Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พัฒนาการด้านคำยืมและการเปลี่ยนแปลงด้านไวยกรณ์ :loudspeaker: :pencil2: …
พัฒนาการด้านคำยืมและการเปลี่ยนแปลงด้านไวยกรณ์ :loudspeaker: :pencil2: :clapper:
ลักษณะของการยืมคำ แบ่งออก ๓ ลักษณะใหญ่::bulb:
๑. ทับศัพท์ หมายถึง การนำคำอีกภาษาหนึ่งเข้าไปใช้ในอีกภาษาหนึ่งโดยตรง :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
เช่น ไทยยืมภาษาจีนมาใช้ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ ซาลาเปา :chocolate_bar: :cookie: :corn: :coffee:
๒. การแปลศัพท์ หมายถึง การยืมความหมายของอีกภาาาหนึ่งมาใช้ โดยการแปลความหมายของศัพท์ชนิดคำต่อคำ :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
การยืมชนิดแปลศัพท์นี้ มี ๒ ลักษณะ บางครั้งนำเอาภาษาสันสกฟตมาเป็นคำแปล บางครั้งใช้คำไทยปนภาษาสันสกฤตหรือภาษาอื่น :chocolate_bar: :cookie: :corn: :coffee:
๓. การยืมความหมาย เป็นการยืมความหมายซึ่งเดิมไม่มีใช้อยู่ในภาษาไทยเข้ามาใช้ และสร้างคำขึ้นมาใหม่เพื่อใช้กับความหมายที่ยืมมา :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
สรุป::bulb:
การยืมคำและไวยากรณ์จากภาษาอื่น เป็นการเปลี่ยนแปลงภาษาที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น การรับนับถือศาสนา การรับประเพณีวัฒนธรรม การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี เป็นต้น การใช้ภาษาในยุคสมัยหนึ่งย่อมมีการสูญหายของคำศัพท์ เนื่องจากไม่ได้กล่าวถึงหรือใช้คำศัพทืนั้นอีก เมื่อมีการลดย่อมมีการเพิ่มด้วยการใช้ภาษาอื่นเข้ามาแทนที่แทนความหมายของศัพท์ที่ใช้ในช่วงสมัยนั้น :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
การสร้างคำตามแบบไวยากรณ์ภาษาบาลีและสันสกฤต ::bulb:
การสร้างคำแบบบาลีและสันสกฤตอันเป็นที่นิยมในภาษาไทย คือ การสร้างคำด้วยวิธีการสมาสและสนธิ :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
๑. ความหมายคงเดิม เช่น สุนทร + พจน์ = สุนทรพจน์ :chocolate_bar: :cookie: :corn: :coffee:
๒. ความหมายเปลี่ยนไป เช่น ราช + โอรส = ราชโอรส :chocolate_bar: :cookie: :corn: :coffee:
๓. ความหมายผิดไป เช่น สุธา + รส = น้ำชา :chocolate_bar: :cookie: :corn: :coffee:
๔. ความหมายอยู่ที่คำหน้าคำเดียว เช่น บุปผ + ชาติ = บุปผชาติ หมายถึง ดอกไม้ :chocolate_bar: :cookie: :corn: :coffee:
การสนธิ ใช้ในภาษาไทย มีลักษณะดังนี้::bulb:
๓. คำที่จะนำมาสนธิกัน ตามปกติจะต้องเป็นคำบาลีหรือสันสกฤต อาจจะเป็นสนธิบาลีกับบาลี สันกฤตกับสันสกฤต หรือ บาลีกับสันสกฤตก็ได้ :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
๑. คำที่จะนำมาสนธิกัน อย่างน้อยต้องมี ๒ คำอย่างมากไม่จำกัด :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
๒. เมื่อสนธิกันแล้ว จะต้องเป็นนคำเดียวกัน เช่นเดียวกับคำสมาส โดยปกติจะต้องแปลจากคำหลังย้อนไปคำหน้าเสมอ :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
๔. คำที่จะมาสนธิกัน ตามปกติจะต้องมีทั้งสระหน้าและสระหลัง สระหน้า คือ สระที่เป็นพยางค์สุดท้าย ของคำหน้า สระหลัง คือ สระที่เป็นพยางค์หน้าของคำหลัง สระนี้จะต้องเป็นสระล้วนๆ :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
การเรียงคำประสมกันเป็นคำสมาส::bulb:
๒. ถ้าบทขยายเป็นคำวิเศษณ์ จะเรียงบทบทขยายไว้ข้างหน้าหรือข้างหลังก็ได้ เช่น สุนทรพจน์/พจนสุนทร หมายถึง คำพูดที่ไพเราะ :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
๓. ถ้าบทหน้าประวิสรรชนีย์ที่พยางค์หลัง ให้ตัดวิสรรชนีย์ออก ทั้งนี้หมายถึงคำที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤตเท่านั้น :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
๔. ถ้าเป็นคำไทยให้เรียงตามระเบียบภาษาไทย เช่น แว่น + ตา = แว่นตา :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
๕. ถ้าเป็นคำซ้ำความ คำทั้ง ๒ มีความหมายเหมือนกัน ประสมกันเข้าไปเพื่ออีกคำหนึ่งไขความอีกคำหนึ่ว กรรีนีเรียงตามความนิยมของไทย ไม่ว่าคำนั้นมาจากภาษาอะไร กราเรียงจะไม่แน่นอน :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
๑. ถ้าเป็นคำที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต คือ เรียงบทขยายไว้ข้างหน้า เช่น โจรภัย - ภัยจากโจร :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
การยืมคำภาษาเขมร::bulb:
พบว่าคนไทยใช้อัการขอมคู่กับอักษรไทยมาจนถึงสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ จึงเลิกใช้อักษรขอม ฉะนั้นภาษาเขมรจึงเข้ามาปะปนกับภาาาไทยตั้งเเต่สมัยสุโขทัยหรือก่อนนั้น :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
๑. ตัวอย่างคำยืมภาษาเขมรในศิลาจารึก หลักที่ ๑ ของ พ่อขุนรามคำแหง :chocolate_bar: :cookie: :corn: :coffee:
:avocado: :apple: :pineapple: :grapes:
๒. การสร้างคำไวยากรณ์ภาษาเขมร การที่ภาษาไทยปัจจุบันมีคำยืมภาษาเขมรเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของไวยากรณ์ไทยด้วย :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
การสร้างคำของไวยากรณ์เขมร มี ๔ แบบ คือ ๑. การเติมอุปสรรค ๒. การลงอาคม ๓.การอัมภาสหรือการซ้ำคำ ๔. การสร้างคำแบบประสม :chocolate_bar: :cookie: :corn: :coffee:
:avocado: :apple: :pineapple: :grapes:
หลักสังเกตคำภาษาบาลีสันสกฤต ::bulb:
แม้ว่าคำภาษาบาลีและสันสกฤตจัดเป็นภาษาที่จัดอยู่ในตระกูลเดียวกัน แต่ลักษณะของคำและการใช้อักษรยังมีข้อแตกต่างกันอยู่ :male-teacher::skin-tone-2: :tea:
๑. สระภาษาบาลี มี ๘ ตัว คือ อำ อิ อี อุ อู เอ โอ :chocolate_bar: :cookie: :corn: :coffee:
สระสันสกฤตมี ๑๔ ตัว คือ อำ อิ อี อุ อู ฤ ฤา ฦ ฦา เอ ไอ โอ เอา :chocolate_bar: :cookie: :corn: :coffee:
๒. พยัญชนะบาลีมี ๓๓ ตัว พยัญชนะสันสกฤตมี ๓๔ ตัว (ไม่นับนิคหิต) คือ มีตัว ศ ษ เพิ่มเข้ามาอีกสองตัว :chocolate_bar: :cookie: :corn: :coffee:
๓. ตัวสะกดบาลี จะต้องมีพยัญชนะตามหลัง :chocolate_bar: :cookie: :corn: :coffee:
๔. ตัวสะกดในภาษาบาลีแบ่งออกเป็นสวงพวกคือ เป็นพยัญชนะวรรคพวกหนึ่ง เป็นเศษววรคพวกหนึ่ง :chocolate_bar: :cookie: :corn: :coffee:
การยืมคำเป็นการพัฒนาทางด้านคำไทยอย่างหนึ่ง เพราะเมื่อสังคมไทยเจริญรุ่งเรืองขึ้นโดยสร้างคำไทยมาใช้เพิ่มเติม และเมื่อมีการติดต่อสัมพันธ์กับชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะต่างชาติที่มีความเจริญ ทางวัฒนธรรม เรามักจะรับวัฒนธรรมของชาตินั้นมา และขณะเดียวกันรับคำของชาติอื่นมาให้พูดจากันด้วย
:coffee: :taco: :avocado: :apple: :pineapple: :grapes: