Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 12 บทบาทพยาบาลในการดูแลรักษาและฟื้นฟูสภาพ ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตแล…
บทที่ 12
บทบาทพยาบาลในการดูแลรักษาและฟื้นฟูสภาพ
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช
พฤติกรรมบำบัด (Behavior Therapy)
องค์ประกอบในการใช้พฤติกรรมบำบัด
1) การรักษามีรูปแบบและโครงสร้างที่แน่นอน คือ แต่ละครั้งของการรักษามีเป้าหมายที่ชัดเจนซึ่งวัตถุประสงค์ดังกล่าวเป็นตัวกำหนดบทบาทของผู้ป่วยและผู้รักษา
2) การรักษาจะเน้นที่ปัญหาปัจจุบันนั่นคือ
ปัญหาจะถูกพิจารณาในรูปแบบของพฤติกรรมซึ่งสามารถสังเกตได้ เช่นเป้าหมายของการรักษาไม่ได้อยู่ที่ปัญหาความเครียด แต่พฤติกรรมที่แสดงถึงความเครียดจะเป็นเป้าหมาย
3) วิเคราะห์สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมนั้นเกิดขึ้น และยังคงดำเนินต่อมา
4) ทำการประเมินปัญหาทั้งก่อนและหลังการรักษา
5) ผู้ป่วยจะมีส่วนในการกำหนดโปรแกรมการรักษา
6) ในการรักษาแต่ละครั้งจะมีเป้าหมายที่ชัดเจน
และมีการกำหนดการบ้านให้ผู้ป่วยกลับไปลองปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
7) จุดประสงค์หลักของการรักษา คือการที่ผู้ป่วยพัฒนาความสามารถในการควบคุมพฤติกรรมปัญหา
8) ผู้รักษาจะช่วยสอนให้ผู้ป่วยพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาหรือแก้ไขทักษะเดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้น
9) เทคนิคต่างๆ ที่ใช้ในการรักษาต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ในผู้ป่วยแต่ละรายโดยอาศัยหลักการของทฤษฎีการเรียนรู้
เทคนิคที่ใช้บ่อยในการรักษาผู้ป่วยจิตเวช
1) การใช้แรงเสริมพฤติกรรม (Reinforcement) หลักการใช้แรงเสริม คือ
ให้ทันทีหลังจากพฤติกรรมที่ต้องการเกิดขึ้น ซึ่งควรมีทั้งแรงเสริมทางสังคม เช่น การชมเชย ความสนใจ
2) การฝึกการแสดงออกที่เหมาะสม (Assertive Training) คือ
การฝึกทักษะในการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น หรือโลกภายนอก ที่ทำให้ตนรู้สึกพอใจ ภาคภูมิใจลักษณะของ Assertive personality คือ การที่สามารถแสดงความคิดเห็นหรือความรูสึกของตนเองทางคำพูด และท่าทาง สามารถติดต่อกับคนทุกระดับได้อย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา
3) การขจัดความรู้สึกอย่างเป็นระบบ (Systemic Desensitization)
หรือการลดความไหวเร็วเป็นระบบคือการฝึกให้ผู้ป่วยต่อต้านความรู้สึกกลัวหรือวิตกกังวลของตนโดยการผ่อนคลายแล้วจึงให้เผชิญกับสถานการณ์ที่ทำให้ผู้ป่วยกลัวหรือวิตกกังวลน้อยที่สุด ไปจนถึงสถานการณ์ที่กลัวการฝึกให้ผู้ป่วยต่อต้านความรู้สึกกลัวหรือวิตกกังวลของตนโดยการผ่อนคลาย
แล้วจึงให้เผชิญกับสถานการณ์ที่ทำให้ผู้ป่วยกลัวหรือวิตกกังวลน้อยที่สุด ไปจนถึงสถานการณ์ที่กลัว
4) การเรียนรู้จากตัวแบบ (Social Modeling Technique)
เป็นการสร้างพฤติกรรมใหม่ให้เกิดขึ้น ด้วยการเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบพฤติกรรมของตัวต้นแบบยิ่งมีความคล้ายคลึงของตัวต้นแบบและผู้เรียนรู้มากเท่าใดโอกาสที่จะเกิดการเรียนรู้ใหม่ยิ่งมากขึ้นรวมถึงความน่าเชื่อถือ
5) การใช้ตัวกระตุ้นที่ไม่พึงพอใจ (Aversive Therapy)
เป็นการลดหรือเป็นการจัดการกับพฤติกรรมด้วยการวางเงื่อนไขแบบ Operant conditioningเช่น การกระตุ้นด้วยไฟฟ้าหรือทำให้อาเจียน ไปยับยั้งอารมณ์ที่ไม่เป็นที่ต้องการ เช่น การให้ผู้ป่วยกินยา Antabuse (Disulfiram) ร่วมกับดื่มสุราซึ่งจะเป็นผลให้เกิดอาการอาเจียน ถ้าการดื่มสุราทำให้อาเจียนบ่อยๆ
6) การสร้างพฤติกรรมใหม่ (Behavior rehearsal) เหมือนวิธี Systemic
Desensitization แต่ในภาพ Desensitization แทนที่จะให้ผู้ป่วยจินตนาการถึงเหตุการณ์
7) การขจัดพฤติกรรม (Extinction) เป็นการหยุดยั้ง
หรือขจัดพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ต้องการด้วยการหยุดแรงเสริมพฤติกรรมนั้น เช่นผู้ป่วยกรีดร้องเมื่อต้องการความสนใจจากคนรอบข้าง
บทบาทของพยาบาล
1) เป็นผู้บำบัดหรือผู้ช่วยเหลือผู้บำบัด
2) ช่วยสถานที่และจัดสภาพการณ์ที่เหมาะสมกับวิธีการรักษาแต่ละวิธี
3) ร่วมกับแพทย์และผู้ป่วยเลือกวิธีการรักษา
4) ให้กำลังใจผู้ป่วยตั้งแต่เริ่มต้นการรักษาจนกระทั่งสิ้นสุดการรักษา
เพื่อให้ผู้ป่วยมีกำลังใจรักษาอย่างต่อเนื่อง
5) ร่วมกับผู้ป่วยประเมินผลการรักษา
การบำบัดรักษาทางจิตใจหรือจิตบำบัด (Psychotherapy)
จิตบำบัดรายบุคคล (Individual psychotherapy)
1 จิตวิเคราะห์ (Psychoanalysis) เป็นการรักษาทางจิตที่เน้นบทบาทของแรงในจิตไร้สำนึกในโรคประสาทซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จากการสะกดจิต ปรากฏการณ์บางอย่าง เช่น การฝัน และการพลั้งปากจากผลของประสบการณ์ในวัยเด็ก และกลไกป้องกันของจิตใจต่อความวิตกกังวล
ผู้ที่ให้กำเนินวิชาจิตวิเคราะห์ คือ Sigmund Freud โดยใช้วิธี Free associationการอธิบายความหมายของอาการ พฤติกรรมของผู้ป่วยและการวิเคราะห์ Encounter transference ความรู้สึกนี้มีความสัมพันธ์กับความรู้สึกในอดีตของเขาต่อคนที่มีความสำคัญ
2 จิตบำบัดแบบหยั่งเห็น (Insight Psychotherapy)มุ่งบำบัดอาการของผู้ป่วยให้เกิดการรู้แจ้งเห็นจริงต่อความขัดแย้งของจิตใจ ในระดับจิตไร้สำนึก
โรคที่ใช้รักษา ได้แก่ โรคประสาท บุคลิกภาพแปรปรวน หลงตัวเอง กามวิตฐานบกพร่องทางเพศ จิตเภทชนิดแฝง โรคทางกายที่มีสาเหตุมาจากจิตใจผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีนี้จะต้องสามารถทนต่อความไม่สมหวังได้ มีแรงจูงใจในการักษาเพียงพอยอมรับฟังปัญหาของตนว่ามีสาเหตุจากความขัดแย้งของจิตใจและสามารถสร้างสัมพันธภาพของการรักษาไว้ได้
3 จิตบำบัดแบบประคับประคอง (Supportive Psychotherapy)
1) Reassurance คือ การให้ความมั่นใจแก่ผู้ป่วยว่าโรคที่เป็นอยู่นั้นไม่รุนแรงหรือเป็นอันตรายอย่างที่ผู้ป่วยคิด
2) Encouragement คือ การสนับสนุน ส่งเสริม ให้กำลังใจ
ในการกระทำพฤติกรรมที่เหมาะสม ในการเอาชนะอาการที่เกิดขึ้นน
6) Suggestion คือ การจูงใจให้ผู้ป่วยเชื่อว่าการเจ็บป่วยนั้นกำลังทะเลาะ
หรือรักษาให้หายได้
3) Guidance คือการแนะแนวทางที่เหมาะสมที่เป็นไปได้แก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับการกระทำและการตัดสินใจ
5) Environmental manipulation คือ การจัดการกับสิ่งแวดล้อม เช่น
การเปลี่ยนแปลงที่อยู่ รับไว้ในโรงพยาบาล
4) Externalization of internet คือ การหันเหความสนใจไปสู่ภายนอก
เพื่อช่วยลดความวิตกกังวล
7) Persuasion คือ การโน้มน้าวชักนำให้ผู้ป่วยหัดพิจารณาการกระทำ
และความคิดด้วยเหตุผล บนความเป็นจริง
8) Ventilation or Catharsis คือ การระบายอารมณ์ ความรู้สึก
ความคิดช่วยให้มองเห็นปัญหาที่แท้จริงของผู้ป่วย
9) Desensitization คือ การลดความอ่อนไหวของผู้ป่วย ซึ่งทำอย่างเป็น ขั้นตอน
4 การสะกดจิต (Hypnosis) คือ การทำให้เกิดความผิดปกติในการรู้สึกตัวคล้ายกับการนอนหลับ แต่ไม่ใช่การนอนหลับขณะถูกสะกดจิต ผู้ป่วยจะมีสมาธิสูงและเชื่อฟังคำแนะนำหรือคำสั่งได้ดีแต่ความรู้สึกในส่วนปลาย (Peripheral)ของร่างกายและการเคลื่อนไหวจะลดลง
บทบาทของพยาบาลในการทำจิตบำบัดรายบุคคล
1) พยาบาลทั่วไป ได้แก่ พยาบาลที่จบหลักสูตรการพยาบาลที่มีวุฒิปริญญาตรีอาจได้รับการศึกษาพิเศษในหลักสูตรการพยาบาลจิตเวชระยะสั้นจะทำหน้าที่บริหารงานในหน่วยรักษาให้การพยาบาลตามแผนการรักษา
2) พยาบาลผู้เชี่ยวชาญทางการพยาบาลจิตเวช หรือ Clinical nurse specialistเป็นพยาบาลที่ได้รับการศึกษาขั้นปริญญาโททางการพยาบาลจิตเวชสามารถทำจิตบำบัดได้ทั้งกับผู้ป่วยรายบุคคลและเป็นกลุ่ม และเป็นที่ปรึกษาสำหรับพยาบาลทั่วไปและช่วยแพทย์ในการบำบัด
จิตบำบัดกลุ่ม (Group Psychotherapy)
ชนิดของกลุ่มจิตบำบัด มีหลายชนิด ได้แก่
กลุ่มการสอน (Directive Group)
กลุ่มพบปะสังสรรค์ (Therapeutic Social Club)
กลุ่มปลุกเร้าความรู้สึกเก็บกด (Repressive Inspiration Group)
กลุ่มการแสดงออกอย่างเสรี (Free Interaction group or Group Centered Psychotherapy)
ละครจิตบำบัด (Psychodrama)
บทบาทของพยาบาลในการทำจิตบำบัดรายบุคคลและรายกลุ่ม
1) พยาบาลทั่วไป ได้แก่ พยาบาลที่จบหลักสูตรการพยาบาลที่มีวุฒิปริญญาตรีอาจได้รับการศึกษาพิเศษในหลักสูตรการพยาบาลจิตเวชระยะสั้นจะทำหน้าที่บริหารงานในหน่วยรักษาให้การพยาบาลตามแผนการรักษา
2) พยาบาลผู้เชี่ยวชาญทางการพยาบาลจิตเวช หรือ Clinical nurse specialistเป็นพยาบาลที่ได้รับการศึกษาขั้นปริญญาโททางการพยาบาลจิตเวช2) พยาบาลผู้เชี่ยวชาญทางการพยาบาลจิตเวช หรือ Clinical nurse specialistเป็นพยาบาลที่ได้รับการศึกษาขั้นปริญญาโททางการพยาบาลจิตเวช
ครอบครัวบำบัด (Family Therapy)
ลักษณะครอบครัวที่ต้องการการบำบัด
1) สมาชิกครอบครัวที่มีอำนาจใช้อำนาจไม่ถูกต้อง เช่นข่มขู่
บังคับจนสมาชิกอื่นขาดอิสระภาพ และขาดความสุขจนต้องใช้สิ่งเสพติดเพื่อประคับประคองหรือใช้การแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม
2) มีปัญหาด้านการสื่อสารในครอบครัวลักษณะของการสื่อสารที่พบในครอบครัวที่มีปัญหาในการทำหน้าที่ มีดังนี้
1 Double bine communication เป็นการสื่อสารที่มีการส่งข่าวสารที่ตรงข้ามกันในเวลาเดียวกัน เช่น ฉันบอกให้เธอเป็นตัวของตัวเอง ทำให้เด็กมีความสับสน
2 Blaming การสื่อสารที่เต็มไปด้วยการตำหนิ
3 Placating การสื่อสารที่ผู้สื่อสารพยายามจะเอาใจ
และสร้างความพอใจให้อีกฝ่ายหนึ่ง
4 Inelevent การสื่อสารในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กำลังสนทนากันอยู่
5 Distracting การสื่อสารที่ทำให้มีการบ่ายเบนความสนใจของอีกฝ่ายหนึ่ง
3) รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกไม่ปกติ เช่น ผูกพันกันมากเกินไป
ไม่สามารถแยกตัวออกจากกันและกันได้ (Enmeshment) สมาชิกไม่สนใจไม่ยุ่งเกี่ยวกัน (Disengaged)
4) สมาชิกในครอบครัวสับสนในบทบาท เช่น ใจเป็นชายกายเป็นหญิง
หรือใจเป็นหญิงแต่กายเป็นชาย
5) มีกระบวนการแพะรับบาป (Scapegoating) เมื่อมีปัญหาในครอบครัว
สมาชิกไม่ได้วิเคราะห์ปัญหาด้วยสติปัญญาแต่จะโทษสมาชิกคนใดคนหนึ่งว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาและความยุ่งยาก
1 ครอบครัวบำบัดแบบอิงจิตวิเคราะห์ (Psychoanalytic Family Therapy)โดยมีความเชื่อว่าพฤติกรรมของสมาชิกครอบครัวได้รับอิทธิพลจากสมาชิกคนอื่นรับเอาแบบแผนและแบบอย่างการดำเนินชีวิตมาจากการดำเนินครอบครัว
2 ครอบครัวบำบัดโดยให้ความสำคัญกับเรื่องขอบเขตโครงสร้างส่วนบุคคลของครอบครัว (Structural Family Therapy) เน้นให้ครอบครัวได้เห็นและยอมรับความเป็นบุคคลของผู้อื่นเป็นรูปแบบการบำบัดของ
Salvador Minuchin
3) ครอบครัวบำบัดโดยให้ความสำคัญกับเรื่องการสื่อสารในครอบครัว (Interactive Family Therapy) เป็นแนวคิดที่มีความเชื่อว่าการสื่อสารมีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกการสื่อสารที่เน้นแต่เรื่องปัญหาละเลยเรื่องอารมณ์การสื่อสารที่ขัดแย้งกันตลอดเวลานำไปสู่ภาวะการสูญเสียคุณค่าในตนเองของสมาชิกครอบครัว
บทบาทของพยาบาล
1) ติดต่อญาติ นัดวัน เวลา สถานที่
2) จัดสถานที่ในการทำกลุ่ม ที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว 3) เยี่ยมครอบครัวเพื่อสังเกตดูสภาพแวดล้อม บรรยากาศของครอบครัว
4) อาจเป็น Leader หรือ Co-Leader
5) บันทึกพฤติกรรมของสมาชิกที่แสดงออกในขณะอยู่ในกลุ่ม
นางสาวศิรภัทร ตุดเอียด เลขที่ 81