Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดเขียว - Coggle Diagram
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดเขียว
right to left shunt
Tetralogy of Fallot (TOF)
ความหมาย
การที่เลือดไหลลัดวงจรจากขวาไปซ้าย
สาเหตุ
Ventricular Septal Defect : VSD
Pulmonary Stenosis (PS)
หลอดเลือด aorta ค่อนไปทางขวา (Overriding aorta)
Right Ventricular Hypertrophy (RVH) มีการหนาตัวของ ventricle
พยาธิสภาพ
เนื่องจากมีการอุดกั้น ventricle ขวาจาก PS และมี VSD ดังนั้น จึงมีเลือดลัดวงจรจากขวาไปซ้ายในระดับ ventricle ทำให้หัวใจห้องล่างขวามีการทำงานมากขึ้น เด็กมีอาการเขียวจากการผสมกันของเลือดที่มีระดับออกซิเจนน้อย การเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนนี้ทำให้ร่างกายไดร้บเลือดที่มีออกซิเจนต่ำร่างกายจึงมีการทดแทนโดยการสร้างเม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้น (polycythemia) ทำให้เลือดมีความหนืดมากขึ้นเกิด thrombophlebitis emboli ได้ง่าย
อาการและอาการแสดง
เด็กส่วนใหญ่จะมีอาการเมื่ออายุ ประมาณ 3 – 6 เดือน ในตอนแรกจะพบว่ามีอาการเขียวเวลาร้องไห้ หรือมีกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องออกแรงมาก
เช่น ดูดนม มักแสดงอาการเหนื่อยง่าย และมีประวัตินั่งยองๆ เวลาที่มีอาการเหนื่อย
เมื่อเด็กโตขึ้นหรืออายุประมาณ 2 ปี จะมีภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย
สมองขาดเลือด(anoxicspells)จึงทำให้มีการหนาตัวของventricleขวาได้(right ventricle hypertrophy)
การวินิจฉัย
การซักประวัติ
ติดตามอาการหรือเด็กโตช้า พัฒนาการไม่สมวัย น้ำหนักน้อย
การตรวจร่างกาย
น้ำหนักและส่วนสูงน้อยกว่าปกติ : ตัวเล็ก ผอมกว่าปกติ
ปากและเล็บเขียว นิ้วมือและนิ้วเท้าปุ้ม (clubbing finger)
ฟังพบ systolic ejection murmur
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
พบ Hct หรือ Hb สูงขึ้น
การถ่ายภาพรังสีทรวงอก
พบหัวใจห้องล่างขวาโต pulmonary artery ที่ไปปอดขนาดเล็กกว่าปกติและหลอดเลือดไปปอดลดลง
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
มี ventricle ขวาโต แกน QRS เบี่ยงเบนไปขวา
การรักษา
รักษาภาวะ anoxic spells
การนอนให้นอนท่า knee-chest position
ให้ออกซิเจน ให้ Propanolol ซึ่งเป็น Beta adrenergic blocking agent
ให้ NaHCO3 1-2 mEq/kg. เข้าหลอดเลือดดำช้าๆ
การรักษาทางศัลยกรรม
ทำการต่อระบบไหลเวียน เพื่อเพิ่มปริมาณเลือดไปปอดให้มากขึ้น
ดูแลสุขวิทยาทั่วไป
รักษาสุขภาพฟัน รับประทานอาหารที่เหมาะสม ให้ได้รับภูมิคุ้มกันตามปกติ
Mixed Blood flow
Transposition of the Great Vessels
ความหมาย
ภาวะที่ aorta และ pulmonary artery อยู่สลับที่กัน โดย aorta จะออกจาก ventricle ขวา แต่ pulmonary artery ออกจาก ventricle ซ้ายแทน
สาเหตุ
เกิดจากความล้มเหลวของการแบ่งตัวของ Truncus Arteriosus ตั้งแต่ในระยะ 8 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์
อาจเกิดจากมารดาติดเชื้อหัดหรือเชื้อไวรัส
มารดาขาดสารอาหาร
มารดาดื่มแอลกอฮอล์
เป็นโรคเบาหวานร่วมกับการตั้งครรภ์
ตั้งครรภ์เมื่ออายุมากกว่า 40 ปี
อาการและอาการแสดง
ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการเขียวตั้งแต่ 2–3 วันแรกหลังคลอด
หายใจเร็ว ดูดนมได้ช้า มีหัวใจวาย ตับโต
เด็กจะเจริญเติบโตช้ากว่าปกติ
พยาธิสภาพ
จากการที่หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงร่างกาย (aorta) ออกจาก ventricle ข้างขวาและหลอดเลือดที่ส่งเลือดไปรับออกซิเจนที่ปอด (pulmonary artery)
ออกจาก ventricle ข้างซ้าย ซึ่งรับเลือดแดงจาก atrium ข้างซ้าย ผู้ป่วยจึงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ถ้าไม่มีช่องทางติดต่อให้เลือดทั้ง 2 วงจรมีการผสมกัน
การวินิจฉัย
การซักประวัติ
มีอาการเขียว ดูดนมแล้วเหนื่อยง่าย
การตรวจร่างกาย
พบอาการเขียว มี clubbing finger
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
เด็กโต : Hb หรือ Hct สูงกว่าปกติ
การถ่ายภาพรังสีทรวงอก
เงาหลอดเลือดในปอดเพิ่มขึ้น ห้องหัวใจโต
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
atrium และ ventricle ข้างขวาโต ความดันในเส้นเลือดของปอดสูง
การรักษา
แนะนำอาหารที่ถูกต้อง ป้องกันและรักษาภาวะเลือดจาง
ดูแลสุขภาพฟัน
ป้องกันการติดเชื้อเข้าสู่หัวใจและภาวะขาดน้ำ
ให้ออกซิเจน และรักษาภาวะหัวใจวาย
ให้ Prostaglandin ในระยะหลังคลอดใหม่ๆ และให้แพทย์ทำ atrial septal defect โดยใช้ balloon catheter หรือการผ่าตัด
ให้ยา digitalis และ ยาขับปัสสาวะ
การรักษาทางศัลยกรรม โดยการทะลุระหว่างผนังกั้น atrium ด้วย balloon
การพยาบาล
ดูแลให้อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมีโปรตีน แคลอรี่สูง เพียงพอกับความต้องการของร่างกายผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะหัวใจวายไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารรสจืดเค็มน้อย หรือจำกัดเกลือ
ดูแลให้น้ำหรือนมที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย โดยให้ปริมาณวันละ 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (ถ้าเด็กหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม) เพื่อทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
ส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กได้ออกกำลังกายตามศักยภาพแต่ต้องไม่เหนื่อยจนเกินไป
สังเกตอาการที่ผิดปกติ เช่น หายใจเหนื่อยหอบมากขึ้น มีอาการเขียวมากขึ้น เป็นต้น แนะนำให้รีบจัดท่าเข่าชิดอกีบพาบุตรมาโรงพยาบาลทันที
ประเมินสัญญาณชีพเป็นระยะๆ และสังเกตอาการอาการแสดงเริ่มต้นของการเกิดภาวะหมดสติจากสมองขาดออกซิเจน เพื่อให้การช่วยเหลือทันที
ดูแลผู้ป่วยเด็กขณะอยู่ในโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง เช่น การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ หรือการให้อาหารหรือนมหรือน้ำให้เพียงพอ เป็นต้น และติดตามบันทึกจำนวนปัสสาวะปกติต้องมากกว่า 0.5-1 มิลลิลิตรต่อกิโลกรัมต่อชั่วโมง