Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบเลือด - Coggle Diagram
ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบเลือด
Medications Affecting Coagulation
ยาห้ามเลือดและทำให้เลือดแข็งตัว
Tranexamic acid (Transamin®)
ข้อบ่งใช้
ป้องกันภาวะที่มีเลือดออกผิดปกติขณะผ่าตัด ป้องกันและทุเลาการเสีย
เลือดในผู้ป่วย hemophilia
ผลข้างเคียง
มีลิ่มเลือดอุดตัน
คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน
การให้ยาทาง iv เร็วเกินไปจะทำให้เกิด hypotension
Vitamin K1 (Phytomenadione)
ข้อบ่งใช้
ได้รับยาห้ามการแข็งตัวของเลือดประเภท warfarin เกินขนาด
ภาวะ prothrombin ต่ำ(hypoprothrombinemia) เนื่องจากภาวะเป็นพิษจาก salicylate
ภาวะขาด vitamin K ซึ่งมีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
ผลข้างเคียง
Anaphylactoid reaction หลังจากฉีดเข้าทางเส้นเลือดดำ
ควรจำกัดอยู่เฉพาะในภาวะฉุกเฉินเท่านั้น
ผู้ป่วยต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิด
ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือดหรือละลายลิ่มเลือดที่เกิดขึ้น
Anticoagulants
parenteral
ชื่อยา : heparin
ผลข้างเคียง
เกิดเลือดออกได้
ไข้ หนาวสั่น มีผื่น
ชื่อยา : enoxaparin
ผลข้างเคียง
เลือดออกได้ง่าย
oral
ชื่อยา : warfarin (Coumadin)
Direct thrombin inhibitors
ชื่อยา : dabigatran (Pradaxa)
รักษา
Argatroban ป้องกัน thrombosis ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ heparin
Bivalirudin ให้ร่วมกับ aspirin ในผู้ป่วย coronary angioplasty
Dabigatran prevents stroke or embolism
Direct inhibitors of factor Xa
ชื่อยา : Rivaroxaban (Xarelto)
Antiplatelets
ชื่อยา : Aspirin
ผลข้างเคียง
คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง
ได้ยินเสียงหวิ่งๆในหู
เลือดออกแล้วหยุดยาก
Thrombolytic agents
ชื่อยา : alteplase(Activase, Cathflo Activase)
Blood and Blood Products
1.เลือดรวม (Whole blood)
เลือดที่เจาะเก็บจากผู้บริจาคโดยตรง
บรรจุในถุงปลอดเชื้อ โดย 1 unit มีประมาณ 350-450 cc มีค่า hematocrit อย่างน้อย 33%
สามารถให้เพื่อเพิ่มได้ทั้ง blood volume และ RBC โดยต้องให้เลือดหมู่เดียวกับผู้ป่วยแต่ไม่นิยม
2.เม็ดเลือดแดงเข้มข้น Packed red cell (PRC)
เลือดที่ปั่นแยกเอา plasma ออก
มีประมาณ 250 cc มีค่า hematocrit เท่ากับหรือน้อยกว่า 80% มีความหนืดสูงกว่าเลือดรวม
ลดความหนืดได้โดยการเจือจางด้วย 5%DN/2, 5%DNSS หรือ NSS100 cc/เลือด 1 unit
ไม่ควรผสม PRC กับสารน้ำที่มี Ca2+ เพราะทำให้เกิดลิ่มเลือดได้สามารถให้ในภาวะซีดจากสาเหตุต่างๆ
3.เกล็ดเลือดเข้มข้น Platelet concentrate
มีจำนวนเกล็ดเลือดมาก เม็ดเลือดขาวน้อย มีพลาสม่าบ้างไม่มาก มีประมาณ 50 cc มีอายุประมาณ 5 วัน เก็บที่อุณหภูมิ 20-24°c
ต้องเขย่าตลอดเวลาเพื่อป้องกันการจับกลุ่มกัน
platelet 1 unit สามารถเพิ่ม platelet ในร่างกายได้ 7,000-10,000/mm3
ควรให้กลุ่มเดียวกับเลือดของผู้ป่วยมิฉะนั้นจะทำให้ platelet มีอายุสั้นและนับจำนวนได้น้อย
4.พลาสม่ารวมชนิดแช่แข็ง Fresh frozen plasma (FFP)
ให้แก่ผู้ป่วยภายในเวลา 1 ชม. เพื่อป้องกันการสูญเสียหน้าที่ของ coagulation factor
สามารถใช้ในภาวะ bleeding ที่มี PT, PTT prolong ได้รับ anticoagulant (heparin, warfarin)
ภาวะแทรกซ้อนจากการให้เลือด
1.ปฏิกิริยาที่เกิดจากภูมิคุ้มกัน
เม็ดเลือดแดงแตกจากหมู่เลือดที่เข้ากันไม่ได้ (ABO incompatibility) โดยจะมีอาการ ไข้ หนาวสั่น เจ็บหน้าอก ปวดหลัง คลื่นไส้ ความดันเลือดต่ำ hemoglobinuria
ปฏิกิริยาที่เกี่ยวกับ WBC, platelet, plasma protein มีอาการไข้ บวมทั่วไปจนถึง anaphylaxis ได้
2.ปฏิกิริยาที่ไม่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน
เมื่อให้เลือดปริมาณมากและเร็ว ทำให้เกิด pulmonary edema ได้ง่าย จึงควรให้เป็น PRC
infection เช่น AIDS, viral hepatitis, malaria, syphilis
Hemoglobinuria จากเม็ดเลือดแดงเกิด hemolysis ตั้งแต่ในถุง ก่อนการให้เลือด
3.ภาวะแทรกซ้อนจากการให้เลือดมากๆ
มีตะคริวตามกล้ามเนื้อ หัวใจทำงานผิดปกติมีการสะสมของสารกันการแข็งตัวของเลือด ทำให้ระดับแคลเซียมลดลง
คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง ใบหน้า มือและขา มีอาการคล้ายเป็นอัมพาต
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับเลือด
1.การเตรียมผู้ป่วยก่อนให้เลือด
เจาะเลือดประมาณ 5-10 mL เพื่อตรวจสอบหมู่เลือดและการเข้ากันของเลือด ดูความถูกต้องแล้วส่งไปที่ธนาคารเลือด
รับเลือดจากธนาคารเลือด ตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง
ให้เลือดภายใน 4 ชั่วโมงหลังได้รับเลือดจากธนาคารเลือด
ตรวจสอบลักษณะของเลือดว่าไม่มีสีผิดปกติหรือฟองกาศ
ที่เกิดจากเชื่อแบคทีเรีย
2.ขณะได้รับเลือด
ดูแลให้เลือดไหลสะดวก แขวนถุงเลือดให้ถูกต้องทั้งปริมาณ และอัตราการให้ต่อนาที และไม่ควรให้นานเกิน unit ละ 4 ชั่วโมง
บันทึกสัญญาณชีพทุกชั่วโมง และสังเกตอาการ โดยเฉพาะ 10-30 นาทีแรกหลังจากให้เลือด
หากมีอาการแทรกซ้อน ให้หยุดการให้เลือดทันที
ตรวจสัญญาณชีพและรายงานแพทย์ หากมีอาการเหนื่อยหอบ
จัดให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง ให้ออกซิเจน
หากมีไข้ให้เช็ดตัว
หากให้เลือดผิดกลุ่มให้บันทึกสารน้ำเข้าออกจากร่างกายเพื่อดูการทำงานของไต
3.หลังได้รับเลือด
แนะนำผู้ป่วยพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายตามความเหมาะสม
สังเกตอาการผิดปกติของตนเอง
มีไข้สูง หนาวสั่น มีผื่นขึ้นตามตัว ตัวเหลืองหรือซีด ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย ท้องเสีย
ให้รีบรายงานให้แพทย์ทราบทันที
5.พลาสม่าแยกส่วน Cryoprecipitate
เป็นพลาสม่าที่ได้จากการนำ FFP มาละลายแล้วปั่นแยกส่วนได้พลาสม่า
เป็นตะกอนโปรตีนที่ทำการแยกมาจาก FFP มีประมาณ 10-20 cc ประกอบด้วย factor VIII, von Willebrand factor, fibrinogen และ fibronectin
ใช้เพื่อรักษา hemophilia A, von Willebrand’s disease, factor XIII deficiency หรือภาวะ Disseminated intravascular coagulation (DIC)
Growth Factors
กลุ่มของสารโปรตีนโพลีเปปไทด์ (polypeptide)ที่ทeหน้าที่ในการกระตุ้นการเจริญของเซลล์เม็ดเลือดชนิดต่างๆ เรียกว่า hemopoietic growth factors
Biological name – erythropoietin
ยา epoetin (EPO)
พัฒนาของเซลล์ต้นกำเนิดในไขกระดูกไปเป็นเม็ดเลือดแดง และทำหน้าที่กระตุ้นการสังเคราะห์เฮโมโกลบิน
ข้อบ่งใช้
สำหรับ ภาวะเลือดจางจากโรคไตเรื้อรังที่ไม่พบสาเหตุอื่นที่รักษาได้
ผลข้างเคียง
ความดันเลือดสูง
ภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำ
เวียนศีรษะ นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ คัน เจ็บตาม ผิวหนัง ผื่นขึ้น คลื่นไส้
อาเจียน ท้องผูก
ท้องร่วง อาหารไม่ย่อย ปวดข้อ ชา ไอ แน่นจมูก หอบเหนื่อย
ภาวะ Pure red cell aplasia (PRCA)
ภาวะไขกระดูกไม่สร้างเม็ดเลือดแดง