Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดไม่เขียว, นางสาวปิยรัตน์ สุขดำ 621001055 -…
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดไม่เขียว
ความผิดปกติของผนังกั้นหัวใจห้องบน (AtrialSeptal Defect: ASD)
พยาธิสภาพ
เลือดแดงในหัวใจห้องบนซ้ายมีความดันสูงกว่าด้านขวาจะไหลผ่านตรงทางรูรั่วที่ผิดปกติเข้าไปหัวใจห้องบนขวาลงสู่ห้องล่างขวาเป็นผลให้เกิด left to right shunt ทำให้หัวใจห้องบนขวาและห้องล่างขวาโตและขยายตัวขึ้นเนื่องจากต้องทำหน้าที่เพิ่มขึ้นเมื่อเลือกที่จำนวนมากกว่าปกตินี้ไหลผ่านออกสู่หลอดเลือดในปอดเป็นเวลานานนับปีทำให้หลอดเลือดในปอดชั้น media หนาตัวขึ้นเป็นการเพิ่มแรงต้านที่ปอดเพื่อให้เลือดไหลผ่านปอดน้อยลง แต่ขณะเดียวกันหัวใจห้องล่างขวาต้องออกแรงบีบตัวมากขึ้นเพื่อดันเลือดจำนวนมากออกไปให้หมดเกิดภาวะ tricuspid valve รั่วตามมาได้
ความหมาย
โรคหัวใจพิการ แต่กำเนิดชนิดไม่เขียวที่มีความผิดปกติในการสร้างผนังกั้นเอเตรียมที่ไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดรูรั่วเป็นทางติดต่อระหว่างเอเตรียมซ้ายและขวาการเกิดรูรั่วอาจมีเพียงรูเดียวหรือหลายรูก็ได้พบรูรั่วขนาดต่างๆกัน
อาการและอาการแสดง
ในรายที่รูรั่วมีขนาดใหญ่จะมีอาการอ่อนเพลียเวลาออกกำลังกายเหนื่อยง่ายเหงื่อออกมากเป็นหวัดหรือปอดบวมบ่อยๆมีน้ำหนักน้อยกว่าปกติ
การวินิจฉัย
ภาพรังสีทรวงอก : พบหัวใจโตเล็กน้อยมี ventricle ขวาโดและอาจจะมี autrium ขวาโดมีหลอดเลือดที่ปอดเพิ่ม
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ : อาจมี atrium ขวาใดพบว่ามี P wave สูงแหลม
การตรวจร่างกาย: ตรวจพบ ventricle ขวาโตเสียงที่หนึ่ง (S1) ต่ำกว่าปกติที่บริเวณลิ้น
คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ: ขนาดของ atriums ขวาและ ventricle ขวารวมทั้งหลอดเลือดแดง pulmonary มีขนาดใหญ่ขึ้นเห็นรูรั้วบริเวณผนังกั้นหัวใจห้องบนชัดเจน
การซักประวัติ: หายใจเร็วเหนื่อยง่ายอกปุ่ม
การรักษา
การรักษาทางยาเมื่อเกิดภาวะหัวใจวายหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ได้แก่ 01 digitalis ยาขับปัสสาวะยาปฏิชีวนะเป็นต้น
การผ่าตัดสามารถทำได้เมื่อวัยก่อนเข้าเรียนหรือทำก่อนถ้าเด็กมีอาการโดยการเย็บปัดผนังกั้นของ ASD หรือเย็บซ่อมสิ้นหัวใจ mitral
ความผิดปกติของผนังกั้นหัวใจห้องล่าง (Ventricular Septual IDetect: VSD)
ความหมาย
เป็นความพิการของหัวใจที่มีทางเชื่อมติดต่อระหว่าง ventricle ซ้ายและขวาพบได้บ่อยที่สุดในโรคหัวใจพิการ แต่กำเนิดทั้งหมดประมาณร้อยละ 20 -30 วินิจฉัยได้ตั้งแต่วัยทารก แต่อุบัติการณ์จะลดลงเมื่อเด็กอายุเกิน 1 ปีเพราะอาจมีการปิตของ VSD ได้เอง
พยาธิสภาพ
VSD จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของรูรั้วระหว่าง ventricle โดยที่เลือดจะไหลตจาก ventricle ซ้ายไปขวาไหลไปสู่ปอดเพื่อแลกเปลี่ยนออกซิเจนแล้วไหลสู่หัวใจห้องบนซ้ายลงสู่หัวใจห้องล่างซ้ายซึ่งต้องทำงานเพิ่มมากขึ้นบีบตัวให้เสือดส่วนหนึ่งออกไปสู่ระบบไหลเวียนโลหิตทั่วร่างกายโดยที่เลือดอีกส่วนหนึ่งผ่านรูรัวกลับเข้าสู่หัวใจห้องล่างขวาใหม่กล้ามเนื้อหัวใจห้องล่างซ้ายจึงโตกว่าปกติเมื่อเลือดลัดวงจรจากซ้ายไปขวานาน ๆ เข้าถ้แรงต้านของหลอดเลือด pulmonary สูงกว่าแรงต้านของหลอดเลือดทั่วร่างกายจะทำให้มีการไหลกลับของเลือดคือแทนที่เลือตจะไปสู่ปอตเลือดจะลัดวงจรไหลย้อนผ่านทางเปิดจากหัวใจห้องล่างขวาไปซ้าย ทำให้เลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกายผู้ป่วยจึงเกิดอาการเขียวเรียกว่า Else nuenger x syndrome
อาการและอาการแสดง
VSD ขนาดเล็กผู้ป่วยมักไม่มีอาการการเจริญเติบโตปกติ
VSD ขนาดปานกลางผู้ป่วยอาจมีอาการเหนื่อยง่ายตัวเล็กและมีการติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อยพัฒนาการทางร่างกายช้าดูดนมลำบากต้องพักเหนื่อยตรวจพบหัวใจโตเล็กน้อย
VSD ขนาดใหญ่มักจะเริ่มมีอาการเหนื่อยง่ายเมื่อทารกอายุประมาณ 1-2 เดือนเลี้ยงไม่โตติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อยตัวเล็กหายใจเหนื่อยหอบมักจะไม่มีอาการเขียวขณะอยู่นิ่ง แต่อาจจะเขียวเล็กน้อยเวลาร้องหรือออกแรงมาก ๆ ตรวจพบหัวใจโตและมีอาการแสดงของภาวะหัวใจวายเช่นตับโตหัวใจเต้นเร็วและแรง
การินิจฉัย
การซักประวัติ: หายใจเร็วผิดปกติเด็กตัวเล็กโตช้า
การตรวจร่างกาย: พบเสียง munmur
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ : พบ left atrium และ ventricle ทั้งสองโต
ภาพรังสีทรวงอก
VSD ขนาดเล็ก: ขนาดหัวใจมักปกติหรือใดเล็กน้อย
VSD ขนาดปานกลาง: มักมีหัวใจโตหลอดเลือดที่ปอดเพิ่มขึ้น
VSD ขนาดใหญ่: มักพบว่าหัวใจโตมากหลอดเลือดที่ปอดเพิ่มขึ้นมากพบ ventricle ซ้าย-ขวาโดและมี atrium ช้ายโตด้วย
คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ : มองเห็นขนาดรูรั่วและห้องหัวใจที่โตขึ้น
การรักษา
การดูแลสุขภาพทั่วไป
VSDขนาดเล็กและขนาดกลางให้การดูแลสุขภาพอนามัยที่ดีระมัดระวังและป้องกันการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มหัวใจโดยการดูแลสุขภาพของปากป้องกันไม่ให้ฟันผุ
VSD ขนาดใหญ่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะหัวใจวายต้องทำการผ่าตัด
การผ่าตัด
การผ่าตัดเพื่อบรรเทาอาการโดยการรัด pulmomry artery ให้เล็กลงในกรณีไม่สามารถควบคุมภาวะหัวใจวายได้การผ่าตัดเย็บปิดรูพิการหรือการผ่าตัดเปิดหัวใจเพื่อแก้ไขความผิดปกติของหัวใจ
กรณีมีภาวะหัวใจวายให้ยา digitalis ยาขับปัสสาวะยาขยายหลอดเลือด
Patent Ductus Ateriosus: PDA
ความหมาย
เกิดจากการที่หลอดเลือด Guctus arteriosus ไม่ปิดภายหลังทารกคลอดซึ่งปกติควรปิดภายใน 1-4 สัปดาห์ในทารกที่ ductus arteriosus ไม่ปิดทำให้เลือดแดงไหลจาก aorta เข้าสู่ pulmonary artery ได้พบร้อยละ 5-10 ของโรคหัวใจ แต่กำเนิดทั้งหมด
พยาธิสภาพ
ความดันของเลือดในหลอดเลือด aorta สูงกว่าในหลอดเลือดแดง pulmonary เป็นเหตุให้เลือดไหลจาก aorta กลับมายังที่หัวใจห้องบนซ้ายลงสู่ห้องล่างซ้ายออกทาง aorta ใหม่วนเวียนไปเรื่อย ๆ เลือดที่มีออกซิเจนไหลเวียนผ่านปอดใหม่ทำให้หัวใจด้านซ้ายทำงานมากกว่าปกติและเกิดหัวใจโตเมื่อเลือดแดงไหลเวียนไปสู่ปอดมากขึ้นจะทำให้ความดันในปอดสูงเกิด right to let shunt เลือดดำจะผสมกับเลือดแดงไปเลี้ยงส่วนล่างของร่างกายทำให้เกิดอาการเขียวที่ขาและเท้า แต่แขนและใบหน้าไม่มีอาการเขียวเรียกภาวะนี้ว่า diflerential cyanosis ซึ่งในระยะท้ายจะเกิดภาวะหัวใจวายได้
อาการและอาการแสดง
PDA ขนาดปานกลาง: ผู้ป่วยอาจมีอาการเหนื่อยง่ายเล็กน้อยมีการติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อยๆหัวใจซีกซ้ายโตพัฒนาการไม่สมวัย
PDA ขนาดใหญ่: ผู้ป่วยจะมีอาการมากตั้งแต่วัยทารกในทารกคลอดก่อนกำหนดจะมีหัวใจวายเหนื่อยหอบน้ำหนักตัวไม่เพิ่มติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อยๆมีอาการเขียวปลายนิ้วเท้าหัวใจโต
PDA ขนาดเล็ก: ผู้ป่วยมักไม่มีอาการตรวจร่างกายพบหัวใจไม่โตหรือโตเล็กน้อยได้ยินเสียง murmur
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย
pulse pressure กว้างกว่า% ของความดัน systolic
ชีพจรเต้นแรง
ได้ยิน murmur ที่ดิน pulmonic
ถ่ายภาพรังสีทรวงอก : พบ ventricle ซ้ายโตหลอดเลือด pulmonary artery มีขนาดใหญ่ขึ้นหลอดเลือดที่ปอดเพิ่มขึ้น
คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ: พบว่ามีหัวใจด้านซ้ายโตวัดขนาดของ ductus arteriosus ได้
การรักษา
การรักษาทางยาในทารกแรกคลอดหรือทารกที่คลอดก่อนกำหนดและมีอาการหัวใจวายให้ยา Indomethacin 0.2 mg / Kg, ทางปากหรือหลอดเลือดดำซ้ำ 3 ครั้งห่างกัน 8 -12 ชม. ในการให้ยา Digitalis ถ้า HR น้อยกว่า 100 ครั้ง / นาทีให้งดยามื้อนั้นส่วนยาขยายหลอดเลือดถ้า systolic blood pressure น้อยกว่า 70 mmHg ให้งดยามือนั้น แต่ถ้าการใช้ยาไม่ได้ผลก็จำเป็นต้องผ่าตัดผูกหลอดเลือด ductus arteriosus ด้วยไหมขนาดใหญ่
ในรายที่ไม่มีอาการควรทำการผ่าตัดโดยผูกหรือตัด luctus arteriosus เมื่อผู้ป่วยอายุเกิน 1 ปีไปแล้วในผู้ป่วย PDA ทุกรายควรได้รับการผ่าตัดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อที่เยื่อหุ้มหัวใจเกิด pulmonary hypertension เนื่องจากการผ่าตัดปิด PDA ได้ผลดีมาก
หลอดเลือดเอออร์ตาตีบ (Coarctation of Aorta: COA)
ความหมาย
การตีบแคบหรืออุดตันของส่วนใดส่วนหนึ่งของหลอดเลือด aorta ซึ่งส่วนใหญ่มักจะพบที่ aortic arch
พยาธิสภาพ
aorta ส่วนที่เป็น coarctation แคบลงทำให้หัวใจห้อง ventricle ซ้ายทำงานหนักมากและ aortic blood low ลดลงเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจลดลงและทำให้การทำงานของ ventricle ซ้ายเสียไปเป็นผลให้ความดันเลือดใน atrium ซ้ายสูงขึ้นมี left to right shunt ทำให้เกิดอาการหัวใจวายในเด็กโตจะมีอาการที่สำคัญคือความดันโลหิตในส่วนของแขนสูงกว่าที่ขา pulse pressure จะกว้าง
อาการและอาการแสดง
หายใจเหนื่อยหอบเลี้ยงไม่โตตรวจร่างกายจะพบว่ามีหายใจเร็วชีพจรที่แขนจะแรงกว่าที่ขาในเด็กโตส่วนใหญ่มักจะมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิตสูงภาวะหัวใจวายและติดเชื้อที่เยื่อหุ้มหัวใจ
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย
ชีพจรส่วนบนของร่างกายแรง แต่ชีพจรส่วนล่างของร่างกาย เช่น femoral เบา
การไหลเวียนสู่ส่วนล่างไม่ดีทำให้มีอาการปวดศีรษะวิงเวียนเป็นลม
ความดันโลหิตมักจะสูง
รูปร่างหน้าตาปกติบางคนมีร่างกายส่วนบนใหญ่ แต่ท่อนล่างเล็กเรียกว่า pop-eye appearance-Turner 's syndrome คือตัวเตี้ยเต้านม 2 ข้างห่างกัน
ถ้าเด็กออกกำลังกายอาจมีอาการปวดขาหรืออ่อนแรงเกิดตะคริวเนื่องจากเนื้อเยื่อขาดออกซิเจน
การตรวจพิเศษอื่น ๆ
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG): หัวใจห้องล่างซ้ายโตในเด็กโตส่วนเด็กเล็กจะพบ ventricle ขวาโต
คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (echocardiogram): พบ hypoplasia ของ aortic isthmus อาจมี post stenosis dilation
การรักษา
รักษาทางยา digitalis ในรายที่มีภาวะหัวใจวาย
Transluminal angioplasty with Balloon อาจเกิด aneurysm ได้
ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรงแนะนำให้ทำผ่าตัดเมื่ออายุ 4-5 ปีโดยทำการตัดหลอดเลือดส่วนที่ตีบออกและต่อส่วนปลายทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน
Pulmonary Stenosis (PS)
ความหมาย
การตีบของลิ้น pulmonary มีผลให้การไหลของเลือดจากหัวใจห้องล่างขวาไปยัง pulmonary artery ได้ยากขึ้น
พยาธิสภาพ
เกิดการอุดกันของทางออกของ ventricle ขวาทำให้ ventricle ขวาต้องบีบตัวแรงขึ้นเพื่อให้มีปริมาณของเลือดไปปอดเพียงพอกล้ามเนื้อของ ventricle ขวาจึงหนาตัวขึ้นส่งผลให้เลือดจาก atrium ขวาไหลลง ventricle ขวาได้ไม่สะดวก atrium ขวาจึงมีขนาดใหญ่และผนังหนาขึ้นและอาจทำให้ความคันใน atrium ขวาสูงกว่า atrium ซ้ายเกิดเลือดไหลลัดวงจรจาก atrium ขวาไปซ้าย ทำให้เกิดอาการเขียวได้
อาการเเละอาการเเสดง
ชนิดที่มีการตีบแคบปานกลาง: มีอาการเหนื่อยง่ายเพียงเล็กน้อยเวลาออกแรงพบ systolic murmur
ชนิดที่มีการตีบแคบมาก: ผู้ป่วยจะมีอาการของภาวะหัวใจซีกขวาวายหรือมีอาการเขียวเล็กน้อย ในเด็กเล็กส่วนในเด็กโตมักมีอาการเหนื่อยง่ายอาจมีอาการเขียวพบ systolic murmur
ชนิดที่มีการตีบแคบน้อย: อาจพบ systolic murmur
การวินิจฉัย
การตรวจร่างกาย: ฟังได้ systolic murmur บริเวณอกด้านซ้ายด้านบนคลำได้ ventricle ขวาโต
ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG): ventricle ขวาโต atrium ขวาโต
ภาพรังสีทรวงอก (chest X-ray): พบมีการโป่งพองของ pulmonary artery หัวใจห้องบนและล่างขวาโตหลอดเลือดที่ปอดมักจะน้อยลง
คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ (echocardiogram): พบ atrium ขวาโต ventricle ขวาหนาขึ้นดูโป่งพองและมีการตีบแคบของหลอดเลือด pulmonary
การรักษา
ในรายที่มีอาการมากทำผ่าตัด pulmonary valvotomy และ balloon valvuloplasty เพื่อขยายลิ้น pulmonary
ให้คำแนะนำในการป้องกันการติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจและผนังหัวใจ
นางสาวปิยรัตน์ สุขดำ 621001055