Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หลักและทฤษฎีการบริหารการศึกษา - Coggle Diagram
หลักและทฤษฎีการบริหารการศึกษา
Frederick W. Taylor
หลักการแบ่งค่าจ้าง
ค่าจ้างสำหรับคนที่ทำได้ผลผลิตน้อยกว่ามาตรฐาน
ค่าจ้างสำหรับคนที่ทำได้ผลผลิตเท่ากับหรือมากกว่ามาตรฐาน
ทฤษฎี On the Art of Cutting Metals
จะใช้ความเร็วมีดในการตัดเท่าไหร่
จะป้อนมีดตัดเข้าชิ้นงานด้วยความเร็วเท่าไหร่
เครื่องมืออะไรที่จะใช้กับงานนั้นๆ
ปัจจัยที่สำคัญที่สุด
การจูงใจ
การฝึกฝนและช่วยให้คนทำงานตามมาตรฐานที่วางไว้
การเลือกคนอย่างมีหลักการ
หลักการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ที่ฝ่ายจัดการต้องทำ
ต้องพัฒนาบุคคลแต่ละคนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
สร้างบรรยากาศความร่วมมือในการทำงานภายในองค์กร
คัดเลือกบุคคลตามหลักวิทยาศาสตร์การจัดการ (Selection)
พัฒนาหลักการแบบวิทยาศาสตร์
Henri Fayol
ทฤษฎีการบริหารจัดการ POCCC
C – Commanding : การบังคับบัญชาสั่งการ
C – Coordination : การประสานงาน
O – Organizing : การจัดองค์กร
C – Controlling : การควบคุม
P – Planning : การวางแผน
หลักในการบริหารจัดการ
(Principles of Management)
ตามแนวคิดของ Henri Fayol
7.การให้ผลประโยชน์ตลอดจนค่าตอบแทน
8.สมดุลของการรวมและกระจายอำนาจ
6.ผลประโยชน์ส่วนบุคคลเป็นรองกว่าประโยชน์ส่วนรวม
9.สายการบังคับบัญชา
5.เอกภาพของทิศทางการดำเนินงาน
10.ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความพร้อมในการทำงาน
4.เอกภาพแห่งการบังคับบัญชา
11.ความเสมอภาค
3.ระเบียบวินัย
12.เสถียรภาพในการทำงาน
2.อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ
13.เสรีภาพในการนำเสนอสิ่งใหม่
1.การแบ่งหน้าที่และการทำงาน
14.ความเข้าใจและการไว้วางใจซึ่งกันและกัน
Henry L. Gantt
ได้พัฒนาเทคนิคพิเศษขึ้นมา 2 ประการ
1) นำเอากราฟ "Gantt Chart" มาเป็นสื่อในการอธิบายแผน
2) เขายังได้คิดวิธีจ่ายค่าตอบแทนในการทำงานแบบใหม่
แนวคิด
1.การจูงใจคนงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
โดยใช้ระบบโบนัส (Bonus System)
2.การพัฒนา Gantt Chart
เพื่อใช้ในการกำหนดแผนและการควบคุมการปฏิบัติงาน
ผลงาน
ได้ประดิษฐ์แผนภูมิ (Gantt Chart)
หลักการทฤษฎี ของ Henry L. Gantt
เน้นถึงความร่วมมืออย่างกลมกลืนในระหว่างฝ่ายแรงงานและฝ่ายบริหาร
พัฒนาวิธีการใช้กราฟแสดงถึงแผนงานและงานที่จะต้องทำทั้งหมด
การบำรุงรักษาองค์ประกอบมนุษย์
เน้นความสำคัญในเรื่องของเวลา ต้นทุนในการวางแผน และการควบคุม
แผนภูมิแกนต์ (Gantt Chart)
มักใช้ในด้านการจัดการโครงการต่าง ๆ ในองค์การขนาดใหญ่
เป็นแผนภูมิในรูปของกราฟแท่งที่ประกอบด้วย
แกนหลัก 2 แกน
แกนนอนแสดงถึงเวลาในการทำงานตลอดโครงการ
แกนตั้งแสดงถึงงานหรือกิจกรรมที่ต้องทำ
แท่งกราฟวางตัวในแนวนอน ความยาวของแท่งกราฟเป็นสัดส่วนโดยตรงกับระยะเวลาในการทำงาน
หมายถึง แผนผังคุมกำหนดงาน
ขั้นตอนการทำแผนภูมิแกนต์
ที่หัวกระดาษด้านบนเขียนสเกลของเวลา
เขียนรูปกราฟแท่งตามแนวนอนลงบนกระดาษ
เขียนกิจกรรมที่ต้องทำออกมาทั้งหมด
ใส่สิ่งที่ต้องทำลงไปเหนือ หรือใต้เส้นกราฟ
ข้อดีของแผนภูมิแกนต์
สามารถนำไปใช้ในการวางแผนและควบคุมติดตาม
สามารถบอกได้ว่างานหรือกิจกรรมใด ดำเนินการในช่วงเวลาใด
เป็นเครื่องมือที่ช่วยติดตามความคืบหน้าของโครงการ
สามารถใช้ในการบันทึกและดูความก้าวหน้าของงาน
เป็นเครื่องมือที่ใช้ประโยชน์ในการวางแผน
ขั้นตอนการทำไม่มีการคำนวณที่ยุ่งยาก
ทำให้เข้าใจภาพรวมของระบบได้ง่ายขึ้น
ข้อเสียของแผนภูมิแกนต์
ให้ความสนใจเฉพาะสิ่งจูงใจทางเศรษฐกิจเท่านั้น
ไม่สามารถบอกได้ว่าถ้ากิจกรรมที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเกิดความล่าช้า
ทำให้ขาดความสามัคคี ชิงดีชิงเด่น
Max Weber’s
Bureaucracy management
ทฤษฎีระบบราชการ “Bureaucracy”
อำนาจการปกครองบังคับบัญชา (Domination)
ใช้บารมี
วิธีกฎหมายและการมีเหตุผล
อาศัยจารีตประเพณี
หลักการ/แนวคิดระบบราชการ
การมุ่งสู่ผลสำเร็จ (achievement orientation)
ความมีประสิทธิผลในการบริหารงาน
การบริหารจะได้รับประสิทธิผลสูงสุด
เจ้าหน้าที่ต้องมีหลักการและวิธีการในการตัดสินใจ
หลักการทำให้เกิดความแตกต่างหรือความชำนาญเฉพาะด้าน
การแบ่งงานตามลูกค้า
การแบ่งงานตามหน้าที่
การแบ่งส่วนงานตามพื้นที่
การแบ่งงานตามขั้นตอน
หลักแห่งความสมเหตุสมผล (rationality)
มีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
ต้องมีการแยกทรัพย์สินส่วนตัวออกจากทรัพย์สินขององค์การ
มีการกำหนดระเบียบวิธีการปฏิบัติงาน
หลักระเบียบวินัย (discipline)
หลักความรับผิดชอบ (responsibility)
ความเป็นวิชาชีพ (professionalization)
มีวิธีการจัดองค์การ
มีการใช้อำนาจตามสายการบังคับบัญชา
มีความรู้เกี่ยวกับ กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ
ผู้มีอำนาจในระดับสูงยังเป็นผู้มีข้อมูลที่มากพอต่อการตัดสินใจ
ต้องปฏิบัติงานเต็มเวลา
หลักลำดับขั้น(hierarchy)
ข้อดีของระบบราชการ
การทำงานตามระบบราชการเปรียบเสมือนการผลิตสิ่งของด้วยเครื่องจักร
การสั่งการตามสายการบังคับบัญชา
วิธีการจัดรูปแบบองค์การที่มีกฎเกณฑ์
การที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนต้องทำงานตามขั้นตอน
ข้อเสียของระบบราชการ
อาจก่อให้เกิดปัญหาการใช้อำนาจโดยมิชอบ
ทำให้คนกลายเป็นหุ่นยนต์
การทำงานเต็มไปด้วยเอกสาร
ขาดความยืดหยุ่น
Frank & Lillian Gilbreth’s Motion Study
ผลงานหลัก 3 ประการ
ศึกษาการเคลื่อนไหวขั้นพื้นฐาน
การบริหารทางวิทยาศาสตร์และการศึกษาของความเหนื่อยล้า
การจัดการภายในประเทศและคหกรรมศาสตร์
การศึกษาเวลา มักใช้ เมื่อ
มีการดำเนินงานที่แตกต่างหลากหลาย
องค์ประกอบการควบคุมกระบวนการเป็นส่วนหนึ่งของวงจร
มีวงจรการทำงานซ้ำ ๆ ในระยะเวลาสั้นถึงยาว
ขั้นตอนการศึกษาเวลาโดยตรง
กำหนดเวลาองค์ประกอบของงาน
ประเมินฝีเท้าของพนักงานเทียบกับประสิทธิภาพมาตรฐาน
แบ่งงานออกเป็นองค์ประกอบของงาน
ใช้ค่าเผื่อเวลาปกติเพื่อคำนวณเวลามาตรฐาน
กำหนดและจัดทำเอกสารวิธีการมาตรฐาน
การศึกษาเวลาตามแนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับการศึกษา
การผลิตการศึกษาเวลาแบบครอบคลุมประกอบด้วย
การรวบรวมข้อมูลเวลา
การวิเคราะห์ข้อมูล
การออกแบบการทดลอง
การรายงาน
ศึกษาการตั้งเป้าหมาย
การใช้เวลามาตรฐาน
การจำลองระบบ
การจ่ายค่าจ้าง
การวางแผนความต้องการวัสดุ
การบัญชีต้นทุน
Line balancing
การประเมินพนักงาน
การจัดกำลังคน
เทคนิคการตั้งเวลามาตรฐาน
ระบบเวลาเคลื่อนที่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
ระบบข้อมูลมาตรฐาน
เวลาศึกษา
ตัวอย่างงาน
องค์ประกอบของ Time and motion Study
การเคลื่อนไหวของร่างกาย
เครื่องมือ เครื่องใช้ และอุปกรณ์ต่างๆ
สภาพแวดล้อมในการทำงาน
ผู้ปฏิบัติงาน
Mary Parker Follett
ผลงานที่ตกทอดสู่คนรุ่นหลัง
แนวคิดที่เรียกว่า "CUTTING EDGE"
การบริหารแบบมีส่วนร่วม
การจัดการเป็นเทคการทำงานให้สำเร็จ โดยอาศัยผู้อื่น
การประสานงานที่เป็นการสร้างความสัมพันธ์
การประสานงานที่กระทำเป็นกระบวนการต่อเนื่อง
การประสานงานในระยะเริ่มแรก
การประสานงานโดยการติดต่อโดยตรง
แนวคิดเกี่ยวกับการบริหารความขัดแย้งของคนในองค์กร
Business as an integrative unity
เชื่อมโยงกิจกรรมในองค์กร
สามารถควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชา
ขจัดความขัดแย้ง
ความสามารถในการประสานงาน
ความสามารถในการบูรณาการ
Power
The Giving of orders
Law of situation
การเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการบริหาร
การตัดสินใจที่มีระบบ
ความสำคัญของการติดต่อสื่อสารในแนวราบ
การบริหารที่มีระบบ
Constructive Conflict
การพยากรณืความขัดแย้ง
อุปสรรคต่อการบูรณาการ
Law of integration
การบังคับให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมรับ
การรวมตัวกัน
การครอบงำทางความคิด
วัตถุประสงค์ของแนวคิดของ FOLLETT
พิจารณาแนวคิดของแต่ละคน
ผสมผสานแนวคิดต่างๆเข้าด้วยกัน
กระตุ้นศักยภาพของแต่ละบุุคคล
ข้อดีของการบริหารความขัดแย้ง
เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆ
แลกเปลี่ยนความรู้/ความคิดเห็น
เกิดแรงจูงใจในการทำงาน
ปรับปรุงและพัฒนางานให้ดีขึ้น
ทำให้ความสัมพันธ์ของบุคคลในองค์กรดีขึ้น
เกิดแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ
ข้อเสียของการบริหารความขัดแย้ง
ฉวยโอกาสใช้ความขัดแย้งเป็นข้อเรียกร้อง
มุ่งเอาชนะมากกว่าจะมองผลกระทบ
มีการก้าวร้าว
นำไปสุ่ความยุ่งเหยิง
ขาดการประสานงาน/ความไม่สงบสุข
ไม่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
เกิดความตึงเครียดมากขึ้น
Hugo Munsterberg
แนวคิด
การกำหนดสภาวะจิตใจที่เหมาะสมกับพนักงาน
การแนะนำกลยุทธ์
การศึกษาลักษณะของงานและมอบหมายหน้าที่
แนวคิดเชิงพฤติกรรม
(The Behavior Viewpoint)
เน้นถึงความสำคัญของการเข้าใจพฤติกรรมของมนุษย์
การจูงใจเพื่อความสำเร็จ
ริเริ่มวิธีการเกี่ยวกับจิตวิทยาอุตสาหกรรม
การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับบุคคล
เพื่อปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตให้มากที่สุด
โน้มน้าวจิตใจหรือดึงดูดใจคนทำงาน
ผลงาน Hugo munsterberg
“Psychology and Industrial Efficiency”
ใช้วิธีการส่งเสริมสภาวะทางจิตวิทยาของคนในโรงงานอุตสาหกรรม
การให้ข้อเสนอแนะในการฝึกอบรมคนงาน
ใช้วิธีการสรรหาบุคลากรที่มีคุณภาพด้านจิตใจ
เครื่องมือนี้ใช้เพื่ออะไร
การศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์
เพื่อปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตให้มากที่สุด
โน้มน้าวจิตใจหรือดึงดูดใจให้คนทำงาน
ข้อดี
มีความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์
สามารถควบคุมและใช้ศักยภาพของคนได้อย่างเต็มที่
มุ่งเน้นถึงความสำคัญของคน
ข้อเสีย
ให้ความสำคัญไปที่คน มากว่างาน
ใช้อย่างไร
การหาเงื่อนไข
การนำกลยุทธ์เพื่อสร้างแรงจูงใจ
การศึกษาลักษณะของงาน