Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Case กรณีศึกษา DM ,HT ,Hyper Ca, Hyper k, ARF - Coggle Diagram

- - - - ทำความสะอาดแผลที่ฝ่าเท้าทั้ง 2 ข้าง วันละ 2 ครั้ง เช้าและเข็นโดยใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดรอบ
        
        แผล ล้างแผลด้วย NSS Pack Gauze ชุu Povidone - lodine
        
        ให้ยาพาราเซตามอล (500 mg) 2 เม็ด เพื่อบรรเทาอาการปวด
        
        ให้คำแนะนำ
        
        : การรักษาความสะอาดของแผลที่ฝ่าเท้าขณะอยู่ที่บ้าน โดยไม่ให้แผลถูกน้ำและดิน
        
        : การดูแลรักษาความสะอาดของร่างกายทั่วไป
        
        : ให้รับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่และถั่วเมล็ดแห้ง เพื่อส่งเสริมการสมานของแผลและลดอาการปวดแผล
        
        : การเบี่ยงเบนความสนใจ จะช่วยให้ความรู้สึกความเจ็บปวดลดลง เช่น ฟังวิทยุ ดูดนตรี ดูโทรทัศน์ เป็นต้น
    - - 1.ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและญาติ ทราบถึงสาเหตุ อาการและอาการแสดงภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
        
        แนะนำให้ผู้ป่วยและญาติสังเกตอาการ และค้นหาสาเหตุของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
        
        ปรับอาหาร และการออกกำลังกายหรือการใช้แรงกายให้พอเหมาะ ไม่อดอาหาร หรือกินอาหารเลยมื้ออาหาร ไม่ใช้แรงกายหักโหมหรือหนักกว่าที่เคยทำ
        
        หากมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ ให้ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดจากปลายนิ้ว ก่อนดื่มน้ำหวาน
        
        หากระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 70 มิลลิกรัมต่อเดชิลิตรให้ประเมินความสามารถในการรับประทานอาหารและระดับรู้สึกตัวของรู้ป่วย
        
        แนะนำให้ผู้ป่วยตรวจระดับน้ำตาลปลายนิ้วก่อนอาหาร หลังอาหาร และก่อนนอนเป็นเวลา 3 วัน เพื่อประเมินระดับน้ำตาลในเลือด
    - - แนะนำเกี่ยวกับอาหาร ควรเลือกอาหารที่มีสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และ
        
        ไขมันในสัดส่วนที่พอเหมาะ รับประทานอาหารเป็นเวลา และงดดื่มน้ำหวาน
        
        สอนวิธีการอ่านฉลากโภชนาการ เพื่อให้ทราบสารอาหาร และปริมาณสารอาหาร
        
        แนะนำให้ผู้ป่วยออกกำลังกาย โดยการกระดกส้นเท้า ปลายเท้า การยก และกางแขน
        
        ออก การแกว่งแขน ถ้ามีแรงมากขึ้น ให้เดินออกกำลังกาย วันละประมาณ 30-50 นาที สัปดาห์ละ 3-5
        
        การใช้ยาตามแผนการรักษาของแพทย์ เมื่อระดับน้ำตาลปลายนิ้ว มากกว่าหรือเท่ากับ
        
        250 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ให้ฉีด Mixtard 30 (อินซูลิน 30/70) 10 ยูนิต เข้าใต้ผิวหนังก่อนอาหารเช้า
        
        ติดตามระดับน้ำตาลในเลือด โดยการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเอง วันละ 7 ครั้ง
        
        คือ ก่อนและหลังอาหาร เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน
        
        แนะนำให้สังเกตอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ได้แก่ ซึม อ่อนเพลีย ผิวแห้ง
        
        กระหายน้ำ อาเจียน ปวดท้อง ปวดเมื่อยตามร่างกาย ชีพจรเต้นเร็ว ถ้ามีอาการดังกล่าวควรมาพบแพทย์
        
        แนะนำมาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อการรักษาที่ต่อเนื่อง และการตรวจตา ฟัน เท้า
  - - - · ประเมินสัญญาณชีพ
        
        · ประเมินระดับการรู้สึกตัว
        
        · ย้ายผู้ป่วยไปรอปิดแผลเส้นเลือดที่ใช้ในการฟอกเลือด นัดฟอกครั้งถัดไป
        
        · ประเมินเส้นที่ใช้ในการฟอกเลือด และอาการผิดปกติต่าง ๆ หลังการฟอกเลือด 15 นาที
        
        · หากไม่มีอาการผิดปกติ ชั่งน้ำหนักหลังการฟอกเลือด ให้คำปรึกษากับผู้ป่วยตามกรณีที่ร้องขอ
        
        · สรุปการปฏิบัติการฟอกเลือดประจำวันลงในแฟ้มประวัติการฟอกเลือดของผู้ป่วยและอนุญาตให้กลับบ้านได้
        
        หลังการถอนเข็มฟอกเลือดแล้ว หากพบว่าเลือดที่ออกนั้นใช้เวลากดนานมากกว่า10 นาทีหรือนานมากกว่าที่เคยเป็นโดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงการให้ยา heparin ในระหว่างการฟอกหรือมีการเปลี่ยนแปลงขนาดของเข็มที่ใหญ่ขึ้น ให้สงสัยว่าเส้นเลือดดำเหนือบริเวณที่แทงเข็มมีการตีบตันทำให้แรงดันบริเวณที่เส้นฟอกเลือดสูงอาจเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบ ๆ หลอดเลือดที่อยู่เหนือจากบริเวณที่แทงเข็มขึ้นไปพยาบาลต้องรายงานแพทย์และผู้ป่วยต้องถูกส่งตรวจประเมินสภาพเส้นฟอกเลือดเป็นการด่วน
- - - - 07:00 น.
      - แนะนำตัวสร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วย
        
        สวัสดีค่ะ ดิฉันกลุ่ม A1 เป็นนักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปี่ที่ 3 มหาวิทยาลัยปทุมธานี วันนี้ดิฉันได้รับมอบหมายให้มาดูแลคนไข้นะคะ
      - การตรวจตามร่างกาย
      - ผิวหนัง : ผิวสองสี ผิวหนังแห้งคัน ไม่มีรอยแตก ไม่มีจ้ำเลือด ไม่บวม
      - ศีรษะ : มีความสมมาตรทั้งสองข้าง
      - ตา : ตาซ้ายมองไม่เห็น ตาขวามัว มองเห็น20/70
      - จมูก : ไม่อักเสบ ไม่มีสิ่งคัดหลั่ง ไม่มีบาดแผล เยื่อบุไม่บวม
      - ปาก : ไม่ซีด ไม่แตก ไม่มีแผล มีฟัน 8 ซี่ ผุ 2 ซี่ ไม่ใส่ฟันปลอม
      - ลำคอ : ต่อไทรอยด์ ต่อมน้ำเหลือง ปกติ
    - - 08:00 น. - รับเวร
      - หญิงไทย อายุ 58 ปี เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ
      - -รับไว้ในความดูแล วันที่ 10 กรกฎาคม-23 สิงหาคม 2652 รวมเวลา 44 วัน
      - มีอาการสับสน มึนงง ถามตอบไม่รู้เรื่อง
      - Dx : DM ,HT ,Hyper Ca, Hyper k, ARF
      - มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ หายใจ 28 ครั้ง/นาที 02Sat 88 %
      - ฟังเสียงปอดพบ crepitation both lung: อุณหภูมิร่างกาย 37.9 องศาเซลเซียส
      - ผู้ป่วยได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ on Ventilator Mode PSV O240% TV 500Ml Rate 12 bpm
    - - 08:30 น. - Pre conference
      - หญิงไทย อายุ 58 ปี เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ
      - Dx : DM ,HT ,Hyper Ca, Hyper k, ARF
      - มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ หายใจ 28 ครั้ง/นาที 02Sat 88 %
      - ฟังเสียงปอดพบ crepitation both lung: อุณหภูมิร่างกาย 37.9 องศาเซลเซียส
      - ผู้ป่วยได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ on Ventilator Mode PSV O240% TV 500Ml Rate 12 bpm
      - ปัญหาที่พบ
      - ภาวะพร่องออกซิเจน
      - มีภาวะขาดสารอาหาร
      - มีภาะน้ำตาลในเลือดสูง
      - ภาวะความดันโลหิตสูง
    - - 09:00 น. - complete bed bath
      - พยาบาลแนะนำตนเอง บอกให้ผู้ป่วยทราบและอธิบายวัตถุประสงค์และวิธีการอาบน้ำบนเตียงอย่างง่ายๆ พร้อมทั้งประเมินสภาวะของผู้ป่วย
      - เตรียมเครื่องใช้ต่างๆ มาที่เตียงให้ครบถ้วน
      - ปิดประตู หน้าต่าง พัดลม เพื่อไม่ให้ลมโกรกผู้ป่วย ป้องกันการสูญเสียความร้อนจากร่างกายขณะอาบน้ำ ทำให้ผู้ป่วยไม่หนาวสั่น กั้นม่านให้มิดชิด
      - ล้างมือใส่ถุงมือ ถ้าพยาบาลมีบาดแผลหรือผู้ป่วยมีสิ่งคัดหลั่งหรือติดเชื้อ เพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคสู่ผู้ป่วย และป้องกันเชื้อโรคจากผู้ป่วยเข้าสู่พยาบาล
      - เลื่อนไม้กั้นเตียงลงและเลื่อนตัวผู้ป่วยมาใกล้พยาบาล เพื่อความสะดวกขณะทำการพยาบาล
      - คลุมผ้าห่มบนตัวผู้ป่วย คลุมผ้าเช็ดตัวบนผ้าห่มบริเวณหน้าอก ทำความสะอาดปากและฟัน และบ้วนปากด้วยน้ำยาสำหรับบ้วนปาก
      - ถอดเสื้อผ้าใส่ตะกร้าหรือถุงผ้าเปื้อนโดยถอดเสื้อแขนด้านไกลตัวออก ถ้าแขนผู้ป่วยให้สารน้ำ หรือบาดเจ็บ ให้ถอดข้างที่ไม่ได้ให้สารน้ำหรือข้างดีออกก่อน เพื่อถอดเสื้อได้สะดวก
      - ใช้ผ้าถูตัวชุบน้ำบิดพอหมาด แล้วพันมือเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือพันมือเป็นรูปสามเหลี่ยมแล้วเหน็บชายผ้าให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันชายผ้าลุ่ยออกปัดไปตามตัวผู้ป่วย
      - ใช้มุมผ้าด้านหนึ่งเช็ดบริเวณเปลือกตา จากด้านหัวตาไปทางหางตา และใช้มุมผ้าอีกด้านเช็ดเปลือกตาอีกข้าง เช่นเดียวกันแล้วซักผ้า เช็ดอย่างนุ่มนวล
      - ใช้ผ้าถูตัวชุบน้ำบิดพอหมาด เช็ดบริเวณหน้าผาก แก้ม จมูก รอบปาก คอ ใบหู หลังหู แล้วใช้ผ้าถูตัวอีกผืนชุบน้ำบิดพอหมาดและถูกับสบู่เช็ดบริเวณใบหน้า คอ และหู เช็ดอย่างนุ่มนวล
      - เลื่อนผ้าเช็ดตัวให้อยู่ใต้ผ้าห่ม คลุมบริเวณหน้าอกและท้อง เช็ดบริเวณหน้าอกและท้อง
      - เปลี่ยนน้ำ น้ำสกปรกมีคราบสบู่
      - ใช้ผ้าเช็ดตัวรองใต้แขนด้านไกลตัว เพื่อไม่ให้น้ำหยดถูกบริเวณที่สะอาดแล้ว ให้ผู้ป่วยช่วยยกแขนขึ้น
      - ใช้ผ้าเช็ดตัวรองใต้แขนด้านใกล้ตัวและเช็ดให้สะอาด เสร็จแล้วแช่มือทีละข้างหรือทั้งสองข้างในอ่าง ฟอกสบู่ให้ทั่งทังมือและตามซอกนิ้ว ล้างให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง เสร็จแล้วเปลี่ยนนำ การแช่มือทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสะอาดและสบาย
      - เลื่อนผ้าห่มมาคลุม( Drape) ปิดรอบต้นขาให้มิดชิด ปูผ้าเช็ดตัวใต้ขาด้านไกลตัว ทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาดและสบู่บริเวณขาถุงสะโพกจนสะอาด ซับน้ำให้แห้ง เพื่อป้องกันการเปิดเผยบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์
      - เช็ดขาด้านใกล้ตัวเช่นเดียวกันและแช่เท้าในอ่างน้ำโดยใช้ผ้าห่มคลุมถึงเข่า ให้ผู้ป่วยชันเข่าทั้งสองข้างดึงชายผ้าทั้งสองข้างให้สอดทับกันถึงสะโพกเพื่อป้องกันการเปิดเผยบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ วางอ่างน้ำบนผ้าเช็ดตัว ยกเท้าลงแช่ในอ่างทีละข้างหรือทั้งสองข้าง ฟอกสบู่ บริเวณเท้าส้นเท้า ซอกนิ้วล้างให้สะอาด ซับน้ำให้แห้งเพื่อให้เท้าสะอาดไม่อับชื้น
      - พยาบาลเดินไปด้านตรงข้างตู้/โต๊ะข้างเตียง พลิกตะแคงตัวผู้ป่วยเข้าหาพยาบาลยกไม้กั้นเตียงขึ้น ถ้ามีผู้ป่วยให้จับตัวผู้ป่วยไว้เพื่อป้องกันผู้ป่วยตกเตียง
      - พยาบาลกลับมาที่เดิม เปิดผ้าห่มด้านหลังออกวางผ้าเช็ดตัวตามยาวบริเวณคอ หลัง เอว ตะโพก ก้นกบผู้ป่วยเพื่อป้องกันผ้าปูที่นอนเปียก เช็ดบริเวณหลังทั้งหมดด้วยสบู่และน้ำ เช็ดให้สะอาดซับน้ำให้แห้ง เทแอลกอฮอล์ 25 % ลงบนฝ่ามือพอสมควร ทาจากคอลงมาถึงตะโพกและจากตะโพกขึ้นไปถึงไหล่เพราะแอลกอฮอล์ช่วยให้เย็นสดชื่นเพราะระเหยเร็ว และทำให้เนื้อเยื่อเหนียวให้ทาแป้งหรือโลชั่นแล้วจึงนวดหลังเพื่อช่วยให้ผิวหนังลื่นลดการเสียสีขณะนวดหลัง
      - 19.ให้ผู้ป่วยนอนหงายแป้งตามขั้นตอนเช่นเดียวกับเวลาเช็ดตัวโดยใช้ผ้าเช็ดตัวปูรองทุกส่วนของร่างกายใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันแป้งเปื้อนที่นอน
      - ใช้ผ้าเช็ดตัวปูที่นอนแล้วหวีผมให้ผู้ป่วยเพื่อป้องกันเส้นผมและสิ่งสกปรกตกบนหมอนและที่นอน ผมหวีเรียบร้อย
      - เปลี่ยนผ้าปูที่นอนและผ้าอื่นๆตามความจำเป็นเพื่อความสะอาดเรียบร้อยของเตียงผู้ป่วย
      - จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนในท่าที่สบายห่มผ้าให้ถ้าผู้ป่วยต้องการหรือมีอาการหนาวถ้าผู้ป่วยไม่ต้องการห่มผ้า พับผ้าห่มวางไว้ที่ปลายเท้าเตียงหรือพาดไว้ที่หัวเตียงเพื่อให้ผู้ป่วยสุขสบายร่างกายอบอุ่นและหยิบใช้สะดวก
      - นำเครื่องใช้ไปทำความสะอาดและเก็บเข้าที่เดิมเพื่อความสะดวกในการใช้ครั้งต่อไป
      - ดูแลสิ่งแวดล้อมบริเวณเตียงโต๊ะข้างเตียง เก็บของให้เรียนร้อย เหยือกน้ำ แก้วน้ำล้างให้สะอาดเพื่อความสะอาดเรียบร้อย
      - บันทึกอาการผู้ป่วยและความผิดปกติที่พบเพื่อเป็นหลักฐานและข้อมูลประกอบการวางแผน การพยาบาล
      - mouth care การทำความสะอาดช่องปาก ต้องจัดท่าให้ผู้ป่วยนอนตะแคงกึ่งคว่ำหันหน้ามาทางพยาบาล และต้องใช้ไม้กดลิ้นช่วยให้ผู้ป่วยอ้าปาก สอดปากคีบที่คีบผ้ากอซเข้าไปเช็ดที่ลิ้น ฟัน กระพุ้งแก้ม ทำซ้ำๆจนกว่าจะสะอาด ถ้าสกปรกมากให้ใช้กระบอกฉีดยาต่อกับสายยางแล้วเทน้ำยาใส่กระบอกฉีดยาให้น้ำยาไหลเข้าไปล้างในช่องปาก หรือใช้ลูกยางแดงดูดน้ำยาทำความสะอาดปาก บีบน้ำยาเข้าไปล้างภายในปากทีละน้อยๆ ซึ่งในระหว่างการทำความสะอาดช่องปากให้ผู้ป่วย จะต้องระมัดระวังไม่ให้ผู้ป่วยเกิดการสูดสำลักน้ำยาที่ใช้ในการทำความสะอาดช่องปาก และหลังทำความสะอาดภายในช่องปากต้องจัดท่าให้ผู้ป่วยนอนในท่าที่สุขสบาย และทาริมฝีปากผู้ป่วยด้วยน้ำมันมะกอกหรือกลีเซอลีนบอแรกซ์ เพื่อช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้นไม่แห้งแตก
    - - 10.00 น. - ประเมิน vital signs - BT = 37.9 องศาเซลเซียส
      - RR = 28 bpm
      - O2 sat = 88%
    - - 11:00 น. - เจาะ DTX ด้วยหลัก aseptic technique
      - เตรียมอุปกรณ์ เช่น เครื่องเจาะน้ำตาล เข็มเจาะชนิดใช้แล้วทิ้ง สำลีแห้งปราศจากเชื้อ แอลกอฮอล์ 70%
      - นวดคลึงปลายนิ้ว เช็ดนิ้วที่จะเจาะด้วยสำลีแอลกอฮอล์ (มักเจาะด้านข้างของนิ้วกลาง หรือนิ้วนาง)
      - เช็ดเลือดหยดแรกออก หยดเลือดหยดที่สองลงบนแถบตรวจ
      - เช็ดเลือดที่ปลายนิ้วด้วยสำลีแห้ง
    - - 11:30 น. - ดูแล suction
      - 1.เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างให้พร้อม และทดสอบแรงดันของเครื่องดูดเสมหะ
      - 2.ล้างมือให้สะอาด
      - 3.บอกให้ผู้ป่วยรับทราบ
      - 4.ใส่ถุงมือตรวจโรค หยิบสายดูดเสมหะต่อเข้ากับเครื่อง โดยมือข้างถนัดจับปลายสาย และอีกข้างจับสายระบายเสมหะ ระวังไม่ให้สายยางดูดเสมหะสกปรก หรือสัมผัสกับสิ่งอื่นๆ
      - 5.เปิดเครื่องดูดเสมหะ บอกให้ผู้ป่วยทราบอีกครั้ง
      - 6.เปิดบริเวณข้อต่อตัววาย (Y - tube) หรือพับสายยางดูดเสมหะนั้นไว้ พร้อมสอดสายยางเข้าช่องปาก ด้วยความนุ่มนวล
      - 7.ในขณะดูดเสมหะไม่ควรดูดนาน แล้วค่อยๆถอยสายยางดูดเสมหะออกอย่างเบาๆและนุ่มนวล ให้มีช่วงจังหวะหยุดพักให้ผู้ป่วยได้หายใจหรือได้รับออกซิเจน
      - 8.ระหว่างดูดเสมหะให้สังเกตลักษณะของเสมหะ สี ปริมาณ รวมทั้งสังเกตดูว่ามีสีเลือดปนหรือไม่ สังเกตการหายใจ และสีผิวของผู้ป่วย
      - 9.หากผู้ป่วยเกร็ง หรือมีฟันในช่องปาก สามารถใช้ mouth gag โดยสอดเข้าช่องปากเพื่อนำทางสายยางดูดเสมหะได้ง่าย
      - 10.เมื่อดูดเสมหะเรียบร้อยจ ล้างสายยางดูดเสมหะในน้ำสำหรับล้างสาย แล้วเก็บสายยางดูดเสมหะและถุงมือทิ้งถังขยะ
      - 11.ปิดเครื่องดูดเสมหะ
      - 12.จัดท่าผู้ป่วยให้สุขสบาย สังเกตลักษณะของสีผิว อัตราการหายใจ และอัตราการเต้นชีพจรของผู้ป่วย
      - พลิกตัวผู้ป่วยให้อยู่ในท่า Dorsal position หัวสูง45องศา เพื่อเตรียม feed - ผู้ป่วยทางเดินหายใจโล่ง ไม่มีเสมหะเหนียวข้น
      - ผู้ป่วยอยู่ในท่านอนที่สบาย
    - - 12:00 น. - ดูแลให้ได้รับสารอาหารทาง NG tube
      - 1.ต่อกระบอกให้อาหารกับสายยางให้อาหาร(นำ
      - กระบอกสูบออก ใช้เฉพาะด้านนอก)
      - 2.พับสายอาหารไว้ เทอาหารให้เต็มกระบอก
      - 3.ยกกระบอกให้อาหารให้สูงกว่าตำแหน่งให้อาหารประมาณ 30 เซนติเมตร ปล่อยสายให้อาหารที่พับไว้ให้อาหารเหลวไหวผ่านลงตามสาย
      - 4.เมื่ออาหารใกล้หมด ค่อยๆเติมอาหารโดยลด
      - ระดับกระบอกอาหาร หักพับสายให้อาหาร เติม
      - อาหาร ปล่อยสายแล้วยกกระบอกอาหารสูงขึ้นจนครบจำนวนที่กำหนดไว้
    - - 13:00 น. - ดูแลให้ได้รับยา
      - 1.Enalapril 1×1 oral pc.
      - 2.Hydralazine 1×1 oral pc.
      - 3.Glipizide 1×1 oral pc.
      - 4.RI ปรับตามระดับน้ำตาล BS ≥ 200 RI 6 UNIT BS ≥ 3000 RI 10 UNIT
      - พลิกตะแคงตัวผู้ป่วย ทุก 2ชั่วโมง เพื่อป้องกันแผลกดทับ - ผู้ป่วยได้รับยาตามแผนการรักษาของแพทย์
      - ผู้ป่วยอยู่ในท่าที่สุขสบาย ไม่มีบาดแผลกดทับ
    - - 14:00 น. - วัด vital signs
      - บันทึก I / O
      - Record I/O
      - Record fluid intake/output
      - Record water intake - urine output
      - การตวงน้ำดื่ม – ตวงปัสสาวะ - BT=37.9 องศาเซลเซียส
      - RR= 28 ครั้ง/นาที,
      - ผู้ป่วยได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ on Ventilator Mode PSV O2 40%TV 500Ml Rate 12 bpm
      - ผู้ป่วยไม่มีภาวะแทรกซ้อนจากการใส่ท่อช่วยหายใจ
    - - 15:00 น. - ดูแล suction
      - 1.เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างให้พร้อม และทดสอบแรงดันของเครื่องดูดเสมหะ
      - 2.ล้างมือให้สะอาด
      - 3.บอกให้ผู้ป่วยรับทราบ
      - 4.ใส่ถุงมือตรวจโรค หยิบสายดูดเสมหะต่อเข้ากับเครื่อง โดยมือข้างถนัดจับปลายสาย และอีกข้างจับสายระบายเสมหะ ระวังไม่ให้สายยางดูดเสมหะสกปรก หรือสัมผัสกับสิ่งอื่นๆ
      - 5.เปิดเครื่องดูดเสมหะ บอกให้ผู้ป่วยทราบอีกครั้ง
      - 6.เปิดบริเวณข้อต่อตัววาย (Y - tube) หรือพับสายยางดูดเสมหะนั้นไว้ พร้อมสอดสายยางเข้าช่องปาก ด้วยความนุ่มนวล
      - 7.ในขณะดูดเสมหะไม่ควรดูดนาน แล้วค่อยๆถอยสายยางดูดเสมหะออกอย่างเบาๆและนุ่มนวล ให้มีช่วงจังหวะหยุดพักให้ผู้ป่วยได้หายใจหรือได้รับออกซิเจน
      - 8.ระหว่างดูดเสมหะให้สังเกตลักษณะของเสมหะ สี ปริมาณ รวมทั้งสังเกตดูว่ามีสีเลือดปนหรือไม่ สังเกตการหายใจ และสีผิวของผู้ป่วย
      - 9.หากผู้ป่วยเกร็ง หรือมีฟันในช่องปาก สามารถใช้ mouth gag โดยสอดเข้าช่องปากเพื่อนำทางสายยางดูดเสมหะได้ง่าย
      - 10.เมื่อดูดเสมหะเรียบร้อยจ ล้างสายยางดูดเสมหะในน้ำสำหรับล้างสาย แล้วเก็บสายยางดูดเสมหะและถุงมือทิ้งถังขยะ
      - 11.ปิดเครื่องดูดเสมหะ
      - 12.จัดท่าผู้ป่วยให้สุขสบาย สังเกตลักษณะของสีผิว อัตราการหายใจ และอัตราการเต้นชีพจรของผู้ป่วย
      - พลิกตะแคงตัวผู้ป่วย ทุก 2ชั่วโมง เพื่อป้องกันแผลกดทับ
      - เช็ดตัวลดไข้ Tepid Sponge
      - เตรียมสถานที่ ที่จะเช็ดตัวผู้ป่วยและควรปิดแอร์2. ถอดเสื้อผ้าผู้ป่วย
      - ปูผ้าเช็ดตัวรองส่วนที่เช็ด เพื่อป้องกันน้ำเปียกที่นอน
      - ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นบิดน้ำให้หมาดพอควร เริ่มเช็ดบริเวณใบหน้า และพักไว้ที่หน้าผาก ซอกคอ ทำซ้ำ 3-4 ครั้ง
      - เช็ดบริเวณหน้าอกและลำตัว
      - เช็ดแขนด้านไกลตัว จากปลายแขนเข้าหาต้นแขน และรักแร้เป็นการเช็ดในลักษณะย้อนรูขุมขน เพื่อระบายความร้อนทำซ้ำ 3-4 ครั้ง และพักผ้าไว้บริเวณข้อพับแขน และรักแร้
      - เช็ดแขนด้านใกล้ตัว โดยทำเช่นเดียวกัน
      - เช็ดขาด้านไกลตัว จากปลายขาเข้าหาต้นขา และขาหนีบ 3-4 ครั้ง และพักผ้าบริเวณใต้เข่า ขาหนีบ
      - เช็ดขาด้านใกล้ตัว โดยทำเช่นเดียวกัน
      - นอนตะแคงเช็ดบริเวณหลัง ตั้งแต่ก้นกบขึ้นบริเวณคอทำซ้ำ 3-4 ครั้ง
      - เช็ดตัวให้แห้ง แล้วใส่เสื้อผ้าผู้ป่วยให้เรียบร้อย
    - - 15:30 น. - เจาะ DTX ด้วยหลัก aseptic technique
      - เตรียมอุปกรณ์ เช่น เครื่องเจาะน้ำตาล เข็มเจาะชนิดใช้แล้วทิ้ง สำลีแห้งปราศจากเชื้อ แอลกอฮอล์ 70%
      - นวดคลึงปลายนิ้ว เช็ดนิ้วที่จะเจาะด้วยสำลีแอลกอฮอล์ (มักเจาะด้านข้างของนิ้วกลาง หรือนิ้วนาง)
      - เช็ดเลือดหยดแรกออก หยดเลือดหยดที่สองลงบนแถบตรวจ
      - เช็ดเลือดที่ปลายนิ้วด้วยสำลีแห้ง
    - - 16:00 น. - Post conference
      - หญิงไทย อายุ 58 ปี เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย ศาสนาพุทธ
      - Dx : DM ,HT ,Hyper Ca, Hyper k, ARF
      - มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ หายใจ 28 ครั้ง/นาที 02Sat 88 %
      - ฟังเสียงปอดพบ crepitation both lung: อุณหภูมิร่างกาย 37.9 องศาเซลเซียส
      - ผู้ป่วยได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจ on Ventilator Mode PSV O240% TV 500Ml Rate 12 bpm
      - ปัญหาที่พบ
      - ภาวะพร่องออกซิเจน
      - มีภาวะขาดสารอาหาร
      - มีภาะน้ำตาลในเลือดสูง
      - ภาวะความดันโลหิตสูง
      - ปัญหาที่พบ
      - ภาวะพร่องออกซิเจน ได้รับการแก้ไข
      - มีภาวะขาดสารอาหาร ได้รับการแก้ไข
      - มีภาะน้ำตาลในเลือดสูง ได้รับการแก้ไข
      - ภาวะความดันโลหิตสูง ได้รับการแก้ไข
- - - - 1.เริ่มให้ผู้ป่วยทดลองหายใจเอง(Spontaneous Breathing Trail: SBT)
        
        เริ่มทดลองให้ผู้ป่วยหายใจเองเป็นเวลา30-120 นาที โดยเลือกวิธีการหย่าเครื่องช่วยหายใจที่
      - เหมาะสมกับผู้ป่วย ซึ่งมี 3 วิธี คือ
      - 1.1 T piece ให้ Fi02 ขณะ ใส่เครื่องช่วยหายใจ แต่ไม่ควรมากกว่า 0.5
      - 1.2 CPAP โดยตั้ง CPAP น้อยที่สุด ไม่ควรเกิน 3-5 cmH20
      - 1.3 PSV โดยตั้ง PSV ในระดับต่ำ ประมาณ 3-5 cmH20
      - การดูแลผู้ป่วยขณะทดลองหายใจเอง(SBT) มีดังนี้
      - เลือกเวลาในการเริ่มหายใจเองที่เหมาะสมควรเป็นเวลาเช้า
      - ให้ข้อมูลและอธิบายการหย่าเครื่องช่วยหายใจให้ผู้ป่วยเข้าใจก่อนการเริ่มหายใจเองให้
      - ความมั่นใจแก่ผู้ป่วย และถ้ามีอาการเหนื่อยมากขึ้นต้องบอกให้ทราบ
      - จัด position ให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูง 45 องศา (ถ้าไม่มีข้อห้าม) เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อ
      - กระบังลมเคลื่อนไหวได้ดี
      - ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง โดยคูดเสมหะก่อนหย่าเครื่อง และบีบ self-inflating bag2-3 ครั้ง
      - หรือจนกระทั่งผู้ป่วยหายเหนื่อย จึงเริ่ม wean
      - ดูแลเพื่อป้องกันปอดแฟบ จากการหายใจเองเป็นเวลานานโดยบีบ self-inflating bag 3 –
      - ครั้ง ต่อชั่วโมง
      - สอนและกระตุ้นให้ผู้ป่วยหายใจเข้าช้าๆและผ่อนลมหายใจออกช้าๆ หรือ deep breathing exercise
      - ดูแลให้ยาขยายหลอดลมเพื่อลดภาวะหลอดลมตีบแคบ เช่น การให้ bronchodilator หรือ
      - Aerosol เพื่อละลายเสมหะที่แห้งและเหนียว ตามแผนการรักษา
      - ขณะทดลองให้ผู้ป่วยหายใจเอง ควรบันทึกข้อมูลการหย่าเครื่องช่วยหายใจให้เห็นชัดเจน
      - ในแบบ บันทึกข้อมูล (weaning record)
      - เฝ้าติดตามความสามารถในการหายใจเองใน 30 นาที อย่างน้อย 3 ครั้ง ถ้ามีการ
      - เปลี่ยนแปลงของสิ่งต่อไปนี้ ให้ยกเลิกการทดลองให้หายใจเอง
      - เกณฑ์ที่บ่งชี้ให้หยุดการลองหายใจเอง มีดังนี้
      - -ความดันโลหิตเพิ่มจากเดิม > 20 mmHg
      - -. อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นจากเดิม > 20 beat/ min อัตราการหายใจ > 35 BPM
      - EKG show arrhythmia, ischemic, bradycardia
      - -ABG: Pa C02 เพิ่มขึ้น > 10 mmHg ทำให้ pH ต่ำกว่า 7.35
      - -. Vt < 200 ml. MV < 5 liters หรือ > 12 liters, f/Vt> 105
      - skin มีเหงื่อออกมาก ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนไปอาการแสดงว่ากล้ามเนื้ออ่อนแรง เช่นการ
      - ใช้กล้ามเนื้อช่วยในการหายใจ หรือหายใจแบบ paradoxical
      - -ผู้ป่วยบอกหรือบ่นแน่น หายใจเองไม่ไหว อ่อนเพลีย
      - ถ้าผู้ป่วยหายใจเองได้ดีนาน 2 ชม. และไม่มีข้อบ่งชี้ให้หยุดการหายใจเอง ให้ปรึกษาร่วมกับ
      - แพทย์เพื่อพิจารณาถอดท่อช่วยหายใจ
      - ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถหายใจเองได้นาน 2 ชม. ให้กลับใส่เครื่องช่วยหายใจแบบเดิมและให้
      - ผู้ป่วย พักเป็นเวลา 24 ชม. ให้ผู้ป่วยเริ่มหายใจเองใหม่ในวันรุ่งขึ้นตามความเหมาะสม
      - ค้นหาสาเหตุหรือปัญหาร่วมกับแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่พร้อมในการหย่า
      - เครื่องช่วยหายใจ (ดูแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่พร้อมในการ หย่าเครื่องช่วยหายใจ)
      - ประเมินความพร้อมใหม่อีกครั้ง ถ้าผู้ป่วยมีความพร้อมตามที่เกณฑ์ที่กำหนด ร่วมปรึกษากับ
      - แพทย์ เพื่อใช้วิธีgragual weaning technique ต่อไป
  - - - วิธีการหย่าเครื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป มี 4 วิธี
        
        1.T-piece weaning มีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้คือ
      - ให้ 02 T picce ที่ Fi02 ไม่ต่ำกว่า Fi02 ที่ ใช้กับเครื่องช่วยหายใจ
      - ให้ผู้ป่วยหายใจเองนาน 5-10 นาทีสลับใส่เครื่องช่วยหายใจให้ผู้ป่วยพัก 1 ชั่วโมง
      - และ เพิ่มระยะเวลาหย่าเครื่องเป็น 30 นาที . .... ... ชม.ตามลำดับ และให้ผู้ป่วยพักในเวลากลางคืน
      - ไม่ควรหย่าเครื่องนานจนผู้ป่วยไม่สามารถทนต่อการหายใจเองจึงใส่เครื่อง
      - หย่าเครื่องช่วยหายใจติดต่อกัน 1-2 วัน จน ผู้ป่วยสามารถหายใจเองได้ทั้งวันทั้งคืน
      - ในที่สุด
        
        2.Synchronized intermittent mandatory ventilation with pressure support (SIMV with PSV)
      - 1.ค่อยๆ ลดอัตราการช่วยหายใจของเครื่อง ช่วยหายใจ 2-4 ครั้ง/นาที่ ถ้าผู้ป่วยมีอาการ
      - ดีอาจลดได้บ่อยขึ้น ทุก 1-2 ชม. อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
      - ลด rate ลงเรื่อยๆ จน SIMV 4 ครั้งแล้วจึงค่อยๆ ปรับลด PSV ครั้งละ 2-4 cm/2 0.
      - วันละ2-3 ครั้ง จน PSV อยู่ที่ระดับ 5 cmH20
      - Pressure support ventilation (PSV)
      - หากผู้ป่วยอยู่ใน assist control mode ให้ เปลี่ยนไปที่ PSV mode เริ่มด้วยการตั้ง PS
      - max ให้ได้ V5-7 m/kg และมีอัตราการหายใจประมาณ16-20 ครั้ง/นาที
      - ปรับลด PSV ครั้งละ 2- 4 cm:12 0 ทุก 1-2 ชม. วันละ 2-3 ครั้งจนสามารถลดระดับ
      - pressure support อยู่ที่ 5 cml20
      - Continuous positive airway pressure (CPAP)เริ่มด้วยการลดระดับ CPAP ลงเรื่อย ๆ ครั้ง
      - ละ 2-3 cmH20 จนถึงระดับ 5cm:20 หากผู้ป่วยทนได้ดี ลด CPAP = 0 cmH2 O
  - - - ปฏิบัติเช่นเดียวกับการดูแลผู้ป่วยเรื่มให้ผู้ป่วย ทดลองหายใจเอง ข้อ 1-7
      - ลดความวิตกกังวลขณะหย่าเครื่องช่วยหายใจโดย
      - 2.1 อธิบายเป้าหมาย ขั้นตอนของการหย่าเครื่องช่วยหายใจ เพื่อเกิดความเข้าใจและให้
      - ความร่วมมือ
      - 2.2 ขณะหย่าเครื่องช่วยหายใจควรอยู่ข้างเดียงผู้ป่วย ไม่ควรปล่อยให้ผู้ป่วยอยู่คนเดียว
      - จนกว่า ผู้ป่วยมีความมั่นใจ ไม่กระสับกระส่าย
      - 2:3 หันเหความสนใจ และหาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น การนวด การใช้เทคนิ
      - ผ่อนคลาย การฝึกการหายใจ การใช้คนตรีบำบัด
      - 2.4 ดูแลส่งเสริมให้ผู้ป่ายสามารถติดต่อสื่อสาร กับญาติ และเจ้าหน้าที่ทีมสุขภาพ
      - อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบอกความต้องการและขอความช่วยเหลือ
      - 2.5 ประเมินและบันทึก vital signs, 02 Saturation, Vt, minute volume ก่อนเริ่มหย่าเ
      - ครื่อง และขณะหย่าเครื่อง ในระยะแรกบันทึกทุก 15-30 นาที ต่อมาทุก 1 ชม.
      - 2.6 เฝ้าติดตามประเมินผลความสามารถในการทนต่อการหายใจเอง ถ้ามีการ
      - เปลี่ยนแปลงของสิ่งเหล่านี้ให้หยุดการหย่าเครื่อง