Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาควบคุมอารมณ์ (Antimanic or mood-stabilizing drugs), กลุ่มที่ 4 - Coggle…
ยาควบคุมอารมณ์ (Antimanic or mood-stabilizing drugs)
กลไกลการออกฤทธิ์
Lithium carbonate (LiCO3) เป็นสารประกอบของเกลือตามธรรมชาติ
สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายใน 1-3 hr
โดยแตกตัวเป็น Lithium ion
การทำงานหรือการเผาผลาญของสารกลุ่ม Sodium ใน nerve cell และ muscle cells ทำให้เกิด active norepinephrine ในสมองลดลง
ผู้ป่วยสงบลง
ยาถูกขับออกจากร่างกายผ่านไต
ข้อบ่งใช้ยา
ผู้ป่วยที่เป็น Bipolar mood disorders
โดยเฉพาะอาการ mania
ผู้ป่วยจิตเภท ที่ผิดปกติด้านอารมณ์ (Schizoaffective disorders) ที่ควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดี
ผู้ป่วยที่เเสดงอาการ Acute mania
ได้ผลร้อยละ 80 ในช่วง 1-2 wk
ผู้ป่วยจิตเภท ปัญญาอ่อนที่มีอาการก้าวร้าว (Aggression)
การปฎิบัติการพยาบาลเมื่อผู้ป่วยได้รับยากลุ่ม Antimanic or mood-stabilizing drugs
ควรให้ผู้ป่วยรับประทานยาระหว่างระหว่างอาหารหรือหลังอาหารทันที เพราะทำให้เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร
ในระยะแรกควรตรวจหาระดับ serum lithium level สัปดาห์ละ 2 ครั้งจนกว่าจะมีระดับคงที่ หรือควบคุมอาการ mania ได้
ระวังการใช้ยาอื่นที่เสริมฤทธิ์ของ Lithium เช่น Anti-inflammatory และยาที่ลดการทำงานของ Lithium เช่น Diamox หรือยาที่มีปริมาณSodium สูง
ติดตามประเมินผลการรักษาจากจากอาการของผู้ป่วย
การให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและครอบครัวเกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติในระหว่างการรักษา
รับประทานยาตามแพทย์สั่ง ไม่ควรเพิ่ม
หรือลดยาเอง ซึ่งยา Lithium
ต้องใช้เวลา 3 - 5 สัปดาห์จึงเห็นผลการรักษา
ดื่มน้ำมากๆ ประมาณวันละ 3 ลิตร
ห้ามออกกำลังกายในสภาพอากาศที่ร้อนจัด
สังเกตอาการไม่สูขสบาย และแจ้งให้แพทย์ทราบเมื่อมีอาการเกิดขึ้น
ห้ามลดอาหารที่รับประทานเป็นประจำ และไม่ควรงดอาหาร
สังเกตและประเมินอาการข้างเคียงของยา
ข้อห้ามการใช้ยา
ไตวายเฉียบพลัน (Acute renal failure) หรือมี ภาวะไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสีย (impaired renal function)
โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Acute or recent myocardial infarction)
ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive heart failure)
การตั้งครรภ์ในระยะเริ่มแรก (First-trimester of pregnancy) ทารกอาจมีความผิดปกติของลิ้นหัวใจ Tricuspid/ แบบ
Ebstein’s anomaly ได้
สมองถูกทำลาย
อยู่ในภาวะขาดน้ำรุนแรง
อาการข้างเคียง
ระยะแรกมักพบอาการปากแห้ง กระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย หรือบางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง ยิ่งเพิ่มยาเร็วยิ่งพบอาการเหล่านี้บ่อยขึ้น
อาการเป็นพิษจากยา (Toxicity)
ระดับลิเทียมเกิน 1.5 mEq/L ผู้ป่วยจะมีอาการอาเจียน
ท้องเสีย เดินเซ พูดไม่ชัด มือสั่นมาก
ระดับลิเทียม 2.0-2.5 mEq/L ผู้ป่วยจะมีอาการตาพร่ามัว กล้ามเนื้อกระตุก reflex ไว ชัก delirium และหมดสติ
ระดับลิเทียมในภาวะปกติ คือ 0.8-1.5 mEq/L
ระดับลิเทียมมากกว่า 2.5 mEq/L จะเกิดไตวาย เสียชีวิตได้
ผลข้างเคียงในระยะยาวที่สำคัญ ได้แก่ Interstitial nephritis, Goiter และ Hypothyroidism แต่พบได้น้อย
เป็นยาที่ใช้ควมคุมอารมณ์ของผู้ป่วยโดยปรับอารมณ์จากขั้วซึมเศร้า ให้กลับเข้าสู่อารมณ์ปกติและมีอาการสงบลง
กลุ่มที่ 4