Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 7 นโยบายกฎหมาย แผนผู้สูงอายุแห่งชาติและ จริยธรรมในการดูแลผู้สูงอาย …
บทที่ 7 นโยบายกฎหมาย แผนผู้สูงอายุแห่งชาติและ
จริยธรรมในการดูแลผู้สูงอาย
เส้นทางนโยบาย กฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุไทย
มาตรการด้านสุขภาพ เน้นบริการที่เข้าถึงตัวผู้สูงอายุในเชิงรุก การบริการระดับชุมชนและการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน แบบบูรณาการและสหสาขาโดยชุมชนมีส่วนร่วมเป็นสำคัญ
พ.ศ. 2525
1) องค์การสหประชาชาติได้จัดประชุมสมัชชาผู้สูงอายุณ กรุงเวียนนา จัดตั้งคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ขึ้นเป็นครั้งแรก จัดทำแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2525 – 2544) วันที่ 13 เมษายน ของทุกปีเป็นวัน “ผู้สูงอายุแห่งชาติ”
2) แผนผู้สูงอายุแห่งชาติฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2525 - 2544) ประกอบด้วยการด าเนินงานใน 5 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านสุขภาพอนามัย 2) ด้านความมั่นคงทางรายได้และการท างาน 3) ด้านการศึกษาและวัฒนธรรม 4) ด้านสวัสดิการสังคม และ 5) ด้านวิจัยและพัฒนา
พ.ศ. 2540 มีมาตราที่เกี่ยวข้อง
กับผู้สูงอายุ 2 มาตรา คือ มาตราที่ 54 บัญญัติว่า “บุคคล ซึ่งมีอายุเกิน 60 ปีบริบูรณ์ และไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพมีสิทธิได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ”
มาตราที่ 80 วรรค 2 “รัฐต้องสงเคราะห์คนชรา ผู้ยากไร้ ผู้พิการ หรือทุพพลภาพและผู้ด้อยโอกาสให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและพึ่งตนเองได้”
พ.ศ. 2541 มีการรับรอง ปฎิญญามาเก๊า และจัดทำแผนปฏิบัติการเรื่องผู้สูงอายุในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค
พ.ศ. 2542 เกิด “คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานผู้สูงอายุแห่งชาติ” เรียกโดยย่อว่า “กสผ.” ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตร และ สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทยได้เสนอให้รัฐบาลจัดทำ “ปฎิญญาผู้สูงอายุไทย”
เพื่อเป็นพันธกรณ
พ.ศ. 2545 ได้มีการจัดท าแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2545 – 2564) ซึ่งเป็นแผนที่ทุกกระทรวง ทบวง กรม ถือปฏิบัติ ในขณะนี้
พ.ศ. 2546 ได้มีการจัดทำและประกาศใช้ พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546
มีมาตราที่เกี่ยวข้องกับ
ผู้สูงอายุ 2 มาตรา คือ หมวดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนชาวไทย 2 มาตรา มาตราที่ 53 บัญญัติว่า “บุคคล ซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์ และไม่มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ มีสิทธิได้รับสวัสดิการ สิ่งอ านวยความสะดวกอันเป็นสาธารณะอย่างสมศักดิ์ศรี และความช่วยเหลือที่เหมาะสมจากรัฐ” ตราที่ 80 วรรค 2 “รัฐต้อง
คุ้มครองและพัฒนาเด็กและเยาวชน สนับสนุนการอบรมเลี้ยงดูและให้การศึกษาปฐมวัย ส่งเสริมความเสมอภาคของหญิงและชาย เสริมสร้างและพัฒนาความเป็นปึกแผ่นของสถาบันครอบครัวและชุมชน รวมทั้งต้องสงเคราะห์และจัดสวัสดิการให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ และผู้อยู่ในสภาวะยากล าบาก ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและพึ่งพาตนเองได้”
กฎหมาย นโยบายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้สูงอายุไทย
แผนผู้สูงอายุแห่งชาติฉบับที่ 1 พ.ศ. 2525 - 2544
เป็นแผนที่กำหนด “สิทธิ” ของผู้สูงอายุไทยอย่างชัดเจนฉบับแรก ช่วงเวลาดังกล่าวประเทศไทยอยู่ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2525-2529) และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2521
ได้มีการจัดท าแผนผู้สูงอายุฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2525-2544) ประกอบด้วยการดำเนินงานใน 5 ด้าน ได้แก่
1) ด้านสุขภาพอนามัย
2) ด้านความมั่นคงทางรายได้และการทำงาน
3) ด้านการศึกษาและวัฒนธรรม
4) ด้านสวัสดิการสังคม
5) ด้านวิจัยและพัฒนา
แผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2545 – พ.ศ.2564
เพื่อเป็นแนวทางในการด าเนินการเกี่ยวกับผู้สูงอายุต่อ
จากแผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 1 มีลักษณะเป็นแผนฯ ที่มีการบูรณาการ มีการ กำหนด มาตรการ ดัชนีและเป้าหมายของมาตรการต่างๆ อย่างชัดเจน
วัตถุประสงค
1) เพื่อสร้างจิตส านึกให้คนในสังคมตระหนักถึงผู้สูงอาย
2) เพื่อให้ประชากรทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมการและมีการ
เตรียมการเข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ
3) เพื่อให้ผู้สูงอายุดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี พึ่งตนเองได
4) เพื่อให้ประชาชน ครอบครัว ชุมชน องค์กรภาครัฐและเอกชนมีส่วน
ร่วมในภารกิจด้านผู้สูงอายุ
5) เพื่อให้มีกรอบและแนวทางปฏิบัติสำหรับส่วนต่างๆ ในสังคมทั้งภาค
ประชาชน ชุมชน องค์กรภาครัฐและเอกชน
ยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ที่ถูกกำหนดขึ้นมีลักษณะบูรณาการและครอบคลุมในทุกมิติ มุ่งหวังให้ประชากรทุกคนเตรียมการเข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ มีทั้งหมด 5 ยุทธศาสตร์ 19 มาตรการ 57 ดัชนีชี้วัด และดัชนีรวมของแผน 3 ดัชนี
พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546
วัตถุประสงค์ เพื่อให้การดำเนินงานเกี่ยวกับการคุ้มครองการส่งเสริม และการสนับสนุนต่อสิทธิและประโยชน์ของผู้สูงอายุเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
สาระสำคัญ พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 บุคคลผู้มีสิทธิใน
พระราชบัญญัติฉบับนี้ ก าหนดให้บุคคลซึ่งมีอายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปและมีสัญชาติไทยถือเป็นผู้สูงอายุ จึงมีบทบัญญัติเกี่ยวกับผู้สูงอายุอยู่หลายมาตรา
แผนผู้สูงอายุแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2545 - 2564 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 พ.ศ.2552
เกิดขึ้นจากกระแสวิชาการ ที่เห็นถึงปัญหาการดำเนินงานและผลการประเมินในช่วง 5 ปีที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน และสถานการณ์ประชากรประเทศไทย จึงเป็นจุดกำเนิดสำคัญของการปรับแผนฯ
วัตถุประสงค์
เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยการด ารงชีวิตอย่างมีคุณค่า
เพื่อสร้างจิตสำนึกให้สังคมไทยตระหนักถึงผู้สูงอยุในฐานะบุคคลที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม
เพื่อให้ประชากรทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมการ
เพื่อให้ประชาชน ครอบครัว ชุมชน ท้องถิ่น องค์กรภาครัฐ และเอกชน ตระหนักและมีส่วนร่วมในภารกิจด้านผู้สูงอายุ
เพื่อให้มีกรอบและแนวทางการปฏิบัติงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุสำหรับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ยุทธศาสตร์ ยุทธศาสตร์ที่ถูกกำหนดขึ้นมีลักษณะบูรณาการและครอบคลุมในทุกมิติประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ 18 มาตรการหลัก 44 มาตรการย่อย 56 ดัชนีชี้วัด และดัชนีรวมของแผน 4 ดัชนี
ปฏิญญาผู้สูงอายุไทย
ข้อที่ 1 ผู้สูงอายุต้องได้รับป๎จจัยพื้นฐานในการด ารงชีวิตอย่างมีคุณค่าและศักดิ์ศรี
ข้อที่ 6 ผู้สูงอายุส่วนใหญ่พึ่งพาตนเองได้สามารถช่วยเหลือครอบครัวและชุมชนมีส่วนร่วมในสังคม
ข้อที่ 5 ผู้สูงอายุควรได้เรียนรู้ในการดูแลสุขภาพอนามัยของตนเอง
ข้อที่ 7 รัฐโดยการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคเอกชน ประชาชน สถาบันสังคมต้องกำหนดนโยบาย และแผนหลักด้านผู้สูงอายุส่งเสริมและประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ข้อที่ 4 ผู้สูงอายุควรได้ถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ให้สังคม มีโอกาสได้ทำงานที่เหมาะสมกับวัย
ข้อที่ 8 รัฐโดยการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคเอกชน ประชาชน สถาบันสังคมต้องตรากฎหมายว่าด้วยผู้สูงอายุ เพื่อเป็นหลักประกันและการบังคับใช้ในการพิทักษ์สิทธ
ข้อที่ 3 ผู้สูงอายุควรได้รับโอกาสในการศึกษาเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างต่อเนื่อง
ข้อที่ 9 รัฐโดยการมีส่วนร่วมขององค์กรภาคเอกชน ประชาชน สถาบันสังคมต้องรณรงค์ปลูกฝ๎ง ค่านิยมให้สังคมตระหนักถึงคุณค่าของผู้สูงอายุตามวัฒนธรรมไทย
ข้อที่ 2 ผู้สูงอายุควรอยู่กับครอบครัวโดยได้รับความเคารพรัก ความเข้าใจ ความเอื้ออาทร การดูแลเอาใจใส่ การยอมรับ บทบาทของกันและกัน
สิทธิของผู้สูงอายุตามหลักการขององค์การสหประชาชาต
การมีอิสระภาพในการพึ่งตนเอง การมีส่วนร่วม การอุปการะเลี้ยงดู
การบรรลุความต้องการ ความมีศักดิ์ศร
กฎหมาย นโยบายอื่นๆ ของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมความพร้อมของประชากรใน
การเข้าสู่วัยสูงอายุอย่างมีคุณภาพ
นโยบาย กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสร้างหลักประกันด้านสุขภาพและหลักประกันด้านรายได้
ปี พ.ศ. 2530 พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนส ารองเลี้ยงชีพ คือ กองทุนที่นายจ้างและลูกจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้น เงินของกองทุนมาจากเงินที่ลูกจ้างจ่ายส่วนหนึ่งเรียกว่า "เงินสะสม" และนายจ้างจ่ายส่วนหนึ่งเรียกว่า "เงินสมทบ"
ปี พ.ศ.2533 พระราชบัญญัติประกันสังคม
มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างหลักประกันและความมั่นคงในการดำรงชีวิตให้แก่ลูกจ้างที่จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน ในที่นี้เรียกว่า "ผู้ประกันตน" ความคุ้มครองภายใต้กองทุนประกันสังคมแบ่งเป็น 7 ประเภท คือ เจ็บปุวยหรือประสบอันตราย คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต สงเคราะห์บุตรชราภาพ ว่างงาน
ปี พ.ศ.2547 กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund: LTF)
กองทุนรวมเพื่อการลงทุนในตราสารแห่งทุน ในระยะยาวที่มีอายุ
ไม่ต่ ากว่า 10 ปี เพื่อให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุนในกองทุนน เพื่อพัฒนา ตลาดทุน เพื่อส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในตลาดหลักทรัพย์ผ่านกองทุนรวมซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ลงทุนในกองทุนรวมหุ้น ระยะยาวและช่วยสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบตลาดทุนของประเทศไทย
ปี พ.ศ.2539 พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
มีวัตถุประสงค์ “เพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบำเหน็จบำนาญและให้
ประโยชน์ตอบแทนการรับราชการแก่ข้าราชการเมื่อลาออกจากราชการเพื่อส่งเสริมการออมของสมาชิก และเพื่อจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นให้แก่สมาชิก”
ปี พ.ศ.2554 พระราชบัญญัติการออมแห่งชาติ(กอช.)
มีวัตถุประสงค์ คือ ส่งเสริมการออมทรัพย์ของสมาชิกและเพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบำนาญและ ให้ประโยชน์ตอบแทนแก่สมาชิกเมื่อสิ้นสมาชิกภาพ ผู้มีสิทธิเป็นสมาชิก กอช. บุคคลสัญชาติไทยที่มีอายุ 15 ปีแต่ไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์
ปี พ.ศ. 2544 กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund ; RMF)
เป็นกองทุนรวม มีวัตถุประสงค์ เป็นเครื่องมือหนึ่งในการสะสมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณโดยมีการสนับสนุนให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุนเพื่อเป็นแรงจูงใจ เหมาะกับคนทุกกลุ่มที่ต้องการออมเงินเพื่อวัยเกษียณ
ปี พ.ศ. 2471 พระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน
นำระบบพนักงานราชการมาใช้กับ
หน่วยงานของรัฐ พนักงานราชการจะต้องทำสัญญาจ้างทุก 4 ปี สิทธิประโยชน์ในการรับค่าตอบแทนจะได้รับค่าตอบแทนมากกว่าข้าราชการประมาณ 20 % ไม่ได้รับค่าเช่าบ้าน ค่ารักษาพยาบาลใช้สิทธิประกันสังคม ไม่มีระบบบ าเหน็จบำนาญข้าราชการ แต่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์
ปัญหาจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการพยาบาลผู้สูงอายุ ประกอบด้วย พินัยกรรม เมตตามรณะการพยาบาลผู้ปุวยระยะสุดท้าย (End of life care)การท าทารุณกรรมในผู้สูงอายุ (Elderly Abuse)
4.3 เมตตามรณะ (Euthanasia)
การให้ผู้ปุวยที่สิ้นหวังที่ทนทุกข์ทรมานจากโรคที่
รักษาไม่หายได้ตายลงโดยไม่เจ็บปวด แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
Active Euthanasia
Passive Euthanasia
4.4 การทำทารุณกรรมในผู้สูงอายุ (Elderly Abuse)
1 ความหมาย เป็นการกระทำในครั้งเดียวหรือการกระทำซ้ำ หรือการดำเนินการที่ขาดความเหมาะสมที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ใดๆอันเนื่องมาจากความคาดหวังที่ไว้วางใจ ซึ่งทำให้เกิดอันตรายหรือความทุกข์ให้กับผู้สูงอายุ
2 สาเหตุของการทารุณกรรม แบ่งออกได้ 2 สถานที่ใหญ่ คือ
-การทารุณกรรมในบ้าน อาจเกิดจากภาวะเครียดจากสถานการณ์การดูแล ผู้ดูแลไม่พอใจที่ผู้ปุวยเป็นภาระ ปัญหาในครอบครัว ไม่มีเงินใช้จ่ายสำหรับสิ่งของจำเป็น ป๎ญหาสัมพันธภาพ
การทารุณกรรมในสถานบริการ บุคลากรมีภาวะเครียดจากสถานการณ์การหรือรมีภาวะเหนื่อยล้าจากการทำงาน ผู้ปุวยมีอาการก้าวร้าว บุคลการมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้สูงอายุ
3 ปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดการทารุณกรรมในผู้สูงอายุ
ในด้านผู้สูงอายุ ที่มีพาวะพึ่งพิง มีการสูญเสียหน้าที่ของร่างกาย มีปัญหาในการดื่มสุรา ผู้ดูแล ที่มีภาวะติดยา มีอาการปุวยทางจิต ไม่มีประสบการณ์การดูแล
สิ่งแวดล้อม ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ขาดการสนับสนุนจากครอบครัวมีป๎ญหาจากการสมรส เหตุเกิดขึ้นทันทีทันใด
4 ประเภทของการทารุณกรรม
การทารุณกรรมทางร่างกาย (physical abuse) ได้แก่ การจู่โจมเข้าทำร้าย การชกต่อย การทำร้ายร่างกาย
การทารุณกรรมทางเพศ (sexual abuse) ได้แก่ การแตะต้องตัวโดยไม่ได้รับความยินยอม การลวนลามทางเพศ
การทารุณกรรมทางด้านจิตใจ (Emotional abuse/psychological abuse) ได้แก่ การด่าทอ การข่มขู่ การกีดกัน การห้ามไม่ให้ผู้ป่วยพูด
5 การทอดทิ้ง (Neglect) หมายถึง บุตรหลานหรือญาติพี่น้องละเลย ไม่เอาใจใส่ หรือไม่ดูแลผู้สูงอายุเป็นระยะเวลานาน อันอาจจะเกิดอันตรายต่อร่างกาย
6 การละทิ้ง (Abandonment) การละทิ้งหน้าที่ต่อผู้สูงอายุที่ตนเองรับผิดชอบในการให้การดูแลหรือผู้สูงอายุที่อยู่ในความดูแล เช่น ผู้ดูแลที่จ้างจากศูนย์ออกไปเที่ยวนอกบ้านทิ้งให้ผู้สูงอายุที่นอนติดเตียงอยู่ในห้องตามลำพัง
7 การแสวงหาผลประโยชน์ทางด้านการเงิน (Financial exploitation) เป็นการกระทeที่มิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เหมาะสมในการใช้เงินทุน ทรัพย์สมบัติหรือผลประโยชน์ต่างๆ บังคับให้เซนชื่อ ใช้เงินผิดประเภทหรือขโมยเงินหรือสมบัติของผู้สูงอาย ขู่เข็ญหรือหลอกลวงผู้สูงอายุให้เซ็นชื่อในเอกสาร
การประเมินภาวะทารุณกรรม
ใช้คำถามต่อไปนี้เพื่อคัดกรองภาวะทารุณกรรมกับผู้ป่วย เน้นถามถึงใครที่ที่กระทำ
คำถามเพื่อระบุแนวโน้มการละเลยไม่เอาใจใส่และการทารุณกรรมทางการเงิน
คำถามผู้ป่วยและผู้ดูแลแต่ละคนเพื่อประเมินการได้รับบาดเจ็บ
การบริการและการให้การช่วยเหลือในประเทศไทย ศูนย์ประชาบดีและศูนย์ช่วยเหลือสังคม ศูนย์เฝูาระวังและเตือนภัยทางสังคม กรรมกิจการผู้สูงอายุ ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุและสถานสงเคราะห์คนชรา สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด สายด่วนกรมสุขภาพจิต 1667
การป้องกันการทารุณกรรม
ตามแนวคิดของ Bunmhover and Beall (1996)
1) การป้องกันปฐมภูมิ (primary prevention)
2) การป้องกันทุติยภูมิ (secondary prevention)
การป้องกันการทารุณกรรมในผู้สูงอายุ
1) การปูองกันแบบถ้วนหน้า (universal prevention)
2) การคัดเลือกวิธีการปูองกัน (selective prevention
3) ระบุวิธีการปูองกัน (indicated prevention)
4) กลยุทธ์การป้องกัน (Prevention strategies)
4.2 การพยาบาลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (End of life care)
นการประเมินความพร้อมในการ รับรู้ความพร้อมที่จะตาย
ผู้สูงอายุอาจพร้อมหรือไม่พร้อมที่จะเข้าสู่ระยะสุดท้ายของชีวิต การแนะนำให้เตรียมท าพินัยกรรม บางกรณี ผู้สูงอายุที่เจ็บปุวยถึงระยะสุดท้ายของชีวิตบางรายไม่กลัวที่จะต้องตาย แต่ต้องการจากโลกนี้ไปอย่างอบอุ่นท่ามกลางคนที่ตนรัก ได้รับการดูแลรักษาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดทรมานอย่างเต็มที่
4.1 พินัยกรรม
พินัยกรรมเป็นการแสดงเจตนากำหนดการเผื่อ
ตายเรื่องทรัพย์สินของตนเอง พินัยกรรมมี 5 แบบ ได้แก่ พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ พินัยกรรมแบบธรรมดา พินัยกรรมแบบเอกสารฝุายเมือง พินัยกรรมแบบเอกสารลับ พินัยกรรมแบบวาจา