานแพทย์และตามทีมในการช่วยเหลือแก้ปัญหาทันที
7.หากพบว่ามีอาการแสดงของ hypovolemic shock ให้จัดท่านอนราบศีรษะต่ำและให้ออกซิเจน Mask with bag 8-10 ลิตร/นาที
เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดและเพิ่มออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ใส่สายสวนปัสสาวะเพื่อติดตามปริมาณน้ำเข้า-ออก เปิดเส้นให้สารน้ำชนิด isotonic solution เพิ่มอีก 1 เส้น เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำในร่างกาย เจาะเลือดส่งห้องปฏิบัติการ ได้แก่ CBC, PT, PTT, INR ขอผลด่วนและจองเลือด Pack red cells 2 ยูนิต
ค้นหาสาเหตุของการตกเลือดว่าเกิดจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี
แผลฝีเย็บหรือสาเหตุอื่นๆ และให้การช่วยเหลือแพทย์ในการแก้ไข สาเหตุต่อไป
การพยาบาลมารดาท่ีมีความเสี่ยงต่อ
การตกเลือดหลังคลอดในระดับปานกลาง
3.สังเกตเลือดท่ีออกทางช่องคลอดหรือแผลฝีเย็บจากผ้าอนามัย ชั่งผ้าอนามัยและบันทึกทุก 30 นาที - 1 ชั่วโมงในระยะ 2 ชั่วโมงแรก หลังรับย้ายจากห้องคลอด หากไม่พบอาการผิดปกติในระยะ 2 ชั่วโมงแรก ให้ติดตามประเมินและบันทึกทุก 4 ชั่วโมงในระยะ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
7.ดูแลให้รับประทานอาหารและพักผ่อนอย่างเพียงพอ
ในระยะ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด
6.นำทารกมาเข้าเต้าเพื่อกระตุ้นการดูดนมมารดาโดยเร็วในรายท่ีไม่มีข้อห้ามในการให้นมแม่เพื่อช่วยกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก
5.ประเมินกระเพาะปัสสาวะและกระตุ้นมารดาให้ปัสสาวะเองทุก
4-6 ชั่วโมง
4.ให้สารนํ้าที่มียากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลกู อย่างต่อเนื่องในอัตราหยด 100-120 มิลลิลิตร/ชั่วโมง ต่อไปอีกจนครบ 12-18 ชั่วโมงหลังคลอด
2.ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและระดับยอดมดลูกทุก 30 นาที ในระยะ 2 ชั่วโมงแรกหลังรับย้ายจากห้องคลอด
1.บันทึกสัญญาณชีพ
การพยาบาลผู้คลอดที่มีภาวะตกเลือดหลังคลอด
ประเมินสัญญาณชีพ ประเมินการหดรัดตัวของมดลูก และประเมินอาการแสดงของภาวะช็อก ได้แก่ ชีพจรเบาเร็ว ความดันโลหิตลดลง เหงื่อออก ตัวเย็น หน้ามืด ใจสั่น ซีด กระสับกระส่าย มีเลือดออกทางช่องคลอดปริมาณมาก รีบรายงานแพทย์ พร้อมหาทีมการพยาบาลช่วยเหลือเพิ่มโดยด่วน และจัดให้ทีมคลึงมดลูกตลอดเวลา
ให้ออกซิเจนทางหน้ากาก 10 L/min เพื่อป้องกันการขาดออกซิเจน
ดูแลให้สารน้ำ เลือดและส่วนประกอบของเลือดด้วยเข็มขนาดใหญ่อย่างน้อย 2 เส้น ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกตามแผนการรักษา เช่น Oxytocin Methylergometrine Misoprostol
4 เม็ด เหน็บทางทวารหนัก
4.ใส่สายสวนปัสสาวะค้างไว้เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะว่างและประเมินปริมาณปัสสาวะที่ออก
ติตตามสัญญาณชีพทุก 15 นาที ใน 1 ชั่วโมงแรกหรือบ่อยกว่านี้ พร้อมประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและการเสียเลือดเพื่อประเมินภาวะ Shock
ดูแลจัดให้นอนหงายราบ เพื่อให้เลือดจากส่วนต่างๆของร่างกายไหลกลับเข้าสู่หัวใจได้มากขึ้น เลือดจะไปเลี้ยงสมองและอวัยวะส่วนต่างๆได้ง่าย
ถ้ามีเลือดออกเนื่องจากมีเศษรกค้างอยู่ในโพรงมดลูก ต้องรายงานแพทย์เตรียมอุปกรณ์ในการขูดมดลูกไว้ให้พร้อมและดูแลอาการอย่างใกล้ชิดขณะแพทย์ทาการขูดมดลูกและภายหลังขูดมดลูกแล้ว
ถ้ามีเลือดออกทางช่องคลอดเนื่องจากมีการฉีกขาดของช่องทางคลอดร่วมด้วย เย็บแผลที่ฉีกขาดเพื่อให้เลือดหยุด
รายที่ได้รับเลือดหรือส่วนประกอบของเลือด สังเกตภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการได้รับเลือด เช่น อาการ แพ้ หนาวสั่น เพื่อจะได้ให้การช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม สาหรับการหยุดเลือดด้วย
Condom balloon tamponade
ประเมินผลค่า hematocrit หลังให้เลือดตามแผนการรักษา
และติดตามผลการตรวจทางห้อปฏิบัติการ
บันทึกปริมาณน้าเข้าและออกจากร่างกายตลอด 24 ชั่วโมง
ตามแผนการรักษาเพื่อประเมินการเสียเลือดและการขาดน้ำ
ดูแลความสุขสบายทั่วๆไป ให้ความอบอุ่นและป้องกันการสูญเสียความร้อนของร่างกาย
14.ดูแลทางด้านจิตใจโดยอยู่เป็นเพื่อนให้กาลังใจสร้างความมั่นใจในการดูแลช่วยเหลือ แจ้งผู้คลอดและญาติให้เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระดับความรุนแรงและแนวทางการรักษา
งดอาหารและน้ำทางปากเตรียมความพร้อมกรณีจำเป็นต้องได้รับการดมยาสลบเพื่อการผ่าตัดมดลูก
ตัวอย่างข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 1
มีภาวะตกเลือดหลังคลอดเนื่องจากรก/เศษรกค้าง
กิจกรรมการพยาบาล:
เรียกทีมช่วยเหลือ
ประเมินสัญญาณชีพทุก 15 นาที จนมีอาการปกติ หลังจากนั้นบันทึกทุก 4 ชั่วโมง สังเกตระดับความรู้สึกตัวและอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด ใจสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ซีด เพื่อประเมินการตอบสนองของร่างกายต่อปริมาณเลือดท่ีลดลงในระบบการไหลเวียนเลือด
ประเมินการหดรัดตัวของมดลูกและคลึงมดลูกจนหดรัดตัวกลมแข็งและกดไล่ก้อนเลือดท่ีอาจค้างอยู่ในมดลูกซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้มดลูกหดรัดตัว ไม่ดี และสังเกตการหดรัดตัวของมดลูกต่อไปอีก ทุก 15 นาที
ตรวจการฉีกขาดของช่องทางคลอด ตรวจความสมบูรณ์ของรกซ้ำรวมทั้งสังเกตลักษณะและจำนวนเลือดที่ออกทางช่องคลอดโดยสังเกตจากการชุ่มผ้าอนามัย ประเมินปริมาณการเสียเลือดโดยใช้ถุงตวงเลือดและชั่งผ้าซับเลือดทุกชิ้น
ดูแลให้สารน้ำตามแผนการรักษา
จัดท่าให้ผู้คลอดนอนราบตะแคงหน้าและให้ออกซิเจน
ดูแลให้กระเพาะปัสสาวะว่างโดยใส่สายสวนปัสสาวะคาไว้เพื่อไม่ให้ขัดขวางการหดรัดตัวของมดลูกและบันทึกปริมาณปัสสาวะทุก 1 ชั่วโมง เพื่อดูการทำงานของไต ถ้าเกิดภาวะช็อคปันสาวะจะออกน้อยกว่า 30 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง
ให้เลือดตามแผนการรักษาเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดง
เจาะเลือดดูค่าฮีมาโตคริตตามแผนการรักษา
ดูแลทางด้านจิตใจให้กำลังใจ สร้างความั่นใจในการดูแลรักษา
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบางที่ 2
อ่อนเพลียเนื่องจากเสียพลังงานจากการคลอดและสูญเสียเลือด
กิจกรรมการพยาบาล :
ดูแลให้นอนพักโดยจัดกิจกรรมพยาบาลให้พร้อมในเวลาเดียวกันเพื่อรบกวนมารดาหลังคลอดให้น้อยที่สุด จัดส่ิงแวดล้อมให้เอื้ออำนวยต่อการ พักผ่อนโดยลดแสงและเสียงท่ีรบกวนผู้ป่วย
ดูแลให้ดื่มน้ำและรับประทานอาหารที่มี ประโยชน์และเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
ดูแลและแนะนำการรักษาความสะอาดร่างกายเพื่อให้รู้สึกสดช่ืนขึ้น
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 3
เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อหลังคลอดเนื่องจากมีแผลในโพรงมดลูกจากการขูดมดลูกและมีการเสียเลือดมาก
กิจกรรมการพยาบาล :
ติดตามประเมินและสังเกตลักษณะแผลฝีเย็บ จำนวน สี และกลิ่นของ
น้ำคาวปลาทุกวัน
แนะนำและสอนผู้ป่วยให้ดูแลตัวเองในเรื่องการรักษาความสะอาดของร่างกายโดยเฉพาะการทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
วันละ 2 คร้ัง เช้า-เย็น
3.วัดและบันทึกอุณหภูมิร่างกายทุก 4 ชั่วโมง
วัดระดับยอดมดลูกและลงบันทึกทุกวัน
ดูแลให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา