Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พยาธิสรีรภาพระบบหัวใจและหลอดเลือด - Coggle Diagram
พยาธิสรีรภาพระบบหัวใจและหลอดเลือด
ความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิต
ความผิดปกติของหลอดเลือด
การหนาตัวของผนังหลอดเลือดแดง
(Artherosclerosis)
อวัยวะที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ หัวใจ สมอง ไต ลำไส้เล็ก และ lower extremitiesซึ่งเกิดพยาธิสภาพ
Abdominal aorta/Terminal aorta : เลือดไปเลี้ยงส่วนของ lower extremitiesน้อยลงอาจจะพบ gangrene ที่นิ้วหัวแม่เท้า
Coronary artery: Angina pectoris , Myocardial infarction
Carotid และ Vertebral artery : CVA หรือ Stroke
Renal artery: Hypertension Renal ischemia
Mesenteric artery: Intestinal Ischemia ,Peritonitis
หลักการรักษาพยาบาล
1.หลักการรักษาภาวะ atherosclerosis คือการทำให้ผนังหลอดเลือดบางลง เพื่อเพิ่ม งวดของหลอดเลือด โดยการทำผ่าตัดเพื่อดูดเอา plaque ออก (endarterectomy) หรือ ทำการตัดต่อเส้นเลือด (Surgical bypass) การทำBalloon angioplasty และ การทำ endovascular stent
ผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะ มีโอกาสเกิดภาวะ atherosclerosis เนื่องจากมีระดับไขมันในเลือดสูง การแนะนำให้ปรับพฤติกรรมสุขภาพใหม่เป็นบทบาทของพยาบาล โดยเน้นการออกก าลังกาย การลดปัจจัยเสี่ยง ต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และแนะนำการควบคุมน้ าหนัก เป็นต้น
ภาวะความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิตตัวบน สูงกว่า 140 มิลลิเมตรปรอท และหรือความดันโลหิตตัวล่าง สูงกว่า 90 มิลลิเมตรปรอท การแบ่งระดับความรุนแรงของความดันโลหิตสูง มีการแบ่งระดับความรุนแรงของความดันโลหิตสูง
ชนิดของความดันโลหิตสูง
Primary hypertension หรือ Essential hypertension เป็นความความดันโลหิตสูงชนิดไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งพบเป็นส่วนใหญ่ของผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูง (ประมาณร้อยละ 90) และพบว่ามีปัจจัยส่งเสริมต่างๆ ที่ชักนำให้เกิดความดันโลหิตสูงชนิดน
2.Secondary hypertension เป็นความดันโลหิตสูงชนิดที่ทราบสาเหตุ ซึ่งมีสาเหตุจากโรคไต เช่น โรคหลอดเลือดแดงของ ไตตีบ สาเหตุจากโรคของระบบต่อมไร้ท่อ เช่น Cushing's syndrome, Pheochromocytoma สาเหตุจากระบบประสาทผิดปกติ เช่น เนื้องอกในสมองที่สร้างcatecholamine สาเหตุจากเลือดออกในสมอง และสาเหตุจากการได้รับยาหรือสารกระตุ้นจากภายนอกทำให้ความดันโลหิตสูงเช่น ยาคุมกำเนิด corticosteroid, caffeine, narcotic cocaine และ amphetamine เมื่อแก้ไขสาเหตุได้ ความดันโลหิตจะกลับมาปกติ
พยาธิสภาพ
1.ความดันโลหิตสูงชนิดนี้ไม่ทราบกลไกการเกิดแน่นอน แต่มีการศึกษาหลายทฤษฎี
(1) Genetic defect มีความผิดปกติของไตเองตั้งแต่กำเนิด ไม่สามารถexcrete sodium และน้ำได้
(2) Sympathetic nervous system มี overactivity เพิ่มการหลั่งของสาร adrenaline และ Noreadrenaline มากกว่าปกติ
(3) Renin angiotensin system ปัจจัยนี้ได้มีผู้พยายามศึกษาระดับเรนินในพลาสม่า ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงชนิด ไม่ทราบสาเหตุ
ภาวะความดันโลหิตต่ำจากการเปลี่ยนท่า
Orthostatic hypotension หมายถึง ความดันโลหิตทั้ง systolic และ diastolic ลดลงต่ําผิดปกติ คือ ความดัน Systolic ลดลงต่ํากว่าปกติ 20 มม.ปรอท และ diastolic ลดลงต่ํากว่าปกติ 10 มม.ปรอท ขณะเปลี่ยนท่าจากท่านอนเป็นท่านั่งและท่ายืน
สาเหตุ
ขาด fluid volume ทําให้ไม่สามารถปรับตัวได้
ผู้สูงอายุ ประมาณว่าผู้ที่อายเกิน 65 ปี ร้อยละ 20 จะมีอาการ
postural hypotension
ผลข้างเคียงของยา ได้แก่ ยาลดความดันโลหิตสูง
มีความผิดปกติของ Autonomic nervous system function ซึ่งพบได้ในผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานแล้วมี peripheral neuropathy ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บที่ไขสันหลังหรือผู้ป่วยที่เป็น cerebro vascular accident (CVA) ทำให้การทำงานของSympathetic ที่ brain stem ถูกขัดขวาง
หลักการรักษาพยาบาล
แก้ไขสาเหตุ เช่น แก้ไขภาวะขาดน้ํา เสียเกลือ เปลี่ยนยาที่มีผลข้างเคียงที่ทําให้ เกิดภาวะความเป็นยาตัวอื่น
ช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้ที่จะจัดการกับปัญหา orthostatic hypotension และรเกิดอุบัติเหตุ เช่น ล้มจากอาการหน้ามืด คําแนะนําที่ช่วยให้ผู้ป่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ของ orthostatic hypotension
ความผิดปกติอื่น ๆ ของหลอดเลือดที่ควรทราบ
1.Venous thrombosis(VT) โรคของหลอดเลือดดํา พบบ่อยที่ขา
Thromboangitis obliterans (TAO)การอักเสบของหลอดเลือดดำ หรือแดง
3.Aortic aneurysm การโป่งพองขยายขนาดของหลอดเลือดแดง
Kawasaki’s diseaseโรคที่มีการอักเสบของหลอดเลือด (Vasculitis) โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน
Raynaud’s syndrome อาการที่เกิดจากการ ขาดเลือดเฉียบพลันบริเวณปลายนิ้ว
6.Takayasu’s disease การอักเสบเรื้อรังของหลอดเลือดแดงใหญ่ที่ไม่ทราบสาเหตุ ทําให้มีการตีบแคบของหลอดเลือด
ความผิดปกติของหัวใจ
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
อาการแสดง
อาการเจ็บแน่น เหมือนมีของหนักๆมาทับ ที่หน้าอกด้านซ้าย หรือตรงกลางหน้าอก อาการเจ็บอาจร้าวไปที่แขนซ้าย กรามหรือคอด้านซ้าย และมักจะมีอาการขณะออกแรง หยุดพักแล้วดีขึ้น หรืออมยาขยายหลอดเลือดหัวใจแล้วดีขึ้น แต่ในผู้ป่วยบางราย เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน อาจจะไม่มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก แต่จะมีอาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติเวลาออกแรง เพราะเส้นประสาทรับความรู้สึกของผู้ป่วยโรคเบาหวาน มักจะผิดปกติ โดยเฉพาะถ้าเป็นเบาหวานอยู่เป็นเวลานาน และระดับน้ำตาลในเลือดควบคุมได้ไม่ดี
กลไกการเกิดมาจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดหัวใจที่ตีบแคบอยู่ก่อน เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดหัวใจ
ลิ้นหัวใจพิการ
โรคลิ้นหัวใจพิการ อาจเป็นผลให้เกิด
dilatation of venticle ของช่องหัวใจ ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
การอุดกั้นของเลือดจากหัวใจห้องบนลงห้องล่าง ทำให้เกิดการคั่งของเลือดในอวัยวะต่าง ๆ
การลดลงของปริมาณเลือดที่ออกจากหัวใจ
hypertrophy ของ venticle ข้างซ้ายหรือข้างขวา ทำให้การทำงานของหัวใจผิดปกติและมีอาการ หัวใจล้มเหลว
ระบบไฟฟ้าหัวใจ
การนำไฟฟ้าหัวใจที่ปกติทำให้พลังผลักดัน (impulse) ที่สร้างจากปุ่มไซนัสหัวใจห้องบน (Sinaoatrial node) หรือเอสเอโนด (SA node) ของหัวใจแผ่ไปยัง (และกระตุ้น) กล้ามเนื้อหัวใจ ผลของการกระตุ้นทำให้กล้ามเนื้อหัวใจหดตัว การกระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจอย่างเป็นระเบียบนี้ทำให้หัวใจหดตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้หัวใจสามารถสูบฉีดเลือดไปทั่วร่างกาย
สาเหตุ
สาเหตุของโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะถูกแบ่งได้เป็นสองประเภทหลักคือ สาเหตุที่เกิดจากหัวใจโดยตรง และสาเหตุที่เกิดจากปัจจัยอื่นๆสาเหตุที่เกิดจากหัวใจโดยตรง หมายถึง การมีอาการของโรคหัวใจที่เกิดจากภาวะหัวใจอื่นๆ อย่างเช่น การเคยเป็นหัวใจวายมาก่อนอาจทำให้มีแผลเป็นในหัวใจ ที่ทำให้ระบบไฟฟ้าของหัวใจมีปัญหา จนทำให้มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้นเอง
หัวใจของคุณมีระบบไฟฟ้าของตัวเองที่ไม่ได้ถูกสั่งงานโดยสมอง ระบบไฟฟ้าของหัวใจทำหน้าที่กำกับจังหวะการเต้นของหัวใจ แรงกระตุ้นไฟฟ้าจะเริ่มในหัวใจห้องบน และ เดินทางผ่านทางเฉพาะที่อยู่ระหว่างหัวใจห้องล่างทั้งสองห้อง แล้วไปกระตุ้นให้หัวใจห้องล่างบีบตัว ระบบนี้ทำให้หัวใจของคุณเต้นเป็นจังหวะ และ ทำให้เลือดไหลได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการสะดุด
ทำให้เกิดโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
ภาวะหัวใจล้มเหลว
ภาวะหัวใจล้มเหลว คือ ภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกายได้เท่ากับความต้องการของร่างกายหรือ หมายถึง การที่หัวใจไม่สามารถเพิ่ม cardiac output ได้ และถ้าหัวใจล้มเหลวในภาวะที่มีปริมาณเลือดเข้าหัวใจมากพอ เราจะเรียกภาวะนั้นว่าภาวะการทํางานของหัวใจล้มเหลวแบบมีเลือดคั่ง (Congestive heart failure : CHF)
สาเหตุ
สาเหตุที่ทําให้กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวลดลง เนื่องจากสูญเสียกล้ามเนื้อหัวใจ ที่ พบบ่อยคือ กล้ามเนื้อหัวใจตาย กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ทําให้เกิดภาวะหัวใจวาย การวัดสัดส่วนของปริมาตรเลือดที่บีบออกจาก ventricle
สาเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานหนักขึ้น มีข้อบ่งชี้ คือ preload (volume work) และ after load (pressure work) โรคที่มีผลต่อ preload ได้แก่ โรคลิ้นหัวใจ ลิ้นหัวใจพิการมาแต่กำเนิด เช่น ลิ้นหัวใจไมทรัลจะทำให้ปริมาณเลือดใน ventricle และ atrium ข้างซ้ายผิดปกติ หรือถ้า aortic ตีบ จะทำให้เกิดแรงต้านต่อการบีบเลือดออกจาก left ventricle มีแรงต้านเพิ่มมากขึ้น
อาการ
หัวใจฝั่งซ้ายผิดปกติ=ขวาบวมน้ำ
หัวใจฝั่งขวาผิดปกติ=ความดันสูง มีน้ำในท้อง
โรคหลอดเลือดหัวใจ
ผู้ป่วยที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease : CAD) ที่เกิดจากหลอดเลือดหัวใจตีบ มีจํานวนเพิ่มขึ้น อาจเป็นเพราะว่าการตรวจหาความผิดปกติ ทําได้ดีขึ้นประกอบกับประชากรในเมืองใหญ่อยู่ในสภาพแวดล้อมและดํารงชีวิตแบบตะวันตก การรับประทานอาหารที่มีไขมันมากทําให้เกิดการหนาตัวของหลอดเลือด จนเกิดเป็นโรคนี้กันมาก
สาเหตุ
1.มีการสะสมของไขมัน intracellular และ extracellular
2.มีการงอกขยายตัว (proliferation) ของเซลล์กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือด
3.มีการสร้างเนื้อเยื่อที่เป็นแผลเป็น และโปรตีนของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เมื่อรอยของ arterosclerosis มากขึ้นจะทำให้ขนาดของหลอดเลือดตีบแคบลงและเมื่อเกิด thrombus ร่วมด้วยจะทำให้หลอดเลือดอุดตันทั้งหมด กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดไปเลี้ยงมากเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันได้
ระบบไหลเวียนโลหิต
ความสำคัญของระบบ
ไหลเวียน
เซลล์ของร่างกายจะทำงานอยู่ได้ต้องได้รับออกซิเจน สารอาหาร และอยู่สิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ระบบไหลเวียนจะทำหน้าที่นำออกซิเจน และสิ่งจำเป็นในกำรดำรงชีวิตไปเลี้ยงเซลล์ที่เป็นส่วนประกอบต่างๆ ของร่างกาย และนำของเสียกลับบออกมาเพื่อขับออก
ถ้ามีเหตุที่ทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจหยุดเต้น ปริมาณเลือดลดลง หรือเส้นเลือดไม่สามารถรับเลือดที่ส่งมาได้ เช่น เกิดการฉีกขาด หรืออุดตัน ย่อมทำให้อวัยวะส่วนนั้นเกิดอันตรายและถ้าไม่แก้ไขก็อาจเจ็บป่วยถึงชีวิตได้
การไหลเวียนโลหิต
การไหลเวียน แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วน
1.วงจรไหลเวียนทั่วกาย (systemic circulation)เลือดที่ไหลเวียนจะออกจากเวนตริเคิลซ้ายไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายแล้วกลับมาเข้าเอเทรียมขวา วงจรนี้ทำงานกว้างขวางจึงอาจเรียกว่า วงจรใหญ่ (greater circulation)
วงจรไหลเวียนผ่านปอด (pulmonary circulation)เลือดที่ส่งมาเข้าเอเทรียมขวาจะเทลงสู่เวนตริเคิลขวาแล้วส่งไปยังปอด หลังจากนั้นจะกลับมาเข้าเอเทรียมซ้ายใหม่ การไหลเวียนวงจรนี้ทำงานน้อยกว่า จึงเรียกว่า วงจรเล็ก (lesser circulation)
การไหลเวียนเลือดเกิดขึ้นได้จากแรงที่หัวใจบีบตัวส่งเลือดตามหลอดเลือดไปยังปอดเพื่อการแลกเปลี่ยนออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วกลับมาเข้าหัวใจเพื่อส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย สุดท้ายจะไหลเวียนมาเข้าหัวใจอีกเช่นนี้เรื่อยไป
หน้าที่ของระบบไหลเวียนโลหิต
1.ให้อาหาร นำอาหารและสารอื่นๆ ไปเลี้ยงเซลล์ของร่างกาย
หายใจ นำคาร์บอนไดออกไซด์ไปขับออกทางปอดเพื่อแลกเปลี่ยนออกซิเจนกลับมาใช้
ขับถ่าย นำของเสียซึ่งเกิดจากเมแทบอลิซึม เพื่อขับออกภายนอกร่างกาย
การคงปริมาณสารน้ำของร่างกาย ช่วยควบคุมและรักษาดุลของสารน้ำภายในร่างกาย
5.การควบคุมอุณหภูมิ รักษาอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ
6.ปรับระดับและป้องกัน เลือดที่ไหลเวียนช่วยนำสารบางอย่าง ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกายไปยังอวัยวะ ต่างๆ และนำสารบางอย่างที่เป็นตัวช่วยป้องกันร่างกายไปยังที่ได้รับอันตรายด้วย
ส่วนประกอบของ
ระบบไหลเวียนโลหิต
หัวใจ (heart)
หลอดเลือดแดง (artery)
หลอดเลือดดำ (vein)
หลอดเลือดฝอย (blood capillary)
วิธีการประเมินการทำงานของหัวใจที่ควรทราบ
การฟังเสียงหัวใจ
การจับชีพจร
การวัดความดันโลหิต
การทำงานของหัวใจ
หัวใจจะรับเลือดดำเข้าสู่หัวใจห้องบนขวา Right atrium ไหลผ่านลงหัวใจห้องล่างขวา Right ventricle ซึ่งจะฉีดเลือดไปยังปอดเพื่อฟอกเลือด เลือดที่ฟอกแล้วจะไหลกลับเข้าหัวใจที่ห้องซ้ายบน LEFT Atrium แล้วไหลลง Left ventricle ซึ่งจะสูบเลือดไปเลี้ยงร่างกายทางหลอดเลือดแดง