Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 8 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาของ ระบบทางเดินปัสสาวะระยะวิกฤต -…
บทที่ 8 การพยาบาลผู้ป่วยที่มีปัญหาของ
ระบบทางเดินปัสสาวะระยะวิกฤต
การปลูกถ่ายไต (Kidney transplantation)
เป็นวิธีการรักษาวิธีหนึ่งสำหรับผู้ป่วยได้ล้มเหลวเรื่อรังระยะสุดท้ายโดยการเปลี่ยนหรือปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคไ(Donor) ไปยังผู้ป่วยหรือผู้รับไต (recipient)
การพยาบาลหลังผ่าตัดผู้ป่วยควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากพยาบาลเพื่อสังเกตการทางานของไตใหม่ สังเกตอาการและอาการเปลี่ยนแปลงวัดสัญญาณชีพกระตุ้นให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวมีกิจกรรมในระยะแรกหลังผ่าตัดดูแลการรับประทานอาหารของผู้ป่วย
การพยาบาลผู้ป่วยก่อนผ่าตัดปลูกถ่ายไต
เตรียมผู้ป่วยโดยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับผ่าตัดปลูกถ่ายไตข้อดีข้อเสียในการรักษาซึ่งการเตรียมผู้ป่วยในระยะนี้ควรใช้เวลาประมาณ 1 เดือนก่อนทาการรักษา
เตรียมผู้ป่วยผ่าตัดพยาบาลต้องประเมินสภาพจิตใจของผู้ป่วยเจาะเลือดดูกลไกการทำงานของตับกลไกการหยุดเลือดการท หน้าที่ของหัวใจตรวจปัสสาวะและถ่ายเอ็กซเรย์ปอดแนะนำทำความสะอาดว่างกายทาความสะอาดบริเวณผิวหนังหน้าท้องให้อาหารอ่อนเย็นก่อนผ่าตัด
continuous ambulatory peritoneal dialysis (CAPD)
ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตเรื้อรังระยะที่ 5 มีระดับ eGFR น้อยกว่าหรือเท่ากับ 6 มล./ นาที /1.73 ตร.ม. และไม่พบสาเหตุที่ทาให้ไตเสื่อมการทางานชั่วคราว
ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะที่ 4 ขึ้นไปที่มีค่า eGFR มากกว่า 6 มล./นาที/ -1.73 ตร.ม. ที่มีภาวะแทรกซ้อนอากโรคไตเรื้อรัง
การให้คําแนะนําในการปฏิบัติตัวโดยทั่วไปสําหรับผู้ป่วยที่ได้รับการล้างไตทางช่องท้อง
-การดูแลแผลช่องสายออก (EXIT SITE CARE) แนะนำให้ผู้ป่วยดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายและผิวหนังบริเวณช่อสายออกสม่ำเสมอ
-การบันทึกผลการล้างไตทางช่องท้องอย่างต่อเนื่อง
-การจัดเก็บน้ำยาล้างไตควรเก็บแยกจากผู้ที่ห้องที่ทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำยา
-การสังเกตประจำวันโดยการวัดอุณหภูมิร่างกาย ชั่งน้ำหนักตัวและวัดความดันโลหิต
-การควบคุมสมดุลน้ำในร่างกายโดยการบันทึกปริมาณปัสสาวะที่ออกแต่ละวัน
-แนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยาตามแผนการรักษาของแพทย์
การบําบัดทดแทนไต (Renal replacement therapy, RRT)
Hemodiafiltration (HDF) เป็นการฟอกเลือดโดยอาศัยหลักการพา (convection) เป็นหลักและมีการทดแทนสารน้ำที่มีความบริสุทธิ์สูงเข้าสู่ร่างกายระหว่างฟอกเลือดร่วมด้วย
การพยาบาลก่อนทำ Hemodyalysis
วัดสัญญาณชีพ
ประเมินความสมดุลของน้ำและสารอิเลคโตรสัยส์
ดูแลการใช้ยาลดกาแข็งตัวของเลือด
ประเมินทางค้านจิตสังคมและปัญหาทางระประสาท
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
(Hemodialysis) การฟอกเลือดเป็นช่วง (Intermittent hemodialysis)-โดยทำการฟอกเลือดสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ๆ ละ 4-5 ชั่วโมง•รายละเอียดของการเลือกใช้ชนิดและขนาดตัวกรองน้ำยาฟอกเลือดและชนิดหลอดเลือดเทียนขึ้นอยู่กับลักษณะของผู้ป่วยแต่ละราย
การพยาบาลหลังทำ Hemodyalysis
สังเกตอาการและอาการเปลี่ยนแปลงบางรายอาจมีการเปลี่ยนแปลงในระยะท้าย
เมื่อถอดเข็มออกจากหลอดเลือดผู้ป่วยใช้ผ้าก๊อสสะอาดปราศจากเชื้อกดบริเวณแผลจนแน่ใจว่าไม่มีเลือดออกแล้วจึงปิดแผล
ชั่งน้ำหนักวัดสัญญาณชีพเขาะเลือดหา Hb และตัวอื่น ๆ ที่จำเป็นก่อนให้ผู้ป่วยกลับบ้าน
ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัวและอธิบายถึงอาการและผลการฟอกเลือดแกผู้ป่วย
ไตเรื้อรังระยะสุดทาย
(End Stage Renal Disease
2.การล้างไตทางหน้าท้อง (peritoneal dialysis)
3.การผ่าตัดปลูกถ่ายไต (kidney transplantation
1.การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis):
มีอาการหลายระบบ ได้แก่
• ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
• แผลในปาก เบื่ออาหาร ท้องผูก
• ภาวะนํ้าเกิน
• ความดันโลหิตสูง หัวใจวาย นํ้าท่วมปอด
• คันตามผิวหนัง
• โลหิตจาง เลือดออกง่าย
• ชาปลายมือปลายเท้า
• ชัก ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง