Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หญิง อายุ 65 นํ้าหนัก 65 Kgs ส่วนสูง 165 Cms BMI 23.88 Kg/m2 - Coggle…
หญิง อายุ 65 นํ้าหนัก 65 Kgs ส่วนสูง 165 Cms BMI 23.88 Kg/m2
การวินิจฉัยของแพทย์ Cataract Rt.eye with acute glaucoma Lt.eye with exacerbation psoriasis
acute glaucoma
สาเหตุ
โดยปกติในลูกตาเราจะมีการสร้างน้ำหล่อเลี้ยงภายในที่มีการหมุนเวียนออกจากลูกตาในระดับที่สมดุลกับการสร้าง เพื่อคงระดับความดันตาให้อยู่ในระดับที่ปกติคือ 10-20 มิลลิเมตรปรอท ผู้ที่มีภาวะต้อหินเฉียบพลัน เกิดจากมีการปิดกั้นช่องทางระบายน้ำที่ออกจากลูกตา ส่งผลให้ความดันตาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
อาการต้อหินเฉียบพลัน
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตา และปวดศีรษะข้างหนึ่งอย่างฉับพลันรุนแรงต่อเนื่อง มักจะปวดจนนอนไม่หลับ กินยาบรรเทาปวดก็ไม่ทุเลา นอกจากนี้ ยังพบว่ามีอาการตาพร่ามัว มองเห็นแสงสีรุ้ง และคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย หากสังเกตุดูที่ตาขาวจะพบว่ามีลักษณะแดงมากขึ้นและอาจสังเกตุได้ว่าบริเวณกระจกตาดำดูขุ่นกว่าปกติ
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อหินเฉียบพลัน
1 ผู้หญิง เพราะพบได้มากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ในเคส เป็นผู้หญิง
2.ผู้ที่มีเชื้อชาติเอเชีย คนเอเชียจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อหินชนิดมุมปิดได้มากกว่าชาติอื่น ๆ เนื่องจากโครงสร้างลูกตามีแนวโน้มที่มุมระบายน้ำหล่อเลี้ยงลูกตาจะมีความแคบมากกว่าชาวยุโรปหรืออเมริกันถึง 9 เท่า
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป จะมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ทุกคน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่แก้วตาจะหนาตัวมากขึ้นตามอายุและทำให้ช่องด้านหน้าในลูกตาที่แคบอยู่แล้วยิ่งแคบมากขึ้นไปอีก จึงมีโอกาสเกิดต้อหินได้มากขึ้น จึงมักพบโรคนี้ในคนอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ในเคส อายุ 65 ปี
4.ผู้ที่มีสายตายาว เพราะมีกระบอกตาสั้นและช่องด้านหน้าในลูกตาแคบ
5.ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้ (กรรมพันธุ์หรือพันธุกรรม) เพราะโรคนี้สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้ จึงมักพบพ่อแม่พี่น้องของผู้ป่วยเป็นโรคนี้ร่วมด้วย
6.สาเหตุอื่น ๆ เช่น เกิดจากโรคตาบางอย่าง (เช่น เป็นต้อกระจกที่ต้อแก่แล้วและไม่ได้รับการผ่าตัด แต่ส่วนใหญ่แล้วโรคนี้จะเกิดขึ้นฉับพลันโดยไม่มีโรคตาอื่น ๆ นำมาก่อน) หรือเกิดจากอุบัติเหตุจนแก้วตาเคลื่อนไปจากเดิม ในเคสนี้ มีต้อกระจกร่วมด้วย
การรักษา
รักษาโดยใช้ยา
ยากลุ่ม Carbonic Anhydrase Inhibitor ยากลุ่มนี้บางตัวสามารถเพิ่มเลือดไปเลี้ยงบริเวณขั้วประสาทตาได้ แต่บางรายอาจมีอาการแสบตา ยากลุ่มนี้สามารถลดความดันตาได้ดี แต่อาจทำให้ชาปลายมือ – เท้า เบื่ออาหาร น้ำหนักลดได้
ยากลุ่ม Cholinergic ยากลุ่มนี้เป็นยาที่ใช้มานาน เพิ่มการไหลออกของน้ำในช่องด้านหน้าลูกตา ทำให้ความดันลด
ยากลุ่ม Fixed Combination ยาที่รวมเอายา 2 ชนิดไว้ในขวดเดียวกัน เพื่อเพิ่มความสะดวกในการหยอดตา
รักษาโดยการใช้แสงเลเซอร์
รักษาโดยการผ่าตัด
การรักษาโดยการผ่าตัดมุ่งเน้นที่การทำช่องระบายน้ำภายในลูกตา (Aqueous) จากช่องลูกตาส่วนหน้าออกมาสู่ภายนอก เพื่อลดความดันตา การผ่าตัดต้องทำในห้องผ่าตัด ใช้เพียงการฉีดยาชาหรือดมยาสลบสำหรับผู้ป่วยที่เป็นเด็กเล็กใช้วิธีผ่าตัด ในกรณีที่ได้รับการรักษาโดยใช้ยาและเลเซอร์อย่างเต็มที่แล้ว แต่ไม่สามารถควบคุมความดันตาให้อยู่ในระดับที่ปกติได้ หรือรักษาจนความดันตาอยู่ในระดับปกติแต่ยังไม่หายอาจมีการสูญเสียลานสายตาหรือเส้นใยประสาทตาอย่างต่อเนื่อง
ยากลุ่ม Adrenergic Agonist ยากลุ่มนี้บางตัวมีฤทธิ์ปกป้องสายตาได้ด้วย (Neuroprotection) แต่ควรระวังในผู้ป่วยเด็กเล็ก อาจทำให้อ่อนเพลียและง่วงซึม บางรายอาจมีอาการแพ้ได้
exacerbation psoriasis
เป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของผิวหนังอีกโรคหนึ่งที่มีผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย พบโรคนี้ได้ประมาณร้อยละ 1-2 ของประชากร ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ทราบเพียงว่าเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ พันธุกรรม ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันและปัจจัยกระตุ้นภายนอก ทำให้มีผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินมีการแบ่งตัวของเซลผิวหนังเร็วผิดปกติ
ลักษณะทางคลินิก
โรคสะเก็ดเงินจำแนกเป็นชนิดต่างๆตามลักษณะทางคลินิกดังต่อไปนี้
ชนิดผื่นหนา (Plaque psoriasis) เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด รอยโรคเป็นผื่นแดงหนา ขอบเขตชัด ขุยหนาสีขาวหรือสีเงินจึงได้ชื่อว่า”โรคสะเก็ดเงิน” พบบ่อยบริเวณหนังศีรษะ ลำตัว แขนขา โดยเฉพาะบริเวณ ข้อศอก และหัวเข่าซึ่งเป็นบริเวณที่มีการเสียดสี
ชนิดผื่นขนาดเล็ก (Guttate psoriasis) รอยโรคเป็นตุ่มแดงเล็กคล้ายหยดน้ำขนาดเล็กไม่เกิน 1 เซนติเมตร มีขุย ผู้ป่วยมักมีอายุน้อยกว่า 30 ปี และอาจมีประวัติการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนนำมาก่อน
ชนิดตุ่มหนอง (Pustular psoriasis) รอยโรคเป็นตุ่มหนองกระจายบนผิวหนังที่มีการอักเสบแดง ในรายที่เป็นมากอาจมีไข้ร่วมด้วย
ชนิดผื่นแดงลอกทั่วตัว (Erythrodermic psoriasis) เป็นสะเก็ดเงินชนิดรุนแรง ผิวหนังมีลักษณะแดงและมีขุยลอกเกือบทั่วพื้นที่ผิวทั้งหมดของร่างกาย อาจเกิดจากการขาดยาหรือมีปัจจัยกระตุ้น
สะเก็ดเงินบริเวณซอกพับ (Inverse psoriasis) เป็นโรคสะเก็ดเงินที่มีรอยโรคในบริเวณซอกพับของร่างกาย ได้แก่ รักแร้ ขาหนีบ และใต้ราวนม เป็นต้น ลักษณะเป็นผื่นแดงเรื้อรังและมักไม่ค่อยมีขุย
สะเก็ดเงินบริเวณมือเท้า (Palmoplantar psoriasis) เป็นโรคสะเก็ดเงินบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ลักษณะเป็นผื่นแดงขอบเขตชัดเจน ขุยลอก ผื่นอาจพบลามมาบริเวณหลังมือ หลังเท้าได้
เล็บสะเก็ดเงิน (Psoriatic nails) ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินมักพบมีความผิดปกติของเล็บร่วมด้วย ที่พบบ่อยได้แก่ เล็บเป็นหลุม, เล็บร่อน, เล็บหนาตัวขึ้นและเล็บผิดรูป
ข้ออักเสบสะเก็ดเงิน (Psoriatic arthritis) ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินอาจพบมีความผิดปกติการอักเสบของข้อร่วมด้วย ซึ่งพบได้ทั้งข้อใหญ่ ข้อเล็ก อาจเป็นข้อเดียว หรือ หลายข้อ ส่วนใหญ่การอักเสบของมือจะเกิดที่ข้อนิ้วมือซึ่งหากเป็นเรื้อรังและทำให้เกิดการผิดรูปได้
การรักษาโรคสะเก็ดเงิน
ยาทาภายนอก
1.ยาทาคอติโคสเตียรอยด์ (topical corticosteroids) ส่วนใหญ่นิยมใช้เนื่องจากเป็นครีมขาวใช้ง่าย และตอบสนองต่อการรักษาดีแต่หากใช้ยาที่แรงเกินไปร่วมกับทาเป็นระยะเวลานานจะทำให้เกิดผิวหนังบางและเกิดรอยแตกของผิวหนังได้ รวมถึงอาจเกิดการดื้อยาและอาจกดการทำงานของต่อมหมวกไตได้
น้ำมันดิน (tar)มีฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลผิวหนังที่ผิดปกติ ประสิทธิภาพดี แต่น้ำมันดินมีสีน้ำตาล กลิ่นเหม็น เวลาทาอาจทำให้เปรอะเปื้อนเสื้อผ้าอาจพบผลข้างเคียงคือเกิดรูขุมขนอักเสบ หรือระคายเคืองผิวหนังบริเวณที่ทายาได้
แอนทราลิน (anthralin, dithranol)มีฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลผิวหนังที่ผิดปกติ แต่อาจทำให้ระคายเคืองผิวหนังรวมถึงผิวหนังบริเวณที่ทายามีสีคล้ำขึ้นได้
ยารับประทานรักษาโรคสะเก็ดเงิน 3ชนิด
เมทโทเทรกเสท (methotrexate)
อาซิเทรติน (acitretin)
ไซโคลสปอริน (cyclosporin)
การฉายแสงอาทิตย์เทียม (Phototherapy)
ยาฉีดกลุ่มชีวภาพ (Biological agents)