Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Febrile convulsion with pneumonia, กรณีศึกษา เด็กชายเอ สายเสมอ อายุ…

- - - - พบได้บ่อยที่สุด พบร้อยละ 85 มีลักษณะคือ :checkered_flag:
        
        1.1 ก่อนมีอาการชัก ระบบประสาทและพัฒนาการมีลักษณะปกติ
        
        1.2 ขณะมีอาการชัก จะเกิดอาการชักระยะสั้นๆ ส่วนใหญ่ประมาณ 2-3 นาที ไม่เกิน 15 นาที
        และลักษณะการชักเป็นแบบชักทั้งตัว
        
        1.3 ภายหลังการชัก จะไม่พบความผิดปกติของระบบประสาท
      - อาการต่าง ๆ ต่อไปนี้เกิดขึ้นร่วมด้วย :checkered_flag:
        
        ตาเหลือก
        
        ร้องคราง
        
        ไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้า
        
        อุจจาระหรือปัสสาวะราดขณะที่กำลังชัก
        
        เลือดไหลออกจากปาก เนื่องจากกัดปากหรือลิ้นในขณะที่กำลังชัก
    - - พบได้น้อย พบได้ร้อยละ 15 มีลักษณะคือ
        
        2.1 ก่อนมีอาการชัก ระบบประสาทและพัฒนาการมีลักษณะผิดปกติ เช่น มีสมองเล็ก เป็นต้น
        
        2.2ขณะมีอาการชักจะมีอาการชักเป็นระยะเวลานาน เป็นเวลามากกว่า 10-15 นาที หรือมี
        อาการชักเกิดขึ้นซ้ าภายใน 24 ชั่วโมง และลักษณะการชักเป็นแบบเฉพาะที่หรือทั้งตัว
        
        2.3 ภายหลังการชัก อาจพบว่ามีความผิดปกติทางระบบประสาท เช่น อัมพาตครึ่งซีก
        (todd’s paralysis) เป็นต้น
        
        2.4 มีประวัติบุคคลอื่นๆ ในครอบครัวมีลมชักแบบลมบ้าหมู(afebrile convulsion,epileptic seizures)
        
        2.5 เมื่ออาการชักสิ้นสุดลงแล้ว ผู้ป่วยอาจมีอาการแขนหรือขาอ่อนแรง
- - - - เนื่องจากผู้ป่วยมักมีไข้สูงจนเป็นเหตุให้เกิดอาการชักได้ แต่อาการชักจากภาวะไข้ก็อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้
    - - หลังจากได้รับการฉีควัคซีนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค เช่น วัคซีนป้องกันโรคคอตีบ โรคบาดทะยัก โรคไอกรน และวัคซีนป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน เป็นต้น ผู้ป่วยอาจมีไข้แล้วทำให้เกิดอาการชักได้
    - - อาการชักจากไข้มักเกิดขึ้นในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี โดยช่วงวัยที่มีความเสี่ยงสูงอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 12-18 เดือน
    - - เด็กที่เกิดในครอบครัวที่มีประวัติสมาชิกมีภาวะชักโดยไม่มีไข้ จะมีโอกาส
        ชักซ้้ำได้มากกว่าเด็กที่เกิดในครอบครัวที่ไม่มีประวัติ
- - - - ในกรณีที่มีการชักนาน หลักการรักษา คือ ทำให้หยุดชักให้เร็วที่สุด
        เพื่อให้ไม่มีภาวะสมองขาดออกซิเจน
    - - แพทย์จะตรวจร่างกายและซักประวัติเพื่อหาสาเหตุและประเภท
        ของอาการชัก และปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดอาการชักซ้ำจากไข้สูง
    - - 5%D/N/4 500 ml vein drip 40ml/hr เพื่อทดแทนสารน้ำที่ขาดไปในร่างกายทำให้เกิดความดุลของอิเล็กโทรไลต์
      - Ventolin 0.3 ml +NSS up to 3 ml NB q ̅ 4 เพื่อขยายหลอดลมช่วยการหายใจ
      - การเคาะปอด ช่วยขับเสมหะ เพื่อป้องกันการเกิดภาวะการคั่งค้างของเสมหะในทางเดินหายใจของผู้ป่วยเด็ก
      - หัตถการ suction หรือการดูดเสมหะ ในกรณีที่ผู้ป่วยเด็กไม่สามารถไอและขับเสมหะออกมาได้เอง เพื่อป้องกันการอุดกลั้นระบบทางเดินหายใจ
      - On O2 Cannular 1 LPM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการหายใจ
      - Observer seizure if seizure Valium 3 mg vein + notify สังเกตุอาการชัก ถ้าชักให้ยา Valium3 mg ทางหลอดเลือดดำ และรายงานแพทย์ทราบ เพื่อป้องกันและแก้อาการชัก
      - Tamiflu (30mg) oral bid x 5 day เพื่อป้องกันและรักษาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B
      - Ambroxal ช่วยละลายเสมหะในระบบทางเดินหายใจ บรรเทาอาการไอจากโรคหวัด ไอมีเสมหะ
      - Cefotaxime รักษาและป้องกันการติดเชื้อจากแบคทีเรีย
      - Paracetamol บรรเทาปวดจากสาเหตุต่างๆ ได้หลากหลาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อและใช้เป็นยาลดไข้
- - - - อายุ < 2 เดือน = หายใจเร็มมากกว่าหรือเท่ากับ 60 ครั้ง/นาที
      - อายุ 2 เดือน - 1 ปี = หายใจเร็วมากกว่าหรือเท่ากับ 50 ครั้ง/นาที
      - อายุ 1-5 ปี = หายใจเร็วมากกว่าหรือเท่ากับ 40 ครั้ง/นาที
        
        กรณ๊ศึกษา เด็กชายเอ อายุ 3 ปี มีอาการแรกรับ หายใจเร็วมากกว่าหรือเท่ากับ 42 ครั้ง/นาที ค่าปกติอยู่ที่ 16-22 ครั้ง/นาที
      - อายุ 5 ปีขึ้นไป = หายใจเร็วมากกว่าหรือเท่ากับ 30 ครั้ง/นาที
  - - - สาเหตุของการติดเชื้อที่สำคัญ
        
        ติดเชื้อจากแบคทีเรีย โดยส่วนใหญ่ปอดบวมที่มาจากแบคทีเรียจะมาจากเชื้อ สเตรปโตค็อกคัส นิวโมเนียอี
        
        ติดเชื้อจากเชื้อรา โดยส่วนมากจะเกิดในผู้ป่วยที่มีสุขภาพร่างกายย่ำแย่ มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือเป็นโรคเรื้อรังเช่น โรคเบาหวาน โรคไตวาย
        
        ติดเชื้อจากไวรัส เป็นสาเหตุที่พบบ่อยในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ขวบ แต่จะมีอาการไม่รุนแรงมาก และเชื้อไวรัสบางชนิดที่เป็นสาเหตุของไข้หวัดสามารถทำให้เป็นปอดบวมได้
    - - ปอดอักเสบที่เกิดขึ้นในผู้ป่วย หลังจากรับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ 48 ชั่วโมงขึ้นไป ผู้ป่วยประเภทนี้จะมีอาการที่รุนแรง เพราะป่วยเป็นโรคอื่น ๆ อยู่ก่อนแล้ว
  - - - การให้ยาลดไข้ ให้สารน้ำทางหลอดเลือด ให้ออกซิเจน ตามอาการของผู้ป่วย
    - - การให้ยาปฏิชีวนะ มักใช้ในผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง และไม่มีอาการแทรกซ้อน
    - - โรคปอดบวมจากเชื้อไวรัสมักหายได้เองภายใน 1-3 สัปดาห์ แต่หากอาการไม่ดีขึ้น อาจมีอาการรุนแรงหรือรุนแรงมาก เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดและได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาล