Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
Hemodynamic disorder, image, image, image, image - Coggle Diagram
Hemodynamic disorder
สมดุลน้ำในภาวะปกติ การแลกเปลี่ยนสารน้ำผ่านผนังหลอดเลือดฝอย ใช้วิธีการกรองและดูดกลับโดยขึ้นกับสมดุลแรงดัน ที่เรียกว่า Starling forces
- Capillary hydrostatic pressure คือ แรงดันของสารน้ำที่อยู่ในหลอดเลือดฝอย หรือความดันเลือดในหลอดเลือดฝอย ซึ่งจะดันน้ำออกนอกหลอดเลือด
2.Interstitial hydrostatic pressure คือแรงดันของสารน้ำระหว่างเซลล์ที่อยู่รอบหลอดเลือดฝอย คอยดันน้ำเข้าสู่หลอดเลือด
- Capillary oncotic (หรือ osmotic) pressureแรงดันออสโมซิส ซึ่งเกิดจากสารต่างๆ ในหลอดเลือด แรงนี้จะดึงน้ำกลับเข้าหลอดเลือดแรงดันนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณโปรตีนโดยเฉพาะอย่างอัลบูมิน
- Interstitial oncotic (หรือ osmotic) pressureคือแรงดันออสโมซิส ในสารน้ำระหว่างเซลล์ที่อยู่รอบหลอดเลือดฝอย ซึ่งจะดึงน้ำออกจากหลอดเลือดฝอย
Net filtration pressure เป็นแรงสุทธิที่กระทำต่อสารน้ำในหลอดเลือด สามารถบอกทิศทางของน้ำ
สูตร Net filtration = Kf x net filtration pressure
-
ภาวะน้ำเกิน/บวมน้ำ
-
สาเหตุ
- ความดันที่เส้นเลือดฝอยเพิ่มขึ้น
2.เพิ่มการซึมผ่านผนังหลอดเลือด เลือดออกสู่ภายนอก
3.การคั่งของโซเดียม/มีภาวะน้ำเกินในร่างกาย
4.มีระดับ albumin ในเลือดลดลง จากการสร้าง /การสูญเสียมากขึ้น
5.ทางเดินน้ำเหลืองอุดกั้น→ ส่งผลให้การดูดกลับสารน้ำส่วนเกินทางท่อน้ำเหลืองเสียไป
สารน้ำที่เกิดขึ้นจากการบวมแบ่งได้2 ชนิด (ตามส่วนประกอบ)
1.Transudate เป็นสารน้ำที่มีลักษณะใส มีปริมาณโปรตีนน้อย สารน้ำชนิดนี้มักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของ hydrostatic pressure
2.Exudate เป็นสารน้ำที่มีลักษณะขุ่น มีปริมาณโปรตีนมาก มักพบในกรณีทีมีการอักเสบ (inflammation)
Pulmonary edema ปอดบวม
เกิดจากภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะเลือดมีโปรตีนน้อย ภาวะ Shock และกลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน
ภาวะสมองบวม (brain edema หรือ cerebral edema)
-เกิดจากการติดเชื้อ โรคไข้สมองอักเสบ (Encephalitis)
-สมองตายจากการขาดเลือดหรืออภาวะเลือดออกใน
สมอง
-อุบัติเหตุทางสมอง cranial
-เนื้องอกในสมอง
-
-
Shock
ภาวะของร่างกายที่มีการไหลเวียนเลือดลดลงต่ำผิดปกติ ส่งผลให้การสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ในร่างกายไม่เพียงพอ ทำให้เซลล์และอวัยวะเสียหายจากการขาดเลือดที่เป็นตัวนำออกซิเจนและสารอาหาร เมื่อเกิดกับอวัยวะสำคัญและรักษาไม่ทันเวลาอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
อาการ
ชีพจรเต้นเร็วแต่เบา หรือบางรายอาจไม่เต้น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หายใจตื้นและเร็ว ตาค้าง ตาเหลือก
เจ็บแน่นหน้าอก ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ความรู้สึกตัวลดลงหรือหมดสติ
สาเหตุของภาวะช็อก
ภาวะช็อกจากการอุดกั้นนอกหัวใจ (Obstructive Shock) เกิดจากเลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้ตามปกติ ซึ่งเป็นผลที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ลิ่มเลือดอุดกั้นในปอด
ภาวะช็อกจากโรคหัวใจ (Cardiogenic Shock) มีสาเหตุมาจากหัวใจและหลอดเลือดขนาดใหญ่ได้รับความเสียหายหรือเกิดความผิดปกติ จึงทำให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงทั่วร่างกายได้น้อยลง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากกล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลาย หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือเต้นช้าผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
ภาวะช็อกจากปริมาณเลือดลดลง (Distributive Shock) เกิดขึ้นเมื่อหลอดเลือดขยายตัวใหญ่ขึ้น แต่ยังมีปริมาณเลือดเท่าเดิม จึงทำให้หลอดเลือดสูญเสียการตึงตัวและเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้ไม่เพียงพอ ซึ่งมีหลายสาเหตุ เช่น ปฏิกิริยาภูมิแพ้อย่างฉับพลัน ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด พิษของยา (Drug Toxicity) หรือการได้รับบาดเจ็บทางสมอง
ภาวะช็อกจากร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ (Hypovolemic Shock) เกิดจากปริมาณน้ำและเกลือแร่ในร่างกายลดลง หรือปริมาณเลือดในร่างกายลดลง ทำให้หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดเพื่อขนส่งออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงทั่วร่างกายเพียงพอ
-
การรักษา
-ภาวะช็อกจากอาการภูมิแพ้อย่างรุนแรงจะใช้ยาอีไพเนฟรีน (Epinephrine) หรือยาชนิดอื่นเพื่อช่วยต้านสารที่กระตุ้นให้ผู้ป่วยเกิดอาการแพ้
-ผู้ป่วยบางรายอาจได้รับการให้เลือดเมื่อมีประวัติการเสียเลือดมาก
-ในรายที่พบว่ามีประวัติการเสียน้ำในร่างกาย เช่น อาเจียน ถ่ายเหลวปริมาณมาก อาจให้น้ำเกลือ เพื่อรักษาภาวะช็อกจากร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่อย่างรุนแรง
-ผู้ที่มีการติดเชื้อในกระแสเลือดจะรักษาด้วยการจ่ายยาปฏิชีวนะ หรือผู้ที่ช็อกจากสาเหตุของโรคหัวใจจะรักษาด้วยการใช้ยา การสวนหัวใจหรือการผ่าตัด
Hyperemia
ภาวะที่มีการเพิ่มขึ้นของปริมาณเลือด มายังเนื้อเยื่อใดเนื้อเยื่อหนึ่ง เนื่องจากการขยายตัวของหลอดเลือดแดงขนาดเล็ก (arteriole)
-
-
-
-
ภาวะขาดน้ำ
สาเหตุ
1.ท้องร่วง อาเจียนปริมาณมาก ปัสสาวะมากผิดปกติจากน้ำตาลในเลือดสูงหรือยาบางชนิด ภาวะไข้สูงหรือเป็นลมแดดที่ทำให้สูญเสียน้ำทางผิวหนังมากกว่าปกติ
2.การได้รับน้ำเข้าร่างกายไม่เพียงพอ ดื่มน้ำน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ
Hemorrhage ภาวะเลือดออก
สาเหตุเนื่องมาจากมีการฉีกขาดของหลอดเลือด
หลอดเลือดขนาดเล็ก
ความผิดปกติของผนังหลอดเลือดเอง ความผิดปกติของเกร็ดเลือดหรือสารที่ทำให้เกิดการแข็งตัวของเลือด
หลอดเลือดขนาดใหญ่
เกิดจากอุบัติเหตุ ภาวะอักเสบของผนังหลอดเลือด การลุกลามของมะเร็งสู่ผนังหลอดเลือด
-
-
-
-