Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การป้องกันการตั้งการรก์ - Coggle Diagram
การป้องกันการตั้งการรก์
ยาเม็ดคุมกําเนิด
วิธีการกิน ให้เริ่มต้นกินยาในวันแรกที่เมนส์มาหรือภายใน 5 วันแรกของรอบเดือน จากนั้นต้องกินยาวันละ 1 เม็ดในเวลาเดียวกันของทุกวัน จึงแนะนำให้กินก่อนนอน และไม่จำเป็นต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีการอื่น
แต่ถ้าหากจะเริ่มกินยาในช่วงอื่น ก็สามารถกินได้ โดยต้องมั่นใจว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ และควรงดการมีเซ็กซ์หรือใช้ถุงยางอนามัยควบคู่ไปด้วยอีก 7 วัน
ยาคุมฉุกเฉิน
เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่หมอโรงพยาบาลชุมชนอย่างผมใช้บ่อยที่สุด (อย่า! อย่าคิดว่าผมจะใช้เองนะครับ) ในกรณีที่ผู้ป่วยถูกข่มขืน จึงไม่แนะนำให้ใช้เป็นวิธีการคุมกำเนิดหลัก แต่ก็จำเป็นต้องใช้ในกรณีที่มีเซ็กซ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือใช้ถุงยางอนามัยแล้วเกิดแตกหรือรั่ว
ถุงยางอนามัย
น่าจะไม่ต้องอธิบายยืดยาว แต่จะขอเน้นย้ำบางเรื่อง อย่างแรกคือข้อดีของถุงยางฯ โดยนอกจากจะสามารถคุมกำเนิดได้แล้ว ยังสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะเชื้อ HIV ได้อีกด้วย
อย่างที่สอง ต้องฉีกซองด้วยมือ แต่ระวังเล็บมือหรือแหวนเกี่ยว และต้องสวมขณะที่องคชาตแข็งตัวเต็มที่ หากต้องการความหล่อลื่นให้ใช้สารหล่อลื่นที่ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย เช่น K-Y jelly ทาหลังจากสวมถุงยางฯ เรียบร้อยแล้ว
แผ่นแปะคุมกาเนิด
เป็นวิธีคุมกำเนิดที่อยากแนะนำให้รู้จักมากที่สุดวิธีหนึ่ง เพราะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เป็นระยะเวลานาน เรียกได้ว่าเจ็บตัวครั้งเดียว (ถ้ารวมตอนเอาออกด้วยก็เป็นสองครั้ง รวมตอนฉีดยาชา) อยู่ได้นาน 3 ปี โดยจะฝังไว้ตรงต้นแขนข้างที่ไม่ถนัดในชั้นใต้ผิวหนัง ฝังเสร็จแล้วก็สามารถคลำได้ว่าแท่งยาอยู่ตรงไหน
การฝังยาจะต้องทำภายใน 5 วันแรกของรอบเดือน หลังจากนั้นต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นอีก 7 วัน ต้องขออภัยจริงๆ ครับที่บทความนี้เผยแพร่ในวันที่ 8 ก.พ. จึงยังทันอยู่สำหรับวันวาเลนไทน์ในปีหน้า!
ใส่ห่วงอนามัย
เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ชิ้นเล็ก ๆ ที่มีไว้สำหรับใส่เข้าไปในโพรงมดลูกของสตรี เพื่อทำให้สภาพในโพรงมดลูกไม่เหมาะแก่การฝังตัวของตัวอ่อน จึงใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ชั่วคราวได้ดี โดยห่วงอนามัยนี้มีการใช้กันตั้งแต่ในสมัยอาณาจักรกรีกโรมัน ห่วงอนามัยชนิดแรกของโลกทำมาจากก้อนกรวดที่ชาวอาหรับและเติร์กใส่เข้าไปในมดลูกของอูฐ เพื่อป้องกันไม่ให้อูฐตั้งท้องขณะเดินทะเลทราย ส่วนห่วงอนามัยในยุคหลังนี้เริ่มมีใช้กันได้ประมาณ 100 ปีแล้วครับ ในระยะแรกห่วงอนามัยจะทำมาจากวัสดุหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโลหะ เส้นไหม หรืออื่น ๆ ต่อมาได้มีการผลิตเป็นพลาสติกชนิดพิเศษที่นำมาทำเป็นห่วงอนามัยได้ดีและคงสภาพเดิมได้หลังจากยืดออกเป็นเส้นตรงชั่วระยะเวลาหนึ่ง จึงทำให้มีคนประดิษฐ์ห่วงอนามัยออกมาหลายชนิด
นับวันปลอดภัย
ระยะปลอดภัยที่ว่าคือ “หน้า 7 หลัง 7” โดยนับจาก ‘วันแรก’ ที่มีประจำเดือน (เมนส์) คือ 7 วันก่อน ‘หน้า’ ที่จะมีเมนส์วันแรก และ 7 วัน ‘หลัง’ จากวันแรกที่มีเมนส์แล้ว เพราะในระยะนี้จะยังไม่มีไข่ตก จึงสามารถมีเซ็กซ์ได้โดยไม่ตั้งครรภ์ ดังนั้นหากช่วงหน้า 7 หลัง 7 รวมเป็น 14 ถือว่า “ปลอดภัย” ระดับหนึ่งตามชื่อวิธีการ
แต่วิธีการนี้ไม่เหมาะกับคนที่เมนส์มาไม่แน่นอน หรือมีรอบเดือนรอบสั้นที่สุดกับรอบยาวที่สุดต่างกันมากกว่า 10 วัน (จะต้องจดบันทึกประวัติเมนส์มาแล้วหนึ่งปี) หรือช่วงที่มีอารมณ์เครียด ก็สามารถทำให้การตกไข่เปลี่ยนแปลงไปได้
ยาฉีดคุมกําเนิด
คือ วิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวแบบหนึ่ง โดยจะเป็นการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อของสตรีในระยะเวลาตามที่แพทย์กำหนด หลังจากฉีดตัวยาจะค่อย ๆ ขับฮอร์โมนออกมา เป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากในรายที่ต้องการเว้นระยะการมีบุตร เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง ทำได้ง่าย สะดวก และมีราคาถูก
ฝังเข็มคุมกําเนิด
เป็นวิธีคุมกำเนิดแบบชั่วคราวที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้หลอดยาขนาดเล็กฝังเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณใต้ท้องแขนของแขนท่อนบน ซึ่งภายในแท่งหรือหลอดจะบรรจุฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin) เอาไว้ เมื่อฝังเอาไว้เรียบร้อยก็จะค่อย ๆ ปล่อยฮอร์โมนชนิดนี้เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้เป็นเวลา 3-5 ปี แล้วแต่ชนิดของยา
การทําหมัน
หญิง
การทำหมันหญิง คือเป็นการคุมกำเนิดแบบถาวร โดยการทำให้ท่อนำไข่อุดตัน เพื่อป้องกันไม่ให้อสุจิเดินทางมาผสมกับไข่โดยมีหลากหลายเทคนิค เช่น การผูก รัด หนีบ หรือทำลาย ส่วนใดส่วนหนึ่งของท่อทำไข่ ซึ่งการทำหมันหญิงนี้ถือเป็นวิธีคุมกำเนิดที่นิยมวิธีหนึ่งในรายที่ต้องการคุมกำเนิดแบบถาวร
ชาย
การทำหมันชายเป็นการผ่าตัดโดยการใช้ยาชาเฉพาะที่จึงไม่จำเป็นต้องงดน้ำ และอาหาร ใช้เวลาในการทำประมาณ 15-20 นาทีที่ห้องผ่าตัด โดยการเจาะรูผนังถุงอัณฑะ ดึงท่อน้ำอสุจิขึ้นมาทำการตัดท่ออสุจิ และทำการผูกปลายท่ออสุจิทั้ง 2 ข้าง เพื่อเป็นการปิดทางที่อสุจิออกมา เป็นการทำหมันแบบถาวร