Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

Birth injuries, (การพยาบาล), อาการจะชัดเจนหลัง 24 ชั่วโมงไปแล้ว…

- - - - เกิดจากแรงดันที่กดลงบนศีรษะทารกระหว่างการคลอดท่าศีรษะทำให้มีของเหลวไหลซึมออกมานอกหลอดเลือดในชั้นใต้เยื่อหุ้มหนังศีรษะ
      - การใช้เครื่องดูดสุญญากาศช่วยคลอด (vacuum
        extraction)
    - - จากการคลำศีรษะทารก พบก้อนบวมโน นุ่ม กดบุ๋ม ขอบเขตไม่ชัดเจน
        ข้าม suture พบทันทีภายหลังคลอด
    - - พบได้ด้านข้างของศีรษะ การบวมของก้อนโนนี้จะมีความกว้างและ
        มีขนาดโตประมาณไข่ห่าน ทำให้ศีรษะมีความยาวมากกว่าปกติ
    - - สังเกตอาการเปลี่ยนแปลงทางระบบประสาทของทารก
      - อธิบายให้มารดาและบิดาเข้าใจถึงอาการ
      - สังเกตลักษณะ ขนาด การเปลี่ยนแปลงของก้อนบวมโนที่ศีรษะ
      - บันทึกอาการและการพยาบาล
    - - หายไปได้เอง ประมาณ 2 -3 วันหลังคลอด
      - ถ้าเกิดจาก V/E จะหายได้ช้ากว่า
  - - - ถ้ามีภาวะตัวเหลืองร่วมด้วยและมีระดับบิลลิรูบินในเลือดสูง
        จำเป็นต้องได้รับการส่องไฟ
      - ในรายที่ก้อนเลือดขนาดใหญ่อาจรักษาโดยการดูดเลือดออก
    - - ในรายที่รุนแรงอาจพบทันทีหลังเกิดและพบว่าก้อนโนเลือดมีสีผิดปกติ คือ
        เป็นสีด าหรือน ้าเงินคล ้า
    - - ตรวจพบศีรษะมีก้อนบวมโนบนกระดูกกะโหลกศีรษะชิ้นใดชิ้นหนึ่งลักษณะ
        แข็งหรือค่อนข้างตึง คล าขอบเขตได้ชัดเจน กดไม่บุ๋ม
      - ประวัติเบ่งคลอดนาน ช่วยคลอดโดยใช้ V/E
    - - การใช้ V/E
      - ศีรษะทารกถูกกดจากช่องทางคลอด
      - ระยะเวลาการคลอดยาวนาน
  - - - ก้อนมีลักษณะน่วม และข้ามแนวประสานกระดูก ก้อนมีขนาดเพิ่มขึ้นช้า ๆ ในหลายชั่วโมงหรือวัน
  - - - Preterm
      - ภาวะขาดออกซิเจน
      - การได้รับอันตรายรุนแรงจาการคลอด
    - - จากประวัติการคลอดเพื่อค้นหาสาเหตุ
    - - มีอาการอ่อนแรง
      - มีภาวะซีด หรือมีอาการเขียว
      - Reflex ลดน้อยลงหรือไม่มี
      - ซึม ดูดนมไม่ดี
      - ร้องเสียงแหลม
    - - ถ้ามีความดันในกะโหลกศีรษะสูง อาจได้รับการรักษาโดยเจาะน้ำไขสันหลัง
      - ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย
      - ดูแลให้ได้รับยาระงับการชักและให้วิตามินเค
      - ดูแลให้ออกซิเจนถ้าทารกมีภาวะพร่องออกซิเจน
      - ดูแลให้ได้รับนมและน ้าอย่างเพียงพอ
    - - ดูแลให้ได้รับนมและน ้าที่เพียงพอ
      - ให้ทารกอยู่ในตู้อบ (incubator) ที่ควบคุมอุณหภูมิ
      - ดูแลให้ทารกหายใจสะดวกและได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
      - ตรวจสอบสัญญาณชีพ และบันทึกไว้ทุก 2- 4 ชั่วโมง ตามระดับความ
        รุนแรงของอาการ
      - ป้องกันและไม่ให้ทารกได้รับอันตรายจากการชัก
      - ประคับประคองจิตใจมารดาและบิดา
- - - - ในรายที่มีกระดูกหักสมบูรณ์ (complete) อาจได้ยินเสียงกระดูกหักขณะคลอด
      - แขนข้างที่หักจะมีอาการบวมและทารกไม่เคลื่อนไหวแขนข้างที่หัก
    - - แต่ถ้ากระดูกแขนหักสมบูรณ์ จะรักษาโดยการจับแขนตรึงกับ
        ผนังทรวงอก ศอกงอ 90 องศา
      - ถ้าเป็นเพียงกระดูกแขนเดาะ จะรักษาโดยการตรึงแขนให้แนบกับลำตัวเพื่อไม่ให้แขนเคลื่อนไหว 1-2 สัปดาห์
  - - - เมื่อจับทารกเคลื่อนไหวหรือถูกบริเวณที่กระดูกต้นขาหักทารกจะ
        ร้องไห
      - จะพบว่าขาทารกมี
        อาการบวม
    - - ถ้ากระดูกไม่หักแยกจากกัน (incomplete) รักษาโดย
        การใส่เฝือกขายาว ประมาณ 3 -4 สัปดาห์
      - ถ้ากระดูกหักแยกจากกัน (complete) รักษาโดยการห้อยขาทั้ง 2 ข้างไว้กับราว ขาเหยียดตรง ให้ก้นและสะโพกลอยจากพื้น ดึงขาไว้ 2-3 สัปดาห์
  - - - รักษาโดยให้แขนและไหล่ด้านที่กระดูกไหลปลาร้าหักอยู่นิ่ง ๆ โดยการกลัดแขนเสื้อติดกับตัวเสื้อ ประมาณ 10-14 วัน
      - ส่วนใหญ่หายได้เองค่อนข้างเร็วมักเกิดกระดูกงอกใหม่ภายใน 1 สัปดาห์
    - - อาจพบปมประสาทใต้ไหปลาร้า (brachial plexus)
      - อาจพบว่ามีอาการบวมห้อเลือด (ecchymosis)
      - ทารกเคลื่อนไหวแขนข้างที่กระดูกไหปลาร้าหักน้อยหรือไม่เคลื่อนไหวเลย
- - - - ปากข้างที่เป็นจะถูกดึงลงมาท าให้มุมริมฝีปากล่างตก
      - มีอาการอัมพาตชั่วคราวของกล้ามเนื้อใบหน้า มักเป็นด้านเดียว
      - รูปหน้าทั้ง 2 ด้านจะไม่เท่ากัน เห็นได้ชัดเจนเมื่อทารกร้องไห้
    - - ปกติถ้าประสาทที่เลี้ยงใบหน้าเพียงถูกกดอาจหายไปได้เองภายใน 2-3
        วัน ถึงสัปดาห์
      - ถ้าเส้นประสาทขาดต้องได้รับการท าศัลยกรรมซ่อมประสาท
    - - ดูแลให้ได้รับนมให้เพียงพอ
      - ดูแลให้ทารกได้รับการตอบสนองด้านจิตใจ
      - ล้างตา หยอดตาตามแผนการรักษา
      - ดูแลให้ทารกได้รับการตอบสนองด้านจิตใจ
  - - - ถ้าไม่หายอาจต้องทำศัลยกรรมซ่อมประสาท
      - ทำกายภาพบำบัด
      - ให้แขนไม่เคลื่อนไหว ในท่ากางหมุนแขนออก
    - - ดูแลให้แขนที่ได้รับอันตรายได้ออกกำลัง
      - ูแลความสุขสบายและการผ่อนคลายให้ทารกที่ต้องตรึงแขน
      - ดูแลให้ส่วนที่ได้รับอันตรายไม่เคลื่อนไหว