Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

บริการแนะแนว - Coggle Diagram

- - - - การจัดวางตัวบุคคลภายในโรงเรียน
      - การจัดวางตัวบุคคลภายนอกโรงเรียน
    - - การจัดวางตัวบุคคลทางด้านการศึกษา
        
        การจัดวางตัวผู้เรียนในชั้นเรียน
        
        จัดบรรยากาศในชั้นเรียนให้เหมาะสมทั้งด้านกายภาพและจิตวิทยา
        
        การจัดวางตัวผู้เรียนเรื่องวิชาเรียนและแผนการเรียน
        
        จัดกิจกรรมเสริมหลักสูตร
        
        เปิดโอกาสให้นักเรียนฝึกปฏิบัติ
        
        การจัดวางตัวผู้เรียนในเรื่องกิจกรรม
        
        จัดวิชาเลือกเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียน
        
        ให้ข้อมูลเพื่อป้องกันไม่ให้เลือกวิชาเรียนโดยขาดความรู้
        
        การจัดวางตัวผู้เรียนเข้าโครงการพิเศษ
        
        การจัดวางตัวผู้เรียนที่มีผลการเรียนต่ำ
        
        การจัดวางตัวผู้เรียนที่มีความสามารถพิเศษ
        
        การจัดวางตัวผู้เรียนที่มีความต้องการทั่วไป
        
        การจัดวางตัวผู้เรียนเข้าโครงการการศึกษาพิเศษ
        
        การจัดการศึกษาให้ผู้เรียนที่มีความบกพร่องหรือมีความต้องการพิเศษ
        
        ให้ผู้เรียนทุกคนมีโอกาสทางการศึกษา
        
        การจัดวางตัวผู้เรียนด้านทุนการศึกษา
        
        มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี ขาดแคลนทุนทรัพย์
        
        ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ยืมเพื่อการศึกษา
        
        การจัดวางตัวผู้เรียนด้านการศึกษาต่อ
        
        ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไปหรือการประกอบอาชีพ
      - การจัดวางตัวบุคคลด้านอาชีพ
      - การจัดวางตัวบุคคลด้านส่วนตัวและสังคม
- - - - เพื่อให้ผู้แนะแนวรู้จักและเข้าใจนักเรียนในสภาพจริง
      - นำผลการสังเกตไปเป็นข้อมูลสำหรับ
        ช่วยเหลือและสนับสนุนผู้เรียนต่อไป
    - - วิธีการสังเกต
        
        การสังเกตโดยการเข้าไปร่วม
        
        ผู้สังเกตไปร่วมอยู่ในวงผู้ที่ถูกสังเกต
        และมีการร่วมกันทำกิจกรรม
        
        อาจเกิดความรู้สึกส่วนตัวที่กระทบ
        ต่อผลการสังเกต เช่น ความสงสาร อคติ
        
        การสังเกตโดยการไม่เข้าไปร่วม
        
        ผู้สังเกตอยู่นอกวงของผู้ถูกสังเกต ซึ่งผู้ถูกสังเกตจะไม่รู้ตัวว่าถูกสังเกตอยู่
        
        ได้พฤติกรรมที่เป็นธรรมชาติ ไม่เสแสร้ง
        แต่ข้อมูลที่ได้อาจไม่สมบูรณ์ เพราะ ผู้สังเกตอาจลงความเห็นไปเอง
      - รูปแบบของการสังเกต
        
        การสังเกตแบบมีเค้าโครง
        
        มีการกำหนดเค้าโครงไว้ล่วงหน้าแล้วว่าต้องสังเกตอะไรบ้าง
        
        เตรียมเครื่องมือที่จะใช้ในการสังเกตไว้ล่วงหน้าแล้ว
        
        การสังเกตแบบไม่มีเค้าโครง
        
        ไม่มีการวางเค้าโครงล่วงหน้า จึงเหมาะกับการศึกษาสภาพการณ์ใหม่ ๆ
        
        ผู้สังเกตต้องบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
        ทุกอย่างให้มากที่สุด ตั้งแต่เริ่มจนจบการสังเกต
      - หลักการสังเกต
        
        หากเป็นการสังเกตแบบมีเค้าโครง
        ควรกำหนดสิ่งที่สังเกตให้ชัดเจน
        
        สังเกตพฤติกรรมที่เกิดขึ้นควบคู่ไป
        กับสถานการณ์หรือสิ่งแวดล้อม
        
        ไม่ควรแสดงอาการที่ทำให้
        ผู้ถูกสังเกตรู้ตัวว่าถูกสังเกตอยู่
        
        ผู้สังเกตต้องไม่มีอคติหรือลำเอียง
      - ตัวอย่างของพฤติกรรมที่ควรสังเกต
        
        พฤติกรรมที่ผิดแปลกไปจากธรรมชาติ
        
        เช่น นักเรียนพยายามแสดง
        อาการร่าเริง แต่แววตาซึมเศร้า
        
        พฤติกรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เต็มใจ/
        ไม่สามารถเผชิญความจริงได้
        
        เช่น นักเรียนที่บิดาเสียชีวิตแต่ยัง
        แสดงพฤติกรรมราวกับว่าบิดายังอยู่ข้าง ๆ
        
        พฤติกรรมที่นักเรียนกระทำซ้ำซากอยู่เสมอ
        
        แสดงถึงอุปนิสัยหรือคุณลักษณะ
        ที่แท้จริงของนักเรียน
    - - การใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อศึกษาพฤติกรรม
        ของผู้เรียน อย่างเป็นระบบ
    - - เก็บข้อมูลเชิงลึกที่กลุ่มตัวอย่างไม่เต็มใจ
        หรือมีความกังวลในการเล่าให้ฟังได้
      - น่าเชื่อถือ เพราะเป็นข้อมูลปฐมภูมิ
      - ช่วยให้เห็นพฤติกรรมที่แท้จริง
      - เก็บข้อมูลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงได้ทันที
    - - อาจต้องพึ่งพาอุปกรณ์ในการสังเกต
        โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสังเกตแบบไม่เข้าไปร่วม
      - เป็นกระบวนการที่ทำเป็นระบบ และต้องใช้ความสามารถของผู้สังเกต
        ระยะเวลาและความต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ
      - มนุษย์สามารถบิดเบือนพฤติกรรมได้
        แต่ก็แสร้งทำได้เพียงระยะเวลาหนึ่ง
  - - - มีโครงสร้างแน่นอน
        
        เตรียมคำถามไว้ชัดเจน และใช้คำถามเหมือนกันทุกครั้ง
      - ไม่มีโครงสร้าง
        
        กำหนดเพียงแนวทางในการสัมภาษณ์ คำถามแต่ละครั้งขึ้นกับผู้สัมภาษณ์
    - - ยืดหยุ่นดัดแปลงได้
      - สามารถสังเกตพฤติกรรมผู้ให้สัมภาษณ์ได้
      - เป็นการสื่อสารโดยตรง แก้ไขได้ทันที
    - - ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้ให้สัมภาษณ์
      - ตรวจสอบความรู้ ความสามารถ
      - ทราบแนวคิด ความรู้สึก ทัศนคติ
      - สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ให้สัมภาษณ์
    - - ผู้สัมภาษณ์ห้ามใส่ความคิดตนเองลงไปในการสัมภาษณ์
      - ความสำเร็จในการสัมภาษณ์ ขึ้นกับความเต็มใจผู้ให้สัมภาษณ์ กับความสามารถของผู้สัมภาษณ์
      - อาจเกิดการละเลย หรือหลงลืมรายละเอียดบางส่วนได้
      - ต้องมีการวางแผนสำหรับการสัมภาษณ์แต่ละครั้ง
      - ข้อจำกัดทางเวลาในการสัมภาษณ์
      - สภาวะทางอารมณ์ของผู้สัมภาษณ์ และผู้ถูกสัมภาษณ์
    - - การซักถาม พูดคุยระหว่างผู้สัมภาษณ์ และผู้ให้สัมภาษณ์ โดยการสัมภาษณ์ในบริการสำรวจนักเรียนนั้น จะเป็นการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรม เจคติ ความต้องการ ความเชื่อ ค่านิยม บุคลิกภาพ เป็นต้น
  - - - เป็นการสำรวจผู้เรียนรายบุคคลโดยไม่ใช้แบบทดสอบ
      - ตัวอย่างพฤติกรรมของนักเรียนที่สามารถทำการศึกษาเป็นรายกรณี
        
        นักเรียนที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม
        
        นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ
        
        นักเรียนที่มีปัญหาทางพฤติกรรม
        
        นักเรียนที่มีผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์
    - - ช่วยให้ครูเข้าใจถึงสาเหตุพฤติกรรมที่เป็น
        ปัญหาของนักเรียน นำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการปรับปรุงการเรียน การสอน การจัดกิจกรรม และการใช้บริการด้านต่างๆ แก่นักเรียนได้อย่างเหมาะสม
      - ช่วยให้นักเรียนได้เกิดความเข้าใจตนเอง
        มีกำลังใจและมีความเต็มใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความหวัง
      - ช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจเด็กดีขึ้น ปฏิบัติตัวต่อบุตรได้อย่างเหมาะสม
    - - เพื่อสืบค้นหาสาเหตุที่ทำให้นักเรียนมีพฤติกรรมซึ่งทางโรงเรียน
        จะได้ให้ความช่วยเหลือและแก้ไขได้อย่างถูกต้อง
        
        เพื่อช่วยให้นักเรียนได้เกิดความเข้าใจในตนเอง
        สามารถพัฒนาวางแผนชีวิตและตัดสินใจเลือก
        แนวทางการศึกษาต่อและเลือกอาชีพที่เหมาะสม
        
        เพื่อช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจในตัวเด็กของตนได้ดีขึ้น
        ครูเข้าใจนักเรียนได้อย่างละเอียด ลึกซึ้ง และถูกต้อง
        
        เพื่อสืบค้นรูปแบบของพัฒนาการของนักเรียน
        ทั้งในด้านร่างกายสติปัญญา อารมณ์ สังคม และจิตใจ
    - - ในบางกรณีถ้าครูผู้แนะแนวมีการตัดทอนขั้นตอนในการศึกษากรณีนักเรียนเป็นรายบุคคล ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของนักเรียนได้อย่างแท้จริง
      - การศึกษารายกรณีต้องการเวลามากใน
        การรวบรวบข้อมูลและการแปลความหมายของข้อมูล
    - - กระบวนการศึกษาสาเหตุพฤติกรรมของบุคคลอย่างลึกซึ้งเป็นระยะเวลาต่อเนื่องไปในระยะเวลาหนึ่ง
    - - ขั้นเก็บรวบรวม ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล ขั้นวินิจฉัยปัญหา
        ขั้นเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหา ขั้นติดตามและประเมินผล
  - - - ช่วยให้นักเรียนได้มีโอกาสสำรวจตัวเอง
      - ช่วยให้ทราบถึงปัญหา และความต้องการของนักเรียนแต่ละคนและส่วนรวม
      - ช่วยให้ได้ข้อมูล รายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติม จากข้อมูลที่รวบรวมด้วยวิธีการอื่น ๆ
      - ช่วยให้เกิดแนวคิดที่จะพิจารณาหาทางแนะแนว ช่วยเหลือนักเรียนได้อย่างถูกต้องเหมาะสมทั้งรายบุคคลและเป็นกลุ่ม
      - ช่วยให้ทราบเรื่องราวต่าง ๆ ของนักเรียนในเวลาอันรวดเร็ว และเป็นจำนวนมาก
    - - หากผู้ตอบไม่เห็นประโยชน์ และความสำคัญก็จะไม่ให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถาม ทำให้ไม่ส่งแบบสอบถามคืนหรือส่งคืนไม่ครบ รวมทั้งข้อมูที่ได้อาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
      - การใช้แบบสอบถามทำให้ขาดการติดต่อระหว่างผู้ถามกับผู้ตอบ ถ้าคำถามไม่กระจ่างผู้ตอบอาจคาดคะเนเอาเองทำให้ผลอาจคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
      - แบบสอบถามจำกัดผู้ตอบ เพราะสามารถใช้ได้กับผู้ที่อ่านออกเขียนได้เท่านั้น
      - แบบสอบถามไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาที่นักเรียนเผชิญอยู่ และไม่ได้บอกให้ทราบถึงสาเหตุของพฤติกรรมใด ๆ
    - - แบบสอบถามเพื่อการติดตามผล
        เป็นแบบสอบถามเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนเก่าที่ออกไปจากโรงเรียน เพื่อติดตามผลว่าสามารถปรับตัวและใช้ชีวิตภายนอกโรงเรียนได้ดีมากน้อยเพียงใด รวมทั้งติดตามผลว่าบริการแนะแนวที่ได้จัดให้นั้นได้ผลมากน้อยเพียงใด
      - แบบสอบถามการประเมินผล
        เป็นแบบสอบถามที่ใช้เพื่อให้นักเรียนได้แสดงปฏิกิริยาของตนต่อนโยบาย หลักสูตร การเรียนการสอน กิจกรรมและบริการต่าง ๆ ของโรงเรียน ว่ามีส่วนดีหรือข้อบกพร่องอย่างไร เพื่อนำไปพิจารณาปรับปรุงงานต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
      - แบบสอบถามการกรอกข้อมูลส่วนบุคคล
        เป็นแบบสอบถามเพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนในด้านต่าง ๆ นำมาใช้เพื่อยืนยันหรือตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ ของนักเรียนที่ได้รวบรวมมาก่อนแล้ว
    - - เพื่อทราบเจตคติ ปัญหา และความต้องการของนักเรียน
      - เพื่อติดตามนักเรียนที่จบไปแล้วเกี่ยวกับปัญหาที่พบ
      - เพื่อนำข้อมูลมาพิจารณาการจัดบริการแนะแนวให้ตอบสนองต่อนักเรียนมากยิ่งขึ้น
      - เพื่อศึกษาหาข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ของนักเรียน
    - - จากนั้นนำมารวบรวมเป็นข้อมูล วิเคราะห์ และใช้ตามวัตถุประสงค์
      - เครื่องมือที่ประกอบไปด้วยชุดของคำถามที่สร้างขึ้นมาแล้วนำไปให้บุคคลได้ตอบตามความรู้สึกและเจตคติ
  - - - เป็นเครื่องมือที่ใช้หาโครงสร้างทางสังคมระหว่าง
        นักเรียนในชั้นว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร
      - ใช้คำถามนำ เช่น หากต้องเลือกเพื่อน 5 คนในการทำงานกลุ่ม
        นักเรียนจะเลือกใครในห้องนี้
    - - ช่วยให้ครูเห็นความสัมพันธ์ของนักเรียนในห้อง
      - เป็นตัวช่วยในการจัดที่นั่ง หรือแบ่งกลุ่มนักเรียน
    - - เพื่อให้ทราบถึงความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันระหว่างนักเรียนในห้องเรียน ซึ่งตรงกับจิตวิทยาที่ว่า "การศึกษาบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพียงผู้เดียวย่อมไม่ทำให้เข้าใจเขาโดยถ่องแท้ จำเป็นต้องศึกษาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสังคมที่เขาอยู่ด้วย"
    - - การตอบคำถามต้องเป็นความจริง
        จึงจะได้ข้อมูลที่ถูกต้อง
      - ควรจัดให้นักเรียนตอบข้อมูลอย่างเป็นความลับ เพื่อป้องกันอิทธิพลอื่น ๆ กระทบต่อคำตอบซึ่งส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูล
    - - วิธีที่ครูหรือผู้แนะแนวใช้ศึกษานักเรียนของตน
      - ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนในห้อง
        บรรยากาศและอารมณ์ภายในห้องเรียน
  - - - แบบบสำรวจความสนใจ
        
        เป็นแบบสำรวจที่วัดความรู้สึกที่จดจ่ออยากรู้อยากเห็น อยากกระทำในสิ่งที่ตนเองสนใจ คะแนนจากแบบสำรวจความสนใจจึงเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพในการตัดสินใจในการศึกษาต่อหรือเลือกอาชีพ
      - แบบทดสอบความถนัด
        
        เป็นแบบทดสอบที่วัดศักยภาพและความสามารถของบุคคลในการเรียนรู้หรือฝึกฝนทักษะให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
      - แบบทดสอบสัมฤทธิผลมาตรฐาน
        
        แบบทดสอบที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และใช้กันตั้งแต่ประถมถึงอุดมศึกษา โดยมีครูเป็นผู้จัดทำ จะมีเนื้อหาวิชาต่าง ๆ เช่น ภาษาไทย วิทยาศาสตร์ เป็นต้น
      - แบบทดสอบด้านสติปัญญา ใข้วัดความสามารถทางสติปัญญา
        
        แบบทดสอบเชาวน์ปัญญา Binet
        
        แบบทดสอบวัดความสามารถทางสมองทั่วไป
      - แบบทดสอบบุคลิกภาพ
        
        เป็นแบบทดสอบที่วัดพฤติกรรมโดยรวมของบุคคล เป็นลักษณธเฉพาะของบุคคลนั้น พฤติกรรมของบุคคลที่แสดงออก จะสะท้อนให้เห็นถึงความคิด อารมณ์ ความคิดเห็น
        
        แบบปรนัย
        
        กลวิธีฉายภาพจิต
    - - ช่วยให้รู้จักปรับตัวที่จะอยู่ในสังคม
      - ทราบถึงความพร้อมและความต้องการของบุคคล
      - ช่วยในการตัดสินใจในการเลือกเรียนต่อหรือประกอบอาชีพ และอื่น ๆ
      - ช่วยทำนายแนวโน้มความสำเร็จของบุคคลในด้านต่าง ๆ
      - เพื่อให้นักเรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง
      - เป็นศูนย์กลางในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทดสอบของครูแนะแนว
    - - เพื่อการทำนาย ( Prediction )
      - เพื่อการเลือก ( Selection )
      - เพื่อการจัดจำแนก ( Classification )
      - เพื่อการประเมินผล ( Evaluation )
    - - เป็นการทดสอบที่ใช้ในวงแคบ จึงยังมีการเผยแพร่ไม่มากนัก
      - ค่าความเที่ยงตรงของแบบทดสอบแต่ละฉบับแตกต่างกัน
      - สภาพแวดล้อมและแรงจูงใจของผู้รับการสอบ มีผลต่อคะแนนการทดสอบ
      - การเลือกใช้แบบทดสอบต้องเหมาะสมกับวัยของผู้ทำแบบทดสอบ
      - แบบทดสอบบางอย่างมีข้อจำกัดทางวัฒนธรรม
    - - การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบทดสอบ ที่สร้างขึ้นอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อช่วยให้นักเรียนได้รู้จักและเข้าใจตนเอง เพื่อช่วยตัดสินใจในการดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพ
  - - - ข้อมูลด้านครอบครัว
      - ข้อมูลด้านความสามารถ
      - ข้อมูลส่วนตัว
      - ข้อมูลด้านความสนใจการศึกษา
      - แผนที่การเดินทางบ้าน - โรงเรียน
    - - ทำให้รู้จักและเข้าใจนักเรียนแต่ละคนได้ชัดเจน
        
        ทำให้มีข้อมูลเบื้องต้น เพื่อสืบค้นข้อมูลอื่นๆของนักเรียนต่อไป
        
        สามารถใช้ข้อมูลของนักเรียนในการวางแผนกำหนดกิจกรรมงานต่างๆ เพื่อป้องกั แก้ไขปัญหา และพัฒนาศักยภาพของนักเรียนได้อย่างเหมาะสม
        
        สามารถใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาคัดเลือกนักเรียนหรือศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นอย่างเหมาะสม
        
        สามารถใช้เป็นแนวทางในการแนะแนวอาชีพได้
    - - เอกสารอย่างหนึ่งที่ใช้สาหรับรวบรวมประวัติส่วนตัวและรายละเอียดเกี่ยวกับตัวนักเรียนในด้านต่างๆ ไว้อย่างมีระเบียบ
    - - เพื่อให้ทราบข้อมูลนักเรียนเป็นรายบุคคลในด้านต่างๆ
      - เพื่อประกอบการวิเคราะห์ปัญหาและการช่วยเหลือนักเรียนเป็นรายบุคคล
    - - บัตรแผ่นเดียว
      - เป็นซองหรือพับได้
      - เล่มคล้ายสมุดบันทึึก
    - - ต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานและสถาบันสังคมอื่นๆ ที่มีแบบทดสอบความสามารถและความถนัดในการเรียนของเด็ก
        เช่น สถานศึกษาเดิมของเด็ก สถานพยาบาล
- - - - เน้นสัมพันธภาพที่ดีระหว่าง
        ผู้ให้คำปรึกษา-ผู้รับคำปรึกษา
      - ไม่มีคำตอบสำเร็จรูปตายตัว
      - เน้นปัจจุบัน
      - ผู้ให้คำปรึกษาต้องให้เกียรติ และยอมรับผู้เรียนที่มาขอรับคำปรึกษา
      - มีทฤษฏี กระบวนการ และเทคนิค
    - - 1.การให้คําปรึกษาเป็นรายบุคคล (Individual Counseling)
        
        เพื่อจะสามารถเข้าใจตนเองและนําตนเองได้ในที่สุด
        
        เป็นการสร้างสัมพันธ์แบบตัวต่อตัว
        
        มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจนสามารถดําเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข
        
        เป็นผู้ที่มีความสามารถ รวมทั้งรู้จักตัดสินใจด้วยตนเอง
      - 2.การให้คําปรึกษาเป็นรายกลุ่ม (Group Counseling)
        
        ช่วยให้นักเรียนที่กําลังเจริญเติบโต ได้รู้จักแสวงหาประสบการณ์ เพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเป็นสมาชิกของกลุ่ม
        
        ช่วยให้บุคคลได้พัฒนาความสามารถในการเข้าไปมี ปฏิสัมพันธ์ในกลุ่ม ช่วยให้บุคคลได้ปรับปรุงตนเอง เข้าใจความรู้สึกซึ่งกันและกัน
        
        เรียนรู้ทักษะต่างๆร่วมกัน
  - - - ผู้ให้คำปรึกษา (counselor)
      - ผู้รับคำปรึกษา (counselee หรือ client)
  - - - ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำถามที่ขึ้นต้นว่า ทำไม
      - ในการตำหนิเด็ก อาจเกิดพฤติกรรมต่อต้านได้ ดังนั้นวิธีการที่จะให้เด็กยอมรับและไม่เสียความรู้สึก ควรที่จะตำหนิพฤติกรรมนั้น ดีกว่าตำหนิที่ตัวเด็ก
- - - - ช่วยป้องกันปัญหาจากการที่ผู้เรียนไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารที่จำเป็น เชื่อถือได้ เป็นปัจจุบันและเพียงพอ รวมทั้งช่วยให้ไม่สูญเสียโอกาสหรือสิทธิที่พึงมี พึงได้เพราะขาดข้อมูล
      - ช่วยให้ผู้เรียนรู้จักตนเองและสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีการอันเหมาะสม เพื่อให้ผู้เรียนสามารถยอมรับตนเองตามความเป็นจริงและปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี
      - ช่วยให้นักเรียนเกิดความเชื่อมั่นในการตัดสินใจและวางแผนชีวิตทั้งในด้านการศึกษา ด้านการศึกษาต่อและอาชีพ และด้านส่วนตัวและสังคม ได้อย่างฉลาดและถูกต้อง
      - ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างการศึกษา การประกอบอาชีพ และการครองตัวในสังคม เพื่อการเตรียมตัวและปฏิบัติตนทั้งในปัจจุบัน และอนาคตได้อย่างเหมาะสม
  - - - การให้ข้อสนเทศเป็นรายบุคคล
        
        จัดให้แก่นักเรียนเป็นรายบุคคลตรงตามความต้องการหรือความจำเป็นเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ผู้เรียนนำข้อมูลไปใช้ประกอบการตัดสินใจ และวางแผนชีวิตของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การบริการประเภทนี้อาจใช้ระยะเวลานาน เนื่องจากผู้เรียนมีจำนวนมาก เช่น การให้ข้อมูลเป็นรายบุคคล
      - การให้ข้อสนเทศเป็นกลุ่ม
        
        เป็นกระบวนการให้ข้อมูลแก่นักเรียนพร้อมกันหลายคน โดยนักเรียนนั้นมีลักษณะความต้องการหรือมีปัญหาที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งรูปแบบนี้ทำให้บริการนักเรียนได้อย่างทั่วถึง เช่น ปัจฉิมนิเทศ ทัศนศึกษา แต่บริการรูปแบบนี้อาจไม่สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริง
- - - - เพื่อเป็นการประเมินผลโครงการแนะแนวที่ดำเนินการไปแล้ว
      - เพื่อทราบถึงสภาพของนักเรียนที่ได้รับการแนะแนวไปแล้ว
      - เพื่อทราบถึงปัญหาของนักเรียนหลังจากที่สำเร็จการศึกษาไปแล้ว
      - เพื่อรวบรวมข้อเสนอแนะศิษย์เก่าเกี่ยวกับการให้บริการแนะแนว
      - เพื่อให้ความช่วยเหลือนักเรียนและศิษย์เก่าที่ประสบปัญหา
      - เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงเรียนและชุมชน
  - - - สามารถติดตามผลการบริการแนะแนวทั้ง 5 บริการที่ให้บริการแก่นักเรียนเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมและสอดคล้องกับแผนการบริการแนะแนว
      - สามารถติดตามผู้เรียนที่มาใช้บริการทั้งกลุ่มปกติ กลุ่มส่งเสริมพัฒนากลุ่มป้องกัน และกลุ่มแก้ไขว่ามีพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญาได้เหมาะสมสอดคล้องกับวุฒิภาวะ
        
        สามารถเลือกกลุ่มนักเรียนได้ตรงตามเป้าหมายและวางแผนบริหาร
        และจัดกิจกรรมได้เหมาะสม