Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
:<3:ระบบหัวใจและหลอดเลือด :<3:, unnamed (1), e9c724eeb5636d1c1c1a2c2…
:<3:ระบบหัวใจและหลอดเลือด :<3:
:explode:ความสำคัญของระบบไหลเวียน :explode:
ระบบไหลเวียนเลืิอดจะนำออกซิเจน/สิ่งจำป็นในการดำรงชีวิต ไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆของร่างกาย และนำของเสียกลับออกมาเพื่อขับออก
ถ้ามีเหตุให้หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจหยุดเต้น ปริมาณเลือดลดลง/เส้นเลือดไม่สามารถรับเลือดที่ส่งมาได้ เช่นการฉีกขาด,อุดตัน จะทำให้อวัยวะส่วนนั้นเกิดอันตราย หากไม่แก้ไขอาจเจ็บป่วยถึงชีวิตได้
:star:คำศัพท์ที่ควรทราบ :star:
Congestion
การคั่งของน้ำหรือเลือดในอวัยวะต่างๆของร่างกาย
Embolus
ลิ่มเลือด ฟองอากาศ ไขมัน ที่ลอยอยู่ในหลอดเลือด
Atherosclerosis
การแข็งตัวของหลอดเลือดแดง
Infarction
การตายของเนื้อเยื่อจากการขาดออกซิเจน
Aneurysm
การโป่งพองของผนังหลอดเลือด
Ischemia
การได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ
Afterload
แรงต้านการบีบตัวของหัวใจห้องล่างซ้าย
Orthopnea
เหนื่อย นอนราบไม่ได้
Paroxysmal nocturnal dyspnea
หายใจลำบากขณะนอนหลับเมื่อนอนราบปกติ
Plaque
แผ่นนูนที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวของอวัยวะต่างๆ
Preload
แรงดันหัวใจห้องล่างซ้าย เมื่อหัวใจคลายตัวเต็มที่
Septum
ผนังกั้น
Stenosis
การตีบแคบของส่วนที่เป็นท่อหรือ รู
Varicose
การพองตัวและคดงอ
:star:ส่วนประกอบของหัวใจ :star:
Superior vena cava/Inferior vena cava
Right atrum/ Right ventricle
Left atrum/ Left ventricle
Tricuspid valve/Bicuspid valve
Pulmonary valve/ Aortic valve
Arch of aorta
การทำงานของระบบไหลเวีบยโลหิต :<3:
สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย เลือดที่ร่างกายใช้ออกซิเจนแล้วจะเป็นเลือดดำ เลือดดำจะไหลเข้าสู่หัวใจทางห้องบนขวา( RA) แล้วไหลลงสู่ห้องล่างขวา(RV)โดยผ่านลิ้นหัวใจ (ลิ้นไตรคัสปิด) ห้องล่างขวาจะบีบตัวส่งเลือดไปยังปอด โดยผ่านลิ้นหัวใจพัลโมนารี่ (PA) ไปยังปอดทั้งสองข้าง เลือดดำจะได้รับการฟอกที่ปอด โดยการรับออกซิเจนและปล่อยกาซคาร์บอนไดออกไซด์ กาซคาร์บอนไดออกไซด์จะถูกขจัดออกทางปอดโดยการหายใจ เลือดดำที่ได้รับออกซิเจนจะเปลี่ยนเป็นเลือดแดง ไหลกลับสู่หัวใจทางห้องบนซ้าย( LA) และผ่านลงห้องล่างซ้าย(LV) โดยผ่านลิ้นหัวใจ (ลิ้นไมตรัล) หัวใจห้องล่างซ้ายจะสูบฉีดเลือดแดงไปเลี้ยงร่างกายผ่านทางลิ้นเอออร์ติค ออกสู่เส้นเลือดแดงใหญ่(Aorta).
วิธีการประเมิณการทำงานของหัวใจ
วิธีการวัดความดันโลหิต (เครื่องวัดแบบอัตโนมัติ)
นำเครื่องวัดความดันวางในแนวระดับเดียวกับหัวใจ
นำผ้าพันแขน (cuff) พันที่ต้นแขนเหนือข้อพับแขนประมาณ
2 นิ้ว โดยพันไม่แน่นจนเกินไป
เตรียมความพร้อมจัดท่าให้ผู้ป่วยสุขสบาย หากมีกิจกรรมก่อนการวัดให้พักอย่างน้อย 15 – 30 นาที
วางแขนให้นิ่งและกดปุ่มเปิดเครื่อง (start) รอเครื่องอ่านผล
ประเมินสภาพผู้ป่วยและแจ้งให้ทราบว่าจะวัดอุณหภูมิร่างกายให้บอกวัตถุประสงค์และแจ้งรายละเอียดการวัด
สามารถอ่านค่าความดันโลหิตตามที่หน้าจอแสดงผลตามภาพ
ชีพจร (Pulse)
วิธีการวัดชีพจร
เตรียมความพร้อมจัดท่าให้ผู้ป่วยสุขสบาย หากมีกิจกรรมก่อนการวัดให้พักอย่างน้อย 15 – 30 นาที
การนับชีพจรให้นับจังหวะการเต้นของหลอดเลือดที่กระทบนิ้วในเวลา 1 นาที จะได้ค่าของชีพจร
ประเมินสภาพผู้ป่วยและแจ้งให้ทราบว่าจะวัดชีพจรให้บอกวัตถุประสงค์และรายละเอียดการวัด
ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลางคลำที่หลอดเลือด โดยปกติจุดที่ใช้คลำชีพจรอยู่ที่บริเวณข้อมือด้านหน้าที่ร่องด้านนิ้วหัวแม่มือ หรือคลำชีพจรอยู่ที่บริเวณข้อศอกด้านนิ้วก้อย เป็นจุดที่สะดวกเพราะเป็นที่ที่จับได้ง่ายและไม่รบกวนผู้ป่วย
ความผิดปกติของหลอดเลือด :!:
การหนาตัวของผนังหลอดเลือด
เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดชั้นในหนาตัวขึ้นเรื่อย ๆ มีไขมันไปสะสมระหว่างหลอดเลือดเป็นไขมัน จนในที่สุดทำให้เกิดหลอดเลือดตีบตัน เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการของอวัยวะต่าง ๆ ขาดเลือดเกิดขึ้น
อวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ หัวใจ สมอง ไต ลำไส้เล็ก และ lower extremities.
Carotid / Vertebral artery
CVA/ Stroke
Renal artery
Hypertension renal ischemia
Coronary artery
Angina pectoris, Myocardial infarction
Mesenteric artery
Intestinal ischemia, Peritonitis
Abdominal aorta/ Terminal aorta
เลือดไปเลี้ยงส้วนต่างๆของ lower extremities น้อยลง อาจพบ gangrene ที่นิ้วหัวแม่เท้า
ระดับของเอนไซม์ต่างๆสูงขึ้น จากกระบวนการ matabolism ในร่างกาย เมื่อมีการทำลายเซลล์มากขึ้น เนื่องจากขาดเลือดมาเลี้ยง เอนไซม์เหล่านี้จะเพิ่มขึ้นในกระแสเลือด
ALT (Alanine Aminotranaferase)
LDH (Lactate dehydrogenase)
AST (Aspatate Aminotranaferase)
Creatine kinase
:<3:หลักการรักษาพยาบาล :<3:
ผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะ มีโอกาสเกิดภาวะ atherosclerosis เนื่องจากมีระดับไขมันในเลือดสูง การแนะนาให้ปรับ พฤติกรรมสุขภาพใหม่เป็นบทบาทของพยาบาลโดยเน้นการออกกาลังกายการลดปัจจัยเสยี่งต่างๆเช่นการสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และแนะนาการควบคุมน้าหนัก เป็นต้น
หลักการรักษาภาวะ atherosclerosis คือการทำให้ผนังหลอดเลือดบางลง เพื่อเพิ่ม งวดของหลอดเลือด โดยการทำผ่าตัดเพ่ือดูดเอา plaque ออก (endarterectomy) หรือ ทำการตัดต่อเส้นเลือด (Surgical bypass) การทำ Balloon angioplasty แล ะ การทำ endovascular stent
:no_entry:ความผิดปกติในระบบหัวใจและหลอดเลือดที่สำคัญ :no_entry:
ภาวะความดันโลหิตสูง
คือ
ความดันโลหิตตัวบน ( Systolic Pressure ) สูงกว่า 140 มิลลิเมตรปรอท
ความดันโลหิตตัวล่าง ( diastolic Pressure ) สูงกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท การแบ่งระดับความรุนแรงของความดันโลหิตสูง มีการแบ่งระดับความรุนแรงของความดันโลหิตสูง
ระดับความดันโลหิต
ชนิดของความดันโลหิตสูง
-Primary hypertension เป็นความความดันโลหิตสูงชนิด ไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งพบเป็นส่วนใหญ่ของผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูง (ประมาณร้อยละ 90) และ พบว่ามีปัจจัยส่งเสริมต่าง ๆ ที่ชักนาให้เกิดความดันโลหิตสูง
-Secondaryhypertension เป็นความดันโลหิตสูงชนิดท่ีทราบสาเหตุ
-มีสาเหตุจากโรคไตเช่นโรคหลอดเลือดแดงของ ไตตีบ (renal artery stenosis)
-สาเหตุจากโรคของระบบต่อมไร้ท่อ เช่น Cushing's syndrome, Pheochromocytoma -สาเหตุจากระบบประสาทผิดปกติ เช่น เน้ืองอกในสมองท่ีสร้าง catecholamine
-สาเหตุจากเลือดออกในสมอง
-สาเหตุ จากการได้รับยาหรือสารกระตุ้นจากภายนอกทาใหค้วามดันโลหิตสูง เช่น ยาคุมกาเนิด corticosteroid, caffeine, narcotic cocaine และ amphetamine
เมื่อแก้ไขสาเหตุได้ ความดันโลหิตจะกลับมาปกติ
ตัวกำหนดที่สาคัญคือ ปริมาณเลือดที่ หัวใจสูบฉีดใน 1 นาที (cardiac output) และแรงต้านทานของหลอดเลือด (peripheral resistance)
BP = CO x PR
BP = Blood Pressure
CO = Cardiac Output
PR = Peripheral Resistance
เมื่อมีการเพิ่มของ Cardiac Output และ/หรือการเพิ่มแรงต้านทานของหลอดเลือดจะทาใหค้ วามดันโลหิตสูงขึ้น
พยาธิสรีรภาพ
-Sympathetic nervous system มี overactivity เพิ่มการหลั่งของสาร adrenaline และ Noreadrenaline มากกว่าปกติ
-Renin angiotensin system พยายามศึกษาระดับเรนินในพลาสม่า ผู้ป่วยท่ีมีความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ โดยแบ่งตามระดับเรนินว่าสูง ปกติหรือต่ำ
-enetic defect มีความผิดปกติของไตตั้งแต่กำเนิด
ไม่สามารถ excrete sodium และน้ำได้
:explode:พยาธิสรีรภาพ :explode:
การที่ไตถูกทาลาย หรือ หลอดเลือดแดงไปเลี้ยงที่ไตตีบลง จะกระตุ้น renin angiotensin aldosterone System = renin enzyme ถูกหลั่งออกมาจาก Juxtaglomerular cell ของ renal afferent arteriole มากขึ้น ทำปฏิกิริยาต่อ Renin substrate จากตับ เป็น Angiotensin I แล้ว Angiotensin converting enzyme จากปอดจะเปลี่ยน Angiotensin I เป็น Angiotensin II ซึ่งเป็นตัวทำให้หลอดเลือดหดตัว และ Angiotensin กระตุ้นให้ Adrenal gland หลั่ง Aldosterone ซึ่งเป็น hormone ท่ี เพิ่มความสามารถในการดูดซึมโซเดียมและน้าที่ distal tubule
เพื่อแลกเปลี่ยนโปแตสเซี่ยม ทำให้มีการเพิ่มปริมาณในระบบไหลเวียนโลหิตเพิ่มขึ้นมีผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
:fire:ความดันโลหิตต่ำจากการเปลี่ยนท่า :fire:
เกิดขึ้นเมื่อเปลี่ยนตำแหน่ง จากการนั่งหรือนอนเป็นยืนขึ้น อาการที่ชัดเจนมากที่สุดคือ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ หรือแม้กระทั่งเป็นลม ภาวะความดันโลหิตต่ำจากการเปลี่ยนท่ามักมีอาการไม่รุนแรง โดยมักมีอาการจากไม่กี่วินาทีไปจนถึงสองสามนาทีหลังจากยืนขึ้น
ความผิดปกติอื่นๆของหลอดเลือด
Aortic aneurysm
Kawasaki’s disease
Thromboangitis obliterans
Raynaud’s syndrome
Venous thrombosis
Takayasu’s disease
:warning:กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด :warning:
เกิดจากหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และกล้ามเนื้อหัวใจตายในที่สุด การดำรงชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่จะทำงานนั่งโต๊ะ ขาดการออกกำลังกาย กินอาหารจานด่วน อ้วนพุงโต เป็นปัจจัยส่งเสริมภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ หรืออุดตัน จนกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยง ส่วนปัจจัยเสี่ยงอื่นๆเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่ มีประวัติสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตั้งแต่อายุน้อย ถ้ามีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง โอกาสที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคหลอดเลือดสมองตีบก็จะสูงไปด้วย นอกจากนี้ อายุที่มากขึ้นก็จะทำให้หลอดเลือดทั่วร่างกายตีบมากขึ้นด้วย
ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถแก้ไขได้
เพศชาย
ประวัติของโรคหลอดเลือดหัวใจในครอบครัว
อายุที่มากขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถแก้ไขได้
ไขมันในเลือดสูง
ความดันโลหิตสูง
การสูบบุหรี่
อ้วนลงพุง
เบาหวาน
ความเครียด
อาการ
อาการเจ็บแน่น เหมือนมีของหนักๆมาทับ ที่หน้าอกด้านซ้าย หรือตรงกลางหน้าอก อาการเจ็บอาจร้าวไปที่แขนซ้าย กรามหรือคอด้านซ้าย และมักจะมีอาการขณะออกแรง หยุดพักแล้วดีขึ้น หรืออมยาขยายหลอดเลือดหัวใจแล้วดีขึ้น
ลิ้นหัวใจพิการ
โรคลิ้นหัวใจพิการ อาจเป็นผลให้เกิด
hypertrophy ของ venticle ข้างซ้ายหรือข้างขวา ทำให้การทำงานของหัวใจผิดปกติและมีอาการ หัวใจล้มเหลว
dilatation of venticle ของช่องหัวใจ ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
การอุดกั้นของเลือดจากหัวใจห้องบนลงห้องล่าง ทำให้เกิดการคั่งของเลือดในอวัยวะต่าง ๆ
การลดลงของปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจ
การรักษาภาวะลิ้นหัวใจพิการอาจทำได้โดยการใช้ยา การขยายโดยใช้บอลลูน การผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจ หรือการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ ดังนั้นการประเมินการสูญเสียสมรรถภาพควรทำหลังจากผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ ดังกล่าวแล้วข้างต้นและต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งในการฟื้นฟูสภาพของหัวใจ
ปอดและอวัยวะอื่น ๆ
ภาวะหัวใจล้มเหลว
ภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างเพียงพอจนส่งผลให้อวัยวะต่างเกิดการขาดออกซิเจน นอกจากนั้นหัวใจซึ่งทำหน้าที่เหมือนปั๊มน้ำ เพื่อส่งเลือดออกจากห้องหัวใจ เมื่อหัวใจมีความบกพร่องในการสูบฉีดเลือด จะส่งผลให้เกิดมีภาวะคั่งของเลือดหรือน้ำในห้องหัวใจตามมาได้ และเกิดการล้นกลับไปที่ปอด หรือเกิดภาวะที่เรียกว่าน้ำท่วมปอด