Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
a beautiful mind - Coggle Diagram
a beautiful mind
ข้อมูลทั่วไป
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อ จอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ (Mr. John Forbes Nash,Jr)
สัญชาติอเมริกัน เชื้อชาติอเมริกัน
เพศชาย
อายุ 24 ปี
ประวัติครอบครัว
มีภรรยา 1 คน ชื่่อ อลิเซีย (Mrs.Alicia)
มีบุตร 1 คน
มีน้องสาว 1 คน
ลักษณะนิสัย
เป็นคนเก็บตัว
ไม่เล่าเรื่องราวส่วนตัวใดๆให้ใครฟัง
มีความคิดหมกหมุ่น
ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว
ไม่ต้องการมีเพศสัมพันธ์กับภรรยา
ไม่เปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวให้ภรรยารับรู้
อาการแสดง
ประสาทหลอน (Hallucination)
เห็นภาพหลอน (visual Hallucination)
เห็นว่ามีคนตามตลอดเวลา
เห็นว่ามีคนจะมาทำร้าย ตนเอง ภรรยาและลูก
หูแว่ว (auditory Hallucination)
ได้ยินเสียงคนสั่งให้ทำตาม
หวาดระเเวง (Paranoid)
คิดว่ามีคนสะกดรอยตามตลอดเวลา
คิดว่ามีคนจ้องจะทำร้ายตนเอง
อาการหลงผิด (delusion)
คิดว่าตนเองเป็นสายลับ
คิดว่าจิตแพทย์ที่รักษาเป็นสายลับรัสเซีย
พฤติกรรมผิดปกติ (behavioral disorganization)
ไม่ค่อยมีเพื่อน
ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว
พยายามตอบโต้และพูดคุยกับใครบางคน
ก้มหน้า เดินหลังค่อม
นั่งกุมมือ และบีบมือตัวเองตลอดเวลา
มองซ้าย มองขวา ตลอดเวลา
เหม่อลอย
สีหน้าเรียบเฉย
พูดตะกุกตะกัก และพูดเร็ว
สาเหตุ
ด้านพันธุกรรม
สารสื่อประสาทในสมองบกพร่อง
ด้านครอบครัว
ถูกครอบครัวตําหนิ
ครอบครัวไม่ช่วยแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้น
ด้านสังคมและวัฒนธรรม
สภาพแวดล้อมรอบข้าง
ไม่มีเพื่อนสนิท ชอบเก็บตัว
ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
ด้านจิตใจ
เกิดความเครียดจนทําใหขัดแย้งในจิตใจ
ความสามารถในการปรับตัวบกพร่อง
ในอดีตโดนเพื่อนแกล้งบ่อยครั้ง
พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พศ 2551 จากกรณีศึกษา
เจอ
เมื่อพบบุคคลทีมีความผิดปกติทางจิตตามมาตรา 22 (ผู้ทีมีภาวะอันตรายและหรือมีความจําเป็นต้องได้รับ การบําบัดรักษา)
แจ้ง
แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที เช่น แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าทีสาธารณสุข พนักงานฝ่ายปกครองเช่น กํานันผู้ใหญ่บ้าน หรือ ตํารวจเพื่อนําส่งสถานพยาบาลของรัฐ หรือ สถานบําบัดรัก ษาที่อยู่ใกล้เคียงโดยไม่ชักช้าเพื่อบำบัดการตรวจวินิจฉัย และประเมินอาการเบื้องต้นตามมาตรา 27ทั้งนี้จะมีผู้รับดูแลบุคคลดังกล่าวด้วยหรือไม่ก็ได้
ตรวจ
สถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบำบัดรักษาต้องประเมินอาการและวินิจฉัยเบื้องต้น ภายใน 48ชั่วโมง นับตั้งแต่เวลาที่บุคคลนั้นมาถึงสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบำบัดรักษา โดยมีแพทย์และพยาบาลอยู่อย่างละ 1คนเป็นผู้ตรวจวินิจฉัยอาการเบื้องต้น
ส่ง
ส่งรักษาในสถานบำบัด (โรงพยาบาลจิตเวช) เมื่อผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและประเมินอาการโดยละเอียดภายใน 30 วันหลังรับไว้
กรณีที่ผู้ป่วยมาตรา 22คณะกรรมการสถานบำบัดจะเป็นผู้ลงความคิดเห็นแผนการดูแลผู้ป่วยต่อไปโดยมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ 1.ให้บุคคลนั้นต้องเข้ารับการบำบัดรัษาในสถานบำบัดรักษา 2.ให้บุคคลนั้นต้องเข้ารับการบำบัดรัษา ณ สถานที่อื่นนอกจากสถานบำบัดรักษาเมื่อบุคคลนั้นไม่มีภาวะอันตรายที่จำเป็นเกี่ยวกับการบำบัดรักษาให้บุคคลนั้นหรือผู้ดูแลบุคคลนั้นต้องปฏิบัติด้วยก็ได้
พัฒนาการตามช่วงวัย
วัยเด็ก
ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว
ไม่มีเพื่อนสนิท
มีปัญหาเรื่องการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น
เป็นเด็กที่ฉลาด
สนใจด้านวิทยาศาสตร์ และเริ่มทำการ ทดลองด้วยตนเอง ตั้งแต่อายุ 12 ปี
วัยรุ่น
สนใจด้านคณิตศาสตร์
จบปริณญาโท ด้านคณิตศาสตร์ ตอนอายุ 20 ปี
ชอบเก็บตัว
ไม่มีเพื่อนสนิท
วัยผู้ใหญ่ตอนต้น
จบปริณญาเอก
โดดเด่นในด้านการเรียนในระดับอัจฉริยะ
พบว่าชาร์ลส์ เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตมาขึ้น
มีความคิดหมกหมุ่น
มีพฤติกรรมแปลกๆเพิ่มมากขึ้น
คาดการณ์โรคที่เกี่ยวข้อง
โรคจิตเภท (Schizophrenia)
การวินิจฉัย
A. มีอาการต่อไปนี้ตั้งแต่ 2 อาการขึ้นไป นาน 1 เดือน
อาการหลงผิด
อาการประสาทหลอน
disorganized speech
grossly disorganized behavior หรือ catatonic behavior
อาการด้านลบ ได้แก่ flat affect, alogia หรือ avolition
B. มีความเสื่อมหรือมีปัญหาในด้าน social/occupational function มาก เช่น ด้านการงาน
สัมพันธภาพต่อผู้อื่น หรือสุขอนามัยของตนเอง
C. มีอาการต่อเนื่องกันนาน 6 เดือนขั้นไป โดยต้องมี active phase (ตามข้อ A) อย่างน้อย
นาน 1 เดือน
สาเหตุ
ปัจจัยด้านชีวภาพ
กรรมพันธุ์ ยิ่งใกล้ชิดกันมากก็มีความเสี่ยงมาก เช่น พี่น้องของผู้ป่วยมีโอกาสเป็นโรคนี้ 9 เปอร์เซ็นหรือแม่ป่วย มีโอกาสเป็นโรคนี้ 13เปอร์เซ็นต์
ระบบสารชีวเคมีในสมองทำงานผิดปกติ
ปัจจัยทางด้านครอบครัวและสังคม
ความกดดัน หรือการเลี้ยงดูบางอย่าง หรือเด็กที่ถูกปล่อยปละละเลย ทำให้เกิดอาการกำเริบของโรคจิต
ด้านชีวเคมีของสมอง
(Biological factors)
มีปริมาณ dopamine ที่ synapse ในสมองมากเกินไป
มีจำนวน post synaptic recepter มากเกินไป
ความไม่สมดุล
excitatory action ของ acetycholine
inhibitory action ของ dopamine
Gamma-amino butyric acid
ด้านจิตใจ (Psychological factors)
โรคจิตชนิดหนึ่ง ที่มีความผิดปกติในด้านความคิด การรับรู้ และพฤติกรรม ที่เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ได้อยู่ในลกแห่งความจริง ส่งผลเสียต่อเรื่องความสัมพันธ์ การเรียน การงานและการใช้ชีวิตประจำวัน โรคนี้พบได้ร้อยละ 1 ของประชากรโลก ผู้ป่วยมักพบเริ่มมีอาการตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นและมีการดำเนินโรคต่อเนื่อง ทำให้คนในครอบครัวเป็นทุกข์อย่างมากเมื่อมีคนใดคนหนึ่งในครอบครัวต้องผชิญกับโรคนี้ อีกทั้งยังเป็นปัญหาจิตเวชหลักของประเทศไทยด้วย เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรัง ทำให้สูญเสียทรัพยากรในการดูแลโรคนี้อย่างมหาศาล
ลักษณะอาการ
อาการประสาทหลอน (Hallucination)
หูแว่ว
อาจสังเกตได้จากการที่ผู้ป่วยพูดคุยโต้ตอบอยู่คนเดียวเสมือนว่ากําลังพูดคุยอยู่กับใครสักคนหนึ่ง ทั้งๆที่จริงแล้วไม่ได้มีใครอยู่บริเวณนั้นเลย
ภาพหลอน
ผู้ป่วยอาจพูดออกมาว่า เห็นเงา หรือเห็นผี หรือเห็นสัตว์ประหลาด และมักแสดงอาการ หวาดกลัวต่อภาพที่เห็น
อาการหลงผิด (delusion)
อาการหลงผิดว่ามีคนคิดปองร้าย มีคนคอยติดตาม หลงผิดว่ามีในห้องมีคนมา
แอบติดกล้องวงจรปิด หลงผิดว่าคนอื่น หรือคนในโทรทัศน์เอาเรื่องราวของตนเองไปกล่าวถึง หลงผิดว่ามีคนวางยาในอาหาร ทําให้ไม่ยอมกินอะไรเลย
ความคิดที่ผิดปกติ
ไม่เป็นระบบแบบแผน ซึ่งความคิดของคนเรานั้น แสดงออกโดยการพูด และการเขียน เพราะฉะนั้น เราจึงสามารถสังเกตจากการพูดและการเขียนได้ ได้แก่ พูดจาสับสน ฟังแล้วไม่เข้าใจ ประโยคแต่ละประโยคไม่เชื่อมโยง จับใจความไม่ได้
พฤติกรรมที่แปลกประหลาด (behavioral disorganization)
ทําท่าทางที่อยู่ในท่าที่จะไม่น่าจะสบาย โดยค้างไว้นานๆ ทำพฤติกรรมแปลกๆที่คนปกติมักจะไม่ทำ
การรักษา
การรักษาด้วยยา
เพื่อปรับสารสื่อประสาทในสมองทางความคิดและพฤติกรรมที่ขาดสมดุล ให้กลับมาสมดุลจึงจะทำให้ความคิดและพฤติกรรม กลับมาเป็นปกติ ตรงตามความเป็นจริงมากขึ้น ดังนั้นการรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ
การดูแลรักษาด้านจิตใจ และสังคม
ความเข้าใจ การยอมรับจากคนในครอบครัว และผู้ที่เกี่ยวข้อง จะเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้อย่างมาก
คนใกล้ตัว ช่วยดูแลการรับประทานยาของผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีความเข้าใจว่าตนเอง
ไม่ป่วย จึงไม่ค่อยร่วมมือรับประทานยา
การฟื้นฟูทักษะ
การฝึกดูแลตัวเอง การเข้าสังคม และการฝึกอาชีพที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มความภูมิใจในตัวเอง
ของผู้ป่วยเพิ่มรายได้ ลดการเป็นภาระต่อผู้ใกล้ชิดและสังคมได้
การรักษาด้วยไฟฟ้า Electroconvulsive Therapy
ใช้กระแสไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นต่ำผ่านสมองเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดอาการชัก ซึ่งจะส่งผลให้อาการทางจิตดีขึ้น เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นให้สารสื่อนำประสาทภายในสมองที่หลั่งผิดปกติได้กลับมาทำงานโดยสม่ำเสมอ เมื่อสารสื่อนำประสาทหลั่งอย่างต่อเนื่องดีแล้วกระบวนการทำงานทางจิต รวมถึงสภาวะทางอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกและพฤติกรรมต่างๆ ก็จะกลับสู่ภาวะปกติ
วิเคราะห์ประเด็นต่างๆ
ผู้ป่วยรายนี้สมควรได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลหรือควรได้รับการรักษาที่บ้านโดยคนในครอบครัว
ควรได้รับการรักษาทั้ง 2 รูปแบบ
ควรได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล
เพราะ ได้รับการรักษาที่เหมาะสมได้รับยาที่ถูกต้องและครบตามปริมาณได้รับการบำบัดและได้รับคำปรึกษาจากแพทย์มีการสังเกตุอาการอย่างใกล้ชิด
ควรได้รับการรักษาที่บ้าน
โดยคนในครอบครัว เพราะครอบครัวสามารถเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี ครอบครัวมีความเข้าใจผู้ป่วยได้เป็นอย่างดีและผู้ป่วยต้องการความรับความเข้าใจและเอาใจใส่จากคนในครอบครัวเช่นกัน