Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยที่ 3 แรงในชีวิตประจำวัน - Coggle Diagram
หน่วยที่ 3 แรงในชีวิตประจำวัน
1.แรงลัพธ์
แรงลัพธ์เป็นผลรวมของแรงตั้งแต่ 2 แรงขึ้นไป ที่ร่วมกันกระทำต่อวัตถุเดียวกันจึงมีผลทำให้วัตถุนั้นเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ไปตามผลของแรงลัพธ์ ซึ่งจะมีค่าเท่ากับการรวมแรงหลายแรงเป็นแรงเดียว
ในการวัดแรงนั้น นักเรียนสามารถใช้เครื่องชั่งสปริงวัดค่าของแรงลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งมีหน่วยเป็นนิวตัน (โดยมีการเรียกหน่วยของแรงตามชื่อของ เซอร์ ไอแซก นิวตัน)”
ในชีวิตประจำวันของเรามีการนำแรงลัพธ์มาใช้ประโยชน์มากมาย เช่น การปั่นจักรยานพ่วง การใช้สุนัขลากเลื่อน ซึ่งเกิดจากแรงหลายแรงที่กระทำทำให้วัตถุเคลื่อนที่ไปตามทิศทางของแรง และถ้าผลของแรงลัพธ์ที่มีค่าเป็นศูนย์ ก็จะทำให้สิ่งต่าง ๆ เกิดการหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้เช่นกัน
การออกแรงหลายแรงกระทำต่อวัตถุในทิศทางเดียวกัน จะมีค่าเท่ากับแรงเพียงแรงเดียว ผลลัพธ์ของแรงหลายแรงนี้ เรียกว่า แรงลัพธ์
2.แรงเสียดทาน
แรงเสียดทานเป็นแรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุสองชิ้น โดยผิววัตถุหนึ่งต้านทานการเคลื่อนที่ของผิววัตถุอีกผิวหนึ่ง ซึ่งแรงเสียดทานจะมีทิศตรงข้ามกับการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น ๆ แรงเสียดทานมีผลทำให้วัตถุที่กำลังเคลื่อนที่เกิดการเคลื่อนที่ช้าลงหรือหยุดนิ่ง
แรงเสียดทาน คือ แรงที่เกิดขึ้นระหว่างผิวสัมผัสของวัตถุ 2 ชนิด โดยเป็นแรงที่ต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุนั้น ซึ่งแรงเสียดทานเกิดขึ้นได้จากการสัมผัสกันระหว่างผิวของวัตถุกับพื้นผิวที่วัตถุเคลื่อนที่ไป
แรงเสียดทานเกิดจากการสัมผัสกันระหว่างวัตถุ 2 ชนิด ดังนี้ • ถ้าผิวสัมผัสของวัตถุทั้ง 2 ชนิด เรียบจะเกิดแรงเสียดทานน้อย ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ได้ง่าย • ถ้าผิวสัมผัสของวัตถุทั้ง 2 ชนิด ไม่เรียบจะเกิดแรงเสียดทานมาก ทำให้วัตถุเคลื่อนที่ได้ยาก
แรงเสียดทานเป็นแรงที่ต้านทานการเคลื่อนที่ของวัตถุจึงมีผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ แรงเสียดทานจะเกิดขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับน้ำหนักของวัตถุและลักษณะพื้นผิวสัมผัสของวัตถุ
น้ำหนักหรือแรงกดของวัตถุที่กดลงบนพื้น ถ้าน้ำหนักหรือแรงกดของวัตถุมาก จะเกิดแรงเสียดทานมาก แต่ถ้าน้ำหนักหรือแรงกดของวัตถุน้อย จะเกิดแรงเสียดทานน้อย
ลักษณะของพื้นผิวสัมผัส ถ้าพื้นผิวเรียบก็จะเกิดแรงเสียดทานน้อย แต่ถ้าพื้นผิวไม่เรียบก็จะเกิดแรงเสียดทานมาก
สรุปเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของแรงเสียดทาน
ข้อดี แรงเสียดทานระหว่างรองเท้ากับพื้นทำให้เราเดินหรือวิ่งไปได้ ถ้าแรงเสียดทานน้อยจะทำให้ลื่นหกล้มได้ง่าย ดังนั้น พื้นรองเท้าจึงต้องมีลวดลายเพื่อให้เกิดแรงเสียดทาน การเคลื่อนที่ของยานพาหนะในขณะที่รถแล่นนั้น ล้อกับถนนจะต้องมีแรงเสียดทาน เพื่อทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ตามทิศที่ต้องการ ถ้าไม่มีแรงเสียดทานรถจะแล่นไปไม่ได้ ล้อรถจะหมุนอยู่กับที่ และถ้ามีแรงเสียดทานน้อย จะทำให้รถเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่น เวลาฝนตกถนนลื่นรถที่วิ่งด้วยความเร็วสูงจะหยุดได้ยาก ยางรถยนต์จึงต้องมีดอกยางเป็นลวดลายเพื่อเพิ่มแรงเสียดทาน
ข้อเสีย แรงเสียดทานทำให้วัตถุเคลื่อนที่ช้าจึงต้องใช้แรงมากขึ้น เพื่อเอาชนะแรงเสียดทานทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมาก
3.ประโยชน์ของแรงเสียดทาน
แรงเสียดทานมีประโยชน์ในชีวิตประจำวันหลายกิจกรรม ในการใช้ประโยชน์จากแรงเสียดทานบางกิจกรรมต้องลดแรงเสียดทาน และในบางกิจกรรมต้องเพิ่มแรงเสียดทาน
ทำให้วัตถุหยุดนิ่งไม่เคลื่อนที่ เช่น ช่วยหยุดรถยนต์ที่กำลังเคลื่อนที่ ยางรถที่มีดอกยางช่วยให้รถเกาะถนนได้ดี
การสร้างพื้นถนนต้องทำให้ล้อรถเกิดแรงเสียดทานพอสมควรกับพื้นถนน รถจึงจะเคลื่อนที่บนถนนได้โดยที่ล้อรถไม่หมุนอยู่กับที่
ช่วยในการหยิบจับสิ่งของได้โดยไม่ลื่นไหลไปมา
การเดิน การวิ่ง ต้องการแรงเสียดทานมาช่วยในการเคลื่อนที่ ดังนั้น เราจึงควรใส่รองเท้าที่มีพื้นยาง และไม่ควรใส่รองเท้าที่เป็นพื้นไม้ เพราะรองเท้าพื้นยางจะเกิดแรงเสียดทานกับพื้นทางเดินได้มากกว่าพื้นรองเท้าที่เป็นไม้ ทำให้เดินได้ง่ายกว่าและเร็วกว่าโดยไม่ลื่นไถล นอกจากนี้ พื้นรองเท้าต้องมีลวดลาย เพื่อเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างผิวสัมผัส
กิจกรรมต่าง ๆ ต้องการแรงเสียดทานไม่เท่ากัน บางกิจกรรมต้องอาศัยแรงเสียดทานมาก เช่น การเล่นชักเย่อ การเล่นฟุตบอล การขับขี่รถยนต์ บางกิจกรรมต้องการแรงเสียดทานน้อย เช่น การเล่นกระดานลื่น การเคลื่อนย้ายสิ่งของไปบนพื้น ดังนั้นจึงต้องมีการเพิ่มหรือลดแรงเสียดทานให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่าง ๆ