Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 6 การสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ, นางสาวปาริฉัตร กลับกลาง 621201136 -…
บทที่ 6 การสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ
การพยาบาลเพื่อการจัดการปัญหาภาวะโภชนาการในผู้สูงอายุ
1.1 ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อภาวะโภชนาการในผู้สูงอายุ
1.1.1 การเปลี่ยนแปลงของรํางกายที่สํงผลกระทบตํอภาวะโภชนาการผู้สูงอายุ
การทำหน้าที่ของการรับรสและการดมกลิ่นลดลง
การทำหน้าที่ของกระเพาะอาหารลดลง
ประสิทธิภาพการเผาผลาญกลูโคสลดลง
เนื้อเยื่อที่ปราศจากไขมันลดลง
ความต้องการพลังงานขั้นพื้นฐานลดลง
1.1.2 ปัญหาทางด้านจิตใจ
เช่น ภาวะซึมเศร้า ความเหงาจากการเกษียณ คู่ครอง เสียชีวิต ลูกหลานทอดทิ้ง
1.1.3 ปัญหาการเจ็บปุวยทางรํางกาย
เชํน ภาวะทุพพลภาพ การได๎รับยาหลายชนิดร่วมกัน
1.1.4 ภาวะโภชนาการเดิมที่เป็นอยูํและบริโภคนิสัย
ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารในอดีตจนถึงปัจจุบัน
1.1.5 ความสามารถในการเข้าถึงแหลํงอาหาร
เช่น การเดินทาง การขนสํงที่สะดวก
1.1.6 ภาวะเศรษฐกิจและสังคม
ทำให้กระทบถึงภาวะโภชนาการของผู้สูงอายุได้ เชํน ผู้สูงอายุที่ยากจนขาดรายได้ ถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว
1.2 ความต้องการสารอาหารในผู้สูงอายุ
1.2.1 ความต้องการพลังงาน
ผู้สูงอายุมีความต้องการพลังงานลดลงเนื่องจากการเผาผลาญในร่างกายลดลง ร่วมกับมีกิจกรรมต่างๆ ลดลง พลังงานที่ผู้สูงอายุควรได้รับ ผู้สูงอายุชายวันละ
2,250 กิโลแคลอรี่ ผู้สูงอายุหญิงวันละ 1,850 กิโลแคลอรี่ ไม่ควรได้รับน้อยกว่า 1,200 กิโลแคลอรี
1.2.2 ความต้องการโปรตีน
ผู้สูงอายุต้องการโปรตีนเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายมากกว่าวัยหนุ่มสาว ควรเลือกรับประทานโปรตีนที่มีคุณภาพสูง เชํน เนื้อปลา เนื้อไม่ติดมัน ปลา
1.2.3 ความต้องการไขมัน
ผู้สูงอายุควรได้รับไขมันไม่เกิน 30% ของพลังงานทั้งหมด ควรลดไขมันอิ่มตัว เชํน น้ำมันมะพร้าว กะทิ
1.2.4 ความต้องการคาร์โบไฮเดรต
ผู้สูงอายุควรได้รับคาร์โบไฮเดรต 50-55 % ของพลังงานทั้งหมด ควรเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
1.2.5 ความต้องการแร่ธาตุ
ผู้สูงอายุต้องการแร่ธาตุเท่าในวัยผู้ใหญํ แร่ธาตุที่ผู้สูงอายุมักขาด คือ แคลเซียมและเหล็ก
1.2.6 ความต้องการวิตามิน
ผัก ผลไม้เป็นแหลํงอาหารที่ให้วิตามิน เกลือแร่ ใยอาหารและสารแอนติออกซิแดนท์
1.2.7 ความต้องการน้ำ
ผู้สูงอายุควรได้รับน้ำไมํต่ำกว่า 1,500 ml : day
1.3 การประเมินภาวะโภชนาการ
1.3.1 การประเมินอาหารที่บริโภค (dietary assessment)
โดยวิธีการซักประวัติอาหาร ซึ่งมีวิธีที่ใช้บ่อยคือ (1) การประเมินปริมาณอาหารที่รับประทานใน 24 ชั่วโมงที่ผํานมา (2) การสำรวจความถี่ของการได้รับอาหาร (3) การเฝ้าดูการบริโภคอาหารและการบันทึก
1.3.2 การวัดสัดส่วนของร่างกาย (anthropometric assessment)
การประเมินดัชนีความหนาของรํางกาย (body mass index: BMI)
1.3.3 การวัดความหนาไขมันใต้ผิวหนัง (skinfold thickness)
1.3.4 การตรวจวัดค่าทางชีวเคมี
1.3.5 การประเมินทางคลินิก
ประกอบด้วย การซักประวัติ และการตรวจร่างกาย
1.3.6 การคัดกรองภาวะโภชนาการในผู้สูงอายุโดยใช้แบบประเมิน
ได้แก่ แบบประเมินภาวะโภชนาการ MNA , แบบประเมิน NAF , แบบประเมิน Thai NRC
1.4 ปัญหาภาวะโภชนาการในผู้สูงอายุ
และแนวทางการพยาบาล
1.4.1 แนวทางการพยาบาล
ภาวะโภชนาการเกิน (over nutrition)
ดังนี้ ประเมินสาเหตุของภาวะโภชนาการเกิน
่ ส่งเสริมการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ให้ความรู้การรับประทานอาหารที่เหมาะสม
1.4.2 ภาวะโภชนาการต่ำ (under nutrition)
ดังนี้ ประเมินสาเหตุของภาวะทุพโภชนาการ
การจัด/ปรับปริมาณอาหารให้ผู้สูงอายุให้เหมาะสม
2. การพยาบาลเพื่อการส่งเสริม
การออกกำลังกายในผู้สูงอายุ
2.1 ประโยชน์ของการออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ
ทำให้ร่างกายมีสมรรถภาพทางกายดีขึ้น ลดอัตราการเกิดโรคที่ป้องกันได้ ลดภาวการณ์พึ่งพา ลดภาวะทุพพลภาพ ด้านจิตใจ ลดภาวะซึมเศร๎า
2.2 ประเภทของการออกกำลังกาย
ประเภทที่ 1 การออกกำลังกายที่เพิ่มความแข็งแรงและทนทานของกล้ามเนื้อ ประเภทที่ 2 การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มสมรรถภาพของปอดและหัวใจ ประเภทที่ 3 การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและการผ่อนคลาย
2.3 แนวทางการจัดโปรแกรมการออกกำลังกายในผู้สูงอายุ
1 ตรวจร่างกายว่าไม่มีความเจ็บป่วย หากมีปัญหาสุขภาพควรปรึกษาแพทย์
2 ประเมินระดับการทำกิจกรรม การเคลื่อนไหวของข้อ ความแข็งแรงและความตึงตัวของกล้ามเนื้อ
3 เลือกรูปแบบการออกกำลังกายที่ผู้สูงอายุชอบและถนัด
4 เน้นการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอ ความเร็วต่ำ
5 ผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดควรประยุกต์การออกกำลังกายในกิจวัตรประจำวัน
6 ควรมีการอบอุ่นร่างกาย warm up
7 ก่อนออกกำลังกาย ขณะออกกำลังกายและหากออกกำลังกายเกิน 1 ชั่วโมง ควรดื่มน้ำ 1 แก้วทุก 15-20 นาทีเพื่อชดเชยน้ำที่เสียไปจากเหงื่อ
ข้อควรระวัง
1) ไม่ออกกำลังกายขณะเจ็บป่วย
2) งดออกกำลังกายชั่วคราวหากมีอาการผิดปกติ
3) ไม่ควรออกกำลังกายที่ต้องออกแรงเกร็ง
3. การพยาบาลเพื่อการส่งเสริมการพักผ่อนนอนหลับในผู้สูงอายุ
3.1 กลไกทางสรีรวิทยาของการนอนหลับในผู้สูงอายุ
3.1.1 NREM (non rapid eye movement) เป็นระยะที่ไมํมีการกลอกตาอยํางรวดเร็ว
3.1.2 REM (rapid eye movement) เป็นระยะที่มีการ
กลอกตาอยํางรวดเร็ว เป็นขั้นตอนของการนอนหลับๆ ตื่นๆ
3.2 แบบแผนการนอนหลับในผู้สูงอายุ
1) ระยะ stage 1 NREM เพิ่มขึ้น ร้อยละ 8-15 ของระยะเวลานอนทั้งหมด
2) ระยะ stage 3 4 NREM ลดลง ร้อยละ 15 – 20 ของระยะเวลานอนทั้งหมด
3) ระยะ REM ลดลง ร้อยละ 20-25 ของระยะเวลานอนทั้งหมด
4) ตื่นเป็นระยะ 1-2 ครั้งต่อคืน
5) ตื่นเร็วกว่าเดิมและงีบหลับ (nap) ในตอนกลางวันเพิ่มขึ้น
3.3 ปัจจัยที่มีผลต่อการนอนไม่หลับในผู้สูงอายุ
3.3.1 ปัจจัยภายในร่างกาย
ได้แก่ ความเจ็บปวดมีผลทำให้เกิดความไม่สุขสบาย รบกวนการนอนหลับทำให้สะดุ้งตื่นบ่อย
3.2.2 ปัจจัยภายนอกร่างกาย
ได้แก่ เสียงรบกวนทำให้ระยะก่อนเคลิ้มนานขึ้น ระยะเวลาในการนอนหลับลดลง สะดุ้งตื่นเพิ่มขึ้น
3.4 การประเมินภาวะนอนไม่หลับ
3.4.1 คำถามเบื้องต้นสำหรับการประเมินการนอน ได้แก่
เวลาเข้านอน และเวลาตื่นนอนโดยส่วนใหญ่คือเวลาใด
3.4.2 ตรวจสอบประวัติโรคประจำตัว
3.4.3 ตรวจสอบประวัติการใช้สารเสพติด
3.4.4 สังเกตอาการและอาการแสดง เชํน งํวงนอนในตอนกลางวัน มีการงีบหลับ หาวนอนบ่อยๆ
3.5 การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการนอนหลับ
เข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลา
เข้านอนเมื่อรู้สึกง่วงเท่านั้น
จัดสิ่งแวดล้อมที่เงียบสงบปราศจากสิ่งรบกวน
ที่นอน หมอนที่อํอนนุ่มหรือไม่แข็งเกินไป สะอาด
กํอนเข้านอนควรทำความสะอาดร่างกาย ปากฟัน ปัสสาวะก่อนเข้านอน
4. การจัดการความเครียดในผู้สูงอายุ
(Stress management)
4.1 สาเหตุของความเครียด
4.1.1 สาเหตุด้านร่างกาย ได้แก่
1) การเจ็บปุวยในวัยสูงอายุมักพบการสูญเสีย
สมรรถภาพ
2) ขาดปัจจัยพื้นฐาน
3) การถูกทำร้าย การถูกทารุณกรรม
4.1.2 สาเหตุด้านจิตใจ ได้แก่
1) สัมพันธภาพกับบุคคลในครอบครัว
2) การถูกทอดทิ้ง 3) การสูญเสีย
4.1.3 สาเหตุด้านสังคม เช่น สภาวะทางเศรษฐกิจ
4.2 การตอบสนองต่อความเครียด
เมื่อเราเกิดความเครียด ร่างกายและจิตใจเราจะมีการสนองตอบ
4.3 การประเมินความเครียด
4.3.1 การประเมินโดยใช้แบบสอบถาม
เช่น แบบวัดความเครียด กรมสุขภาพจิต
4.3.2 การสังเกตและสัมภาษณ์บุคคล
หรือผู้ใกล้ชิด
4.3.3 การตรวจร่างกาย เพื่อดูความผิดปกติ
ของร่างกาย
4.4 การจัดการต่อความเครียด
การจัดการกับความเครียดโดยมุ่งแก้ไขปัญหา
(problem-focused coping)
การปรับแก้โดยมุ่งปรับอารมณ์
(emotion-focused coping)
4.5 การพยาบาลผู้สูงอายุที่มีภาวะเครียด
4.4.1 ประเมินปัญหาทางการพยาบาล (Assessment)
พยาบาลควรประเมินข้อมูลอัตนัยและปรนัยโดยใช้วิธีการต่างๆ
4.4.2 การวินิจฉัยการพยาบาล (nursing diagnosis) กำหนดวัตถุประสงค์(objective) และเป้าหมายการพยาบาล (Goal)
4.4.3 การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
5. การนันทนาการในผู้สูงอายุ
กับการสร้างเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ
5.1 ความหมายนันทนาการ
หมายถึง กิจกรรมที่ทำตามสมัครใจในยามว่าง เพื่อให้เกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินและผํอนคลายความตึงเครียด การสราญใจ
5.2 คุณลักษณะของนันทนาการ
(1) ต้องมีการกระทำ คือ มีการแสดงออกถึงการกระทำหรือกระทำปฏิบัติ
(2) ต้องเข้าร่วมกิจกรรมด้วยความสมัครใจ
(3) กิจกรรมนั้นต้องกระทำในเวลาว่าง
(4) กิจกรรมนั้นต้องสร้างความพึงพอใจ
5.3 ประโยชน์ของกิจกรรมนันทนาการ
ต่อผู้สูงอายุ
ทำให้ร่างกายแข็งแรง อายุยืน ป้องกันโรค
นำไปสูํการมองโลกในแง่ดี ความรู้สึกมีอิสระ
ที่จะเลือกหรือ กระทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
ฝึกให้สมองได้คิดวางแผน ได้ชํวยเหลือสังคมของตน
5.4 กิจกรรมนันทนาการที่เหมาะสำหรับ
ผู้สูงอายุ
กิจกรรมนันทนาการเกม กีฬาและการละเล่น
กิจกรรมนันทนาการศิลปะหัตถกรรม
กิจกรรมนันทนาการการร้องเพลงและดนตรี
กิจกรรมนันทนาการเข้าจังหวะและการเต้นรำ
กิจกรรมนันทนาการด้านภาษาและวรรณกรรม
5.5 แนวทางการจัดกิจกรรมนันทนา
การสำหรับผู้สูงอายุ
ประเมินผู้สูงอายุ
ควรคำนึงถึงความต้องการความถนัด ความสนใจ
คำนึงถึงข้อจำกัดทางด้านร่างกาย
บุคลากรที่จัดกิจกรรม ควรคำนึงถึงสถานที่
เลือกกิจกรรมให้เหมาะสม
การเตรียมการต่างๆ
การสิ้นสุดกิจกรรม
6. การพยาบาลเพื่อการจัดสิ่งแวดล้อม
สำหรับผู้สูงอายุ (Environment)
6.1 กระบวนการเปลี่ยนแปลงร่างกายที่ส่งผลให้เกิด
การบาดเจ็บเนื่องจากการมีสภาพแวดล้อม
ไม่เหมาะสมในผู้สูงอายุ
ลานสายตาแคบลง การมองเห็นไมํชัดเจน
จากโรคต้อกระจก
การเสื่อมถอยทางการได้ยิน เชํน หูตึง ได้ยินไม่ชัด
ความเสื่อมถอยของกล้ามเนื้อ
ความเสื่อมถอยของกระดูก
ประสาทรับความรู้สึกลดน้อยลง
ความเสื่อมถอยของระบบประสาทและสมอง
6.2 สิ่งแวดล้อมของที่อยู่อาศัย
ที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ
ตัวบ้าน ควรเป็นบ้านชั้นเดียว ไม่มีขั้นที่สูง
พื้น ควรปรับให้มีลักษณะเป็นพื้นเรียบ ไม่ขรุขระ
บันได ควรติดตั้งราวจับที่มั่นคงเพื่อให้สะดวกในการยึดเกาะเดินขึ้นลง
ประตู ไม่ควรมีธรณีประตูเพราะเป็นสาเหตุของการสะดุดหกล้ม
ห้องนอนควรจัดให้อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
ห้องน้ำ มีราวจับ พื้นไม่ลื่น แสงสว่างเพียงพอ
เก้าอี้ควรมีพนักพิง และมีความสูงในระดับที่สามารถวางเท้าถึงพื้นได้
แสงไฟสว่างเพียงพอในเวลากลางวันและกลางคืน
สัญญาณขอความช่วยเหลือเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรติดไว้ตามจุดต่างๆภายในบ้าน
การตกแต่งภายในบ้านควรมีรูปถ่ายที่ผู้สูงอายุคุ้นเคย
7. การมีส่วนร่วมในสังคม
(Social Participation
)
7.1 ความหมาย การมีส่วนร่วมในสังคม (participation)
หมายถึง การมีกิจกรรมในครอบครัว ชุมชน และสังคม เป็นผู้ดำรงไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชนและวัฒนธรรมของสังคม
7.2 ความสำคัญของการมีส่วนร่วมในสังคมของผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุเป็นบุคคลที่เพียบพร้อมไปด้วยความรู้ และประสบการณ์ เป็นผู้ถึงพร้อม
ทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิ
7.3 มีทฤษฎีเกี่ยวกับผู้สูงอายุที่กล่าวถึง บทบาททางสังคม และกิจกรรมทางสังคมของผู้สูงอายุไว้
คือ ทฤษฎีบทบาททางสังคมและทฤษฎีกิจกรรมทางสังคม
7.4 ประโยชน์ที่ได้จากกิจกรรมบริการผู้อื่น
ได้แก่ การได้เสียสละ การช่วยเหลือผู้อื่น ติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น การเสียสละต่อสังคม การเสียสละหรือบริการผู้อื่น
7.5 ประเภทของการมีส่วนร่วมในสังคม
ได้แก่ การช่วยเหลืองานของสมาชิกในครอบครัว เข้าร่วมในสมาคมต่างๆ การทำงานในยามว่าง
8.การป้องกันภาวะพลัดตกหกล้ม
(Prevention of Fall)
8.1 ความหมายของการพลัดตกหกล้ม
หมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่บุคคลเสียหลักล้มลงไปที่พื้นหรือพื้นที่มีระดับต่ำกว่า
8.2 ปัจจัยเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ
1) ปัจจัยภายในบุคคล (Intrinsic factor) การเปลี่ยนแปลงของกระบวนการเสื่อมของร่างกายตามวัย การเจ็บป่วยหรือพยาธิสภาพของโรค
ปัจจัยภายนอกบุคคล (Extrinsic factor) สิ่งแวดล้อมภายในบ้าน
8.3 ผลกระทบของการพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ
1) ผลกระทบทางด้านร่างกาย
2) ผลกระทบทางด้านจิตใจ
3) ผลกระทบทางด้านสังคม
8.4 การประเมินความเสี่ยงในการพลัดตกหกล้ม
1) การประเมินความสามารถในการเดิน และการทรงตัว
ประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน
แบบประเมินสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยภายในบ้าน
8.5 หลักการพยาบาลเพื่อการป้องกัน
การพลัดตกหกล้มในผู้สูงอายุ
การจำแนกผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการพลัดตกหกล้ม
การให้คำแนะนำแก่ผู้สูงอายุ
การดูแลผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงต่อการพลัดตกหกล้ม
นางสาวปาริฉัตร กลับกลาง 621201136