Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษา พ.ศ.2546, นอกจากหน้าที่ตามวรร…
พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษา พ.ศ.2546
มาตรา 2
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตราที่ 3 ให้ยกเลิก
(1) พระราชบัญญัติราชการของทบวงมหาลัย พ.ศ.2520
(2) พระราชบัญญัติระเบียบการปฏิบัติราชการของทบวงมหาวิทยาลัย (ฉบับที่2) พ.ศ.2537 (3) พระราชบัญญัติคณะกรรมการประถมศึกษา พ.ศ.2523 (4) พระราชบัญญัติคณะกรรมการประถมศึกษา (ฉบับที่2) พ.ศ.2535
บรรดากฎหมาย กฎ ข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
มาตราที่ 1
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการพ.ศ.2546
มาตรา 4 ให้นำกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดินและกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติมาใช้บังคับแก่กระทรวงศึกษาธิการ
โดยอนุโลม เว้นแต่ในพระราชบัญญัตินี้จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น
มาตรา 5
กระทรวงศึกษาธิการมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติและกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
มาตรา 6 ให้จัดระเบียบราชการกระทรวงศึกษา
ดังนี้
(1) ระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง
(2) ระเบียบบริหารราชการเขตพื้นที่การศึกษา
(3) ระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล
มาตรา 7 การกำหนดตำแหน่งและอัตราเงินเดือนของข้าราชการในกระทรวงศึกษาธิการ
ให้คำนึงถึงคุณวุฒิ ประสบการณ์ มาตรฐานวิชาชีพ ลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบ และคุณภาพของงานแล้วแต่กรณีการบรรจุ
มาตราที่ 8ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัติ
นี้และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง ระเบียบและประกาศ รวมทั้งให้มีอำนาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาอันเกี่ยวกับการปฏิบัติการ อำนาจหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งหรือหน่วยงานต่างๆ ตามที่กำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลของพระราชบัญญัตินี้
หมวด 1 การจัดระเบียบบริหาราชการในส่วนกลาง
:red_flag:
ส่วนที่1บททั่วไป
มาตรา 9 ให้จัดระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง
ดังนี้ (1) สำนักงานปลัดกระทรวง
(2) ส่วนราชการที่มีหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีกว่ากระทรวงศึกษาธิการ
มาตรา10 การแบ่งส่วนราชการในส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการ
ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ โดยให้มีหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดังนี้ (1) สำนักงานรัฐมนตรี (2) สำนักงานปลัดกระทรวง (3) สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (4) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (5) สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (6) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ส่วนราชการตาม(2)(3)(4)(5)และ(6) มีฐานะเป็นนิติบุคและเป็นกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
มาตรา11 การแบ่งส่วนราชการภายในส่วนราชการตามมาตรา 10
ให้ออกเป็นกฎกระทรวงและให้ระบุอำนาจหน้าที่ของแต่ละส่วนราชการไว้ในกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการดังกล่าว
มาตรา 12 กระทรวงศึกษาธิการมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและกำหนดเป้าหมาย นโยบาย และผลสำฤทธิ์ของงานในกระทรวงศึกษาธิการ
ให้สอดคล้องกับนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภา หรือที่คณะรัฐมนตรีกำหนดหรืออนุมัติโดยจะให้มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ช่วยสั่งและปฏิบัติราชการก็ได้
ในกรณีที่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การสั่งหรือการปฏิบัติราชการของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมอบหมาย
มาตรา 13 ในกรณีที่สภาการศึกษา คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานคณะกรรมการอุดมศึกษาและคณะกรรมการอาชีวศึกษา เสนอความเห็นหรือคำแนะนำ
ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการแล้วให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการนำความคิดเห็นหรือคำแนะนำมาประกอบการพิจารณาเพื่อให้เหมาะสมกับการศึกษาของชาติ
มาตรา 15 ให้มีคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบายแผนพัฒนามาตรฐานและหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและแผนการศึกษาแห่งชาติ
มาตรา 14 ให้มีสภาการศึกษา มีหน้าที่
__
(1) พิจารณาเสนอแผนการแห่งชาติที่บูรณาการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรมและกีฬากับการศึกษาทุกระดับ
(2) พิจารณาเสนอนโยบาย แผน และมาตราฐานการศึกษาเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามแผน(1)
(3)พิจารณาเสนอนโยบายและแผนในการสนับสนุนทรัพยากรเพื่อการศึกษา
(4) ดำเนินผลการประเมินการศึกษาตาม(1)
(5) ให้ความเห็นหรือคำแนะนำในเรื่องกฎหมายและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา การเสนอนโยบาย แผนการศึกษาแห่งชาติ และมาตรฐานการศึกษาให้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี
มาตรา 16 ให้มีคณะกรรมการการอุดมศึกษามีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบายแผนพัฒนาและมาตรฐานการอุดมศึกษาที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและแผนการศึกษาแห่งชาติ
การสนับสนุนทรัพยากร การติดตาม การตรวจสอบและการประเมินผลการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาโดยคำนึงถึงความเป็นอิสระและความเป็นเลิศทางวิชาการของสถานศึกษาระดับปริญญา
มาตรา 17 ให้มีคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบายแผนพัฒนามาตรฐานและหลักสูตรการอาชีวศึกษาทุกระดับ
ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและแผนการศึกษาแห่งชาติ
มาตรา 18 สภาการศึกษา คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานคณะกรรมการอุดมศึกษาและคณะกรรมการอาชีวศึกษา อาจแต่งตั้งอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อพิจารณาเสนอความเห็น
มาตรา 19 สำนักงานคณะรัฐมนตรีมีอำนาจที่เกี่ยวกับราชการทางการเมืองมีเลขานุการรัฐมนตรี
ซึ่งเป็นข้าราชการการเมืองเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานรัฐมนตรี
มาตรา 20 ให้กระทรวงศึกษาธิการมีผู้ตรวจสอบราชการของกระทรวง
เพื่อทำหน้าที่ในการตรวจราชการศึกษา วิเคราะห์ วิจัย ติดตาม และประเมินผลระดับนโยบาย เพื่อนิเทศให้คำปรึกษาและแนะนำเพื่อการปรับปรุงพัฒนา
มาตรา 21 ให้กระทรวงศึกษาธิการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินความพร้อมในการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
และมีหน้าที่ในการประสานส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถจัดการศึกษาสอดคล้องกับนโยบายและได้มาตรฐานการศึกษา รวมทั้งการเสนอและจัดสรรงบประมาณอุดหนุนการจัดการศึกษา
มาตรา 22 ในกรณีที่เขตพื้นที่การศึกษาตามมาตรา33 ไม่อาจบริหารและจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานบางประเภทได้
และในกรณีการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาบางประเภทสำนักงานปลัดกระทรวง หรือสำนักงานต่าง ๆ ตามที่กำหนดในส่วนที่ 3 อาจมีการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญา เพื่อเสริมการบริหารและการจัดการของเขตพื้นที่การศึกษาต่อไปนี้
(5) การจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาในรูปแบบวิทยาลัยชุมชนและรูปแบบอื่น
(2) การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานที่จัดรูปแบบการศึกษานอกระบบการศึกษา หรือการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย
(1) การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับบุคคลที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพ
(3) การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับบุคคลที่มีความสามารถพิเศษ
(4) การจัดการศึกษาทางไกลและการจัดการศึกษาที่ให้บริการในหลายเขตพื้นที่การศึกษา
ส่วนที่ 2 การจัดระเบียบราชการในสำนักงานปลัดกระทรวง
มาตรา 23 กระทรวงศึกษาธิการปลัดกระทรวงมีอำนาจหน้าที่ดังนี้
(1) รับผิดชอบควบคุมราชการประจำในกระทรวง แปลงนโยบายเป็นแนวทางและแผนปฏิบัติราชการ กำกับการทำงานของส่วนราชการในกระทรวงให้เกิดผลสำฤทธิ์และประสานการปฏิบัติงานของส่วนราชการในกระทรวง
(2) เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการของส่วนราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงรองจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานปลัดกระทรวง
มาตรา 24 สำนักงานปลัดกระทรวงมีอำนาจหน้าที่ดังนี้
(1) ดำเนินการเกี่ยวกับราชการทั่วไปของกระทรวง
(2) ประสานงานต่าง ๆ ในกระทรวงและดำเนินงานต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นงานต้องปฏิบัติตามสายงานการบังคับบัญชา
(3) จัดทำงบประมาณและแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง เร่งรัด ติดตามและประเมินผล การปฏิบัติราชการในกระทรวงให้เป็นไปตามนโยบาย แนวทาง และแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง
(4) ดำเนินการเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติที่มิได้อยู่ในอำนาจของส่วนราชการอื่น
(5) ดำเนินการตามที่กำหนดในกฎกระทรวงว่าด้วยการแบ่งส่วนราชการ
มาตรา 25 สำนักงานปลัดกระทรวง อาจแบ่งส่วนราชการดังนี้
(1) สำนักงานอำนวยการ
(2) สำนัก สำนักบริหารงาน หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าสำนักหรือสำนักบริหารงาน
*ในกรณีจำเป็นสามารถแบ่งส่วนราชการอื่นนอกจาก(1)และ(2)ได้
มาตรา 26 สำนักอำนวยการมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการทั่วไปของสำนักงานปลัดกระทรวงและราชการ
ที่มิได้แยกให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานหรือส่วนราชการใดโดยเฉพาะ โดยมีผู้อำนวยการสำนักอำนวยการเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ
มาตรา 27 ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมสนับสนุนและประสานความร่วมมือการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
บทเฉพาะกาล :red_flag:
:มาตรา 57 ให้โอนอำนาจหน้าที่ของสำนักเลขานุการ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักเลขานุการรัฐมนตรี ทบวงมหาวิทยาลัย ไปเป็นของกระทรวงศึกษาธิการที่จัดขึ้นตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 58 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้ อัตรากำลัง ข้าราชการลูกจ้างและงบประมาณ ไปเป็นของสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อพระราชบัญญัตินี้
มาตรา59 ให้บรรดาอำนาจหน้าที่ และอำนาจของเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวกับสำนักงานปลัดกระทรวง กระทวงศึกษาธิการ ยกเว้นกสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดและอำเภอ ไปเป็นของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ
มาตรา 60 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้ อัตรากำลัง ข้าราชการ ลูกจ้าง เงินงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ กรมการศึกษานอกโรงเรียน สนง.คกก.ข้าราชการครู ยกเว้นสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดและอำเภอไป เป็นของ สป.
ไม่รวมข้าราชการครูสังกัดสนง.คกก.ศึกษาเอกชนซึ่งให้โอนไปเป็นสพฐ.เพื่อปฏิบัติงานในเขตพื้นที่การศึกษา ตามระเบียบที่บัญญัติไว้ในหมวด2 นี้
มาตรา 61 ให้โอนอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการและบรรดาหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของสนง.คกก.การศึกษาแห่งชาติ. ไปเป็นของสนง.เลขาธิการสภาการศึกษา
มาตรา 62 ให้โอนบรรดากิจการทรัพย์สิน หนี้ อัตรากำลัง ข้าราชการ ลูกจ้างและเงินงบประมาณของสกศ.นร.ไปเป็นของสนง.เลขาธิการสภาการศึกษา
มาตรา 63 ให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการของสนง.คกก.การประถมศึกษาแห่งชาติ กรมสามัญศึกษา กรมวิชาการ สนง.ศึกษาธิการจังหวัดและอำเภอ ในสังกัด สป. ไปเป็นของ สพฐ.
มาตรา 64 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้ อัตรากำลัง ข้าราชการ ลูกจ้างและเงินงบประมาณของสนง.คกก.การประถมศึกษาแห่งชาติ กรมสามัญศึกษา กรมวิชาการ สนง.ศึกษาธิการจังหวัดและอำเภอ ในสังกัดสป. ไปเป็นของ สพฐ.
มาตรา 65 ให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการและบรรดาหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของทบวงมหาวิทยาลัย สนง.สภาสถาบันราชภัฏ กรมอาชีวศึกษา ในส่วนที่เกี่ยวกับราชการของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ไปเป็นของ สกอ.
ให้อำนาจหน้าที่ของเลขาธิการสภาสถาบันราชภัฏ เป็นอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการคกก.การอุดมศึกษาตามพรบ.นี้
ให้อำนาจหน้าที่ของอธิบดีกรมอาชีวศึกษา ในส่วนที่เกี่ยวกับราชการของสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันเป็นอำนาจหน้าที่ของเลขาธิการคกก.อุดมศึกษาตามพรบ.นี้
มาตรา 66 ให้โอนบรรดากิจการทรัพย์สิน หนี้ อัตรากำลัง ข้าราชการ ลูกจ้างและเงินงบประมาณของทบวงมหาวิทยาลัย สนง.สถาบันราชภัฏ และสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน กรมอาชีวศึกษา ไปเป็นของ สกอ.
มาตรา 67 ให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการและบรรดาหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของกรมอาชีวศึกษา ไปเป็นของสอศ.ยกเว้นสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน
มาตรา 68 ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้ อัตรากำลัง ข้าราชการ ลูกจ้างและเงินงบประมาณของกรมอาชีวศึกษา ไปเป็นของ สอศ. ยกเว้นสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน
มาตรา 69 ให้หน่วยงานทางการศึกษาที่จัดการศึกษาในลักษณะโรงเรียน วิทยาลัยหรือสถานศึกษาที่เรียกชื่ออย่างอื่นของศธ.ที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานอยู่ในสังกัดกรมสามัญศึกษา สนง.คณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ เป็นสถานในสังกัด สพฐ. เพื่อบริหารและจัดการในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษาที่สถาศึกษานั้นตั้งอยู่ เว้นแต่สถานศึกษาพิเศษสำหรับคนพิการ
การกำหนดรายชื่อสถานศึกษาและการแต่งตั้งผู้บริหารสถานศึกษาตามวรรคหนึ่งในวาระแรกให้เป็นไปตามคกก.เขตพื้นที่การศึกษา
มาตรา 70 ในวาระแรกเริ่มระหว่างที่ยังมิได้กำหนดตำแหน่งหรือวิทยฐานะข้าราชการที่โอนมาในสังกัดสนง.รัฐมนตรี สป. สนง.เลขาธิการสภาการศึกษา สพฐ. สกอ. สอศ. ตามมาตรา 58 60 62 64 66 68 และ82 วรรคหนึ่ง ให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยและข้าราชการครูยังคงตำแหน่งเดิมโดยให้มีสิทธิ์ได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ตลอดจนสิทธิ์อื่นๆที่มีอยู่อจนกว่าจะมีการกำหนดตำแหน่งวิทยะฐานะใหม่.:
มาตรา71 ให้บรรดาอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย และอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของสนง.คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติตามที่มีกฎหมายกำหนดไว้ เป็นหน่้าที่ของรัฐมน๖รีว่าการศธ.ตามพ.ร.บ.นี้
มาตรา72 ให้บรรดาอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยและอำนาจหน้าที่ของปลัดทบวงมหาวิทยาลัย ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการขงทบวงมหาวิทยาลัย ตามที่มีกฏหมายกำหนดไว้เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการ ศธ. และเลขาธิการสกอ.ตามพ.ร.บ.นี้
ให้บรรดาอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการศธ.และอำนาจหน้าที่ของสป.ศธ. ที่เกี่ยวกับการปฏบัติราชการของสนง.สภาสถาบันราชภัฏ สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล และสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันที่มีอยู่ก่อน พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการศธ. และปลัด ศธ.ตามพ.ร.บ.นี้
มาตรา73 บรรดาบทกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ และคำสั่งเกี่ยวกับการศึกษา ที่ใช้บังคับอยู่ก่อนที่พ.ร.บ.นี้บังคับใช้ ให้ยังคงบังคับใช้ได้ต่อไป
มาตรา 74 ให้ปลัด ศธ. ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับรักษาราชการแทนปลัด ศธ. ให้ปลัดทบวงมหาวิทยาลัยซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่พ.ร.บ.นี้บังคับใช้ รักษาราชการแทนเลขาธิคณะกรรมการการอุดมศึกษา ให้เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่พ.ร.บ.นี้บังคับใช้ รักษาข้าราชการแทนเลขาธิการสภาการศึกษา
มาตรา75 .ในวาระแรกเริ่ม เมื่อรัฐมนตรีศธประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนดพื้นที่การศึกษาแล้ว ให้รัฐมนตรีศธ. เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตามจำนวนที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา37
มาตรา76 ในวาระแรกเริ่มในระหว่าที่ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสภาการศึกษาและคณะกรรมการการอุดมศึกษา ให้คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ และคณะกรรมการทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับปฏิบัติหน้าที่สภาและคณะกรรมการดังกล่าว
ในวาระแรกเริ่มหากยังไม่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสพฐ. และคณะกรรมการสอศ.หากมีความเร่งด่วน ให้รัฐมนตรีว่าการศธเป็นผู้ใช้อำนาจหน้าที่ดังกล่าว
มาตรา77 โอนบรรดาอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับ อ.ก.พ. สำนักงานปลัดศธ. อ.ก.พ.กรมการศึกษานอกโรงเรียน อ.ก.พ.คณะกรรมการการศึกษาเอกชน อ.ก.พ.สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูศธ ไปเป็นของ อ.ก.พ.ของสป.
มาตรา78
นอกจากหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง
ให้สภาการศึกษามีหน้าที่ให้ความเห็นหรือคำแนะนำแก่รัฐมนตรีและมีอำนาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนดหรือตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมอบหมาย)