Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง โรคหัวใจรูมาติค (Rheumatic Heart Disease),…
โรคหัวใจที่เกิดขึ้นภายหลัง
โรคหัวใจรูมาติค (Rheumatic Heart Disease)
ความหมาย
เกิดภายหลังจากเป็นไข้รูมาติค
มีการเสียหน้าที่ของลิ้นหัวใจไมตรัลเกิดการรั่ว
(regurgitation) หรือตีบ (stenosis) หรือaortic regurgitation ทำให้เกิดหัวใจวายและลิ้นหัวใจผิดปกติอย่างถาวร
อาการและอาการแสดง
อาการทาง major criteria
1.Carditis
Polyarthritis
3.อาการแสดงทางผิวหนัง
4.Chorea
อาการทาง minor criteria
Fever
Arthalgia
Previous Rheumatic fever or RHD
increase ESR, C-Reactive protein และ leukocytosis
Prolonged P-R interval
*การวินิจฉัยว่าเป็นไข้รูมาติค ต้องพบว่ามี 2 major criteria ขึ้นไปหรือพบ 1 major ร่วมกับ 2 minor criteria
การวินิจฉัย
การซักประวัติ
ตรวจร่างกาย : พบอาการดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ :
เพาะเชื้อจากคอ ตรวจหา Beta hemolytic streptococcus group A
Antistreptolysin O (ASO) ในเลือดมากกว่า 320 Todd unit
ESR (Erythrocyte Sedimentation rate) เพิ่มขึ้น
C-reactive protein ให้ผลบวก
ภาพรังสีทรวงอก : พบเงาหัวใจโตกว่าปกติ ปอดบวมน้ำ มีน้ำในช่อง
เยื่อหุ้มหัวใจ เยื่อหุ้มปอด
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ : P-R interval ยาวกว่าปกติ T-wave ผิดปกติ
คลื่นเสียงสะท้อนหัวใจ : ช่วยวินิจฉัยการมีน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ
การรั่ว/ตีบของลิ้นหัวใจ
การรักษา
ให้ยากำจัดเชื้อโรค Beta hemolytic streptococcus ได้แก่ ยา Penicillin, Erythromycin
ให้ยาสำหรับลดการอักเสบ ได้แก่ Salicylate และ Steroid
ให้นอนพัก 2-6 สัปดาห์/เคลื่อนไหวไปมาในห้อง
ถ้ามี Chorea ให้ Phenobarbital, Diazepam
ผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวาย ให้ digitalis ร่วมกับยาขับปัสสาวะเพื่อช่วยในการขยายหลอดเลือด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่นที่มีปัญหาระบบหัวใจ
ปัญหาที่ 5: เสี่ยงต่อภาวะติดเชื้อระบบทางเดินหายใจได้ง่ายเนื่องจากมีการคั่งของน้ำในปอด/ความสามารถในการต้านทานโรคลง/ปอดขาดประสิทธิภาพในการทำงาน
ปัญหาที่ 6: เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากความผิดปกติของหัวใจได้ง่าย (หัวใจวาย หัวใจอักเสบจากการติดเชื้อ หลอดเลือดดำอักเสบ) เนื่องจากสภาพทางร่างกายและลักษณะอาการของโรค
ปัญหาที่ 4: การเจริญเติบโตและพัฒนาการไม่เหมาะสมเนื่องจากเนื้อเยื่อต่างๆได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ/จากสภาพของโรคทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมกับบุคคลอื่นได้ตามปกติ
ปัญหาที่ 7: เกิดความเบื่อหน่ายจากการถูกจำกัดกิจกรรม
ปัญหาที่3: อาจได้รับอาหาร น้ำและแคลอรี่ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายเนื่องจากภาวะหอบเหนื่อยง่าย/มีอาการเบื่ออาหาร จากการที่เลือดไปเลี้ยงระบบทางเดินอาหารน้อยลง
ปัญหาที่ 8: บิดามารดาและผู้ป่วยอาจเกิดความกลัวและวิตกกังวลเกี่ยวกับความเจ็บป่วยเนื่องจากไม่เข้าใจในโรคและแผนการรักษา
ปัญหาที่2: ความทนในการทำกิจกรรมลดลงเนื่องจากความไม่สมดุลระหว่างความต้องการออกซิเจนของร่างกายกับปริมาณออกซิเจนที่มีอยู่
ปัญหาที่ 9: เสี่ยงต่ออันตรายจากภาวะหัวใจล้มเหลวเนื่องจากลิ้นหัวใจถูกทำลาย
ปัญหาที่1: เนื้อเยื่อต่างๆ มีโอกาสเกิดภาวะขาดออกซิเจนเนื่องจากความผิดปกติของหัวใจ ทำให้ร่างกายได้รับเลือดที่มีออกซิเจนต่ำหรือหัวใจทำงานหนักเกินไปทำให้ปริมาณเลือดออกจากหัวใจลดลง
ปัญหาที่ 10: ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ Beta hemolytic Streptococci group A ซ้ำ
สาเหตุ
เกิดจากกระบวนการอักเสบของกล้ามเนื้อเยื่อหุ้มและหัวใจจากเปนไข้รูมาติค (Rheumatic fever) นํามาก่อนภาวะการอักเสบนี้
เป็นภาวะแทรกซ้อนของคออักเสบหรือทอนซิลอักเสบ จากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า บีตาฮีโมไลติก สเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ (beta-hemolytic
Streptococcus group A)
พยาธิสภาพ
กลไกของการเกิดโรคเข้าใจว่าเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางระบบภูมิคุ้มกัน (Immunopathology) ทำให้มีการทำลายของกล้ามเนื้อหัวใจ โดยเฉพาะที่ผนังของ left ventricle, mitral valve, aortic valve และ เยื่อหุ้มหัวใจ การอักเสบจะเป็นแบบ exudative inflammation เกิด granulomatus tissue และ fibrosis การอักเสบซ้ำ ๆ จะทำให้ลิ้นหัวใจตีบหรือรั่วได้
การพยาบาล
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัด เช่น ไข่เค็ม ปลาเค็ม เกลือ
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยา Penicillin v. และสังเกตผลข้างเคียงของยา
ดูแลจัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ ไม่มีเสียงรบกวนกระตุ้นเด็ก เพื่อให้ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงเยอะ เช่น เบ่งถ่ายอุจจาระ การเล่นกีฬาแข่งขัน
หรือทําให้ตื่นเต้นเร้าใจ
วัด v/s ทุก 4 ชั่วโมง
สังเกตอาการและอาการแสดงของภาวะการติดเชื้อ เช่น มีไข้ ถ่ายเหลว อาเจียน ไอ เจ็บหน้าอก น้ำมูกไหล
ทํา tepid sponge เมื่อผู้ป่วยมีไข้สูง > 38.5 องศาเซลเซียส
ดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาความสะอาดของปากและฟันสม่ำเสมอ
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น ผลการตรวจเพาะเชื้อจากคอ ติดตาม WBC, ASO titer
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับยาตามแผนการรักษากรณีมี Carditis และหัวใจโตมาก ไม่มี heart failure ให้ Aspirin 75-120 มก/กก/วัน และ Prednisolone 2 มก/กก/วัน และสังเกตผลข้างเคียงและติดตามอาการหลังให้ยา
ติดตามฟังเสียง murmur
ระมัดระวังไม่ให้ผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มเติม ถ้ามีอาการเจ็บคอ หวัด ไอควรปิดปากเวลาไอจาม
นางสาวอามาลีนา หะยีบือราเฮง
รหัส 621001113