Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ระบบทางเดินหายใจ Pathophysiology of Respiratory System, นางสาวปาริชาติ…
ระบบทางเดินหายใจ
Pathophysiology of Respiratory System
กายวิภาคระบบทางเดินหายใจ
โครงสร้างของระบบทางเดินหายใจแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ทางเดินหายใจส่วนบน(upperairway) โพรงจมูก คอหอย(phalynx) กล่องเสียง(larynx)
ทางเดินหายใจส่วนล่าง(Lower airway) : หลอดลม(trachea) หลอดลมเล็ก
หน้าที่ของทางเดินหายใจส่วนบน
เป็นทางผ่านของอากาศสู่ทางเดินหายใจส่วนล่าง้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ทางเดินหายใจส่วนล่าง
เป็นทางผ่านอากาศเข้าสู่ถุงลม
สร้างน้ าเมือกดักจับสิ่งแปลกปลอม
สร้างสารเคลือบผิว(surfactant)ซึ่งบุอยู่บริเวณalveolar cells ของปอดเพื่อไม่ให้ถุงลมแฟบขณะ
หายใจออก
โครงสร้างของอวัยวะที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ
ท่อทางเดินหายใจและปอด
Conducting zone เริ่มจาก trachea มาสิ้นสุดที่ terminalbronchiole
Respiratory zone เริ่มจาก respiratory bronchiole
กล้ามเนื้อหายใจ
กล้ามเนื้อหายใจเข้า
Diaphragm
External intercostal muscle
กล้ามเนื้อหายใจออก
Abdominal muscle เช่น external / internal oblique,
rectus abdominis, transversus abdominis
Internal intercostal muscle
กลศาสตร์การหายใจ (Mechanic of respiration)
การหายใจเข้าและออกจากปอดเกิดจากความแตกต่าง
ระหว่างความดันบรรยากาศและความดันในถุงลม
โดยเวลาหายใจเข้าทรวงอกขยายความดันในถุงลมจะลด
ตำลง
ส่วนเวลาหายใจออกทรวงอกและเนื้อเยื่อปอดซึ่งมีความืดหยุ่นจะหดตัวกลับสู่ปริมาตรเดิม ความดันภายในปอด
กลไกลการหายใจ
ขณะหายใจเข้า
กะบังลมจะเลื่อนต่ าลงกระดูกซี่โครงจะ
เลื่อนสูงขึ้น
ทำให้ปริมาตรช่องอกเพิ่มมากขึ้น
ความดันอากาศภายในบริเวณรอบๆ
ปอดลดต่ าลงกว่าอากาศภายนอก
อากาศภายนอกจึงเคลื่อนที่เข้าสู่
จมูก หลอดลม ไปยังถุงลมปอด
ขณะหายใจออก
กะบังลมจะเลื่อนสูงขึ้น
กระดูกซี่โครงจะเลื่อนต่ าลง
ท าให้ปริมาตรของช่องอกลดน้อยลง
ความดันอากาศในบริเวณรอบๆ
ปอดสูงกว่าอากาศภายนอก
ความต้านทานการหายใจ (Resistance of breathing)
Elastic resistance ของปอดและทรวงอก เป็นแรงต้านที่ทำให้ปอดและทรวง
irway resistance เกิดจากการเสียดสีของโมเลกุลในอากาศด้วยกันเองกับ
ทางเดินหายใจ airway resistance
Tissue resistance เกิดจากการเสียดสีของเนื้อเยื่อที่เคลื่อนไหวระหว่างการ
หายใจ
การหายใจ
คือ กระบวนการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ ระหว่าง
สิ่งแวดล้อมกับสิ่งมีชีวิต
เพื่อใช้ในกระบวนการเมตาบอลิซึมของเซลล์เนื้อเยื่อ ประกอบไปด้วย
การหายใจภายนอก (External respiration) เป็นการท างานของปอดโดยมีการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ระหว่างเลือดที่ไหลเวียนในปอด
กับอากาศที่หายใจเข้าไป
การขนส่งก๊าซ (Transport mechanism) เป็นการขนส่งก๊าซออกซิเจน
จากปอดไปยังเซลล์เนื้อเยื่อ
การหายใจภายใน (Internal respiration) เป็นการแลกเปลี่ยนก๊าซที่
เกิดขึ้นที่เซลล์และเนื้อเยื่อ
การระบายอากาศและการไหลเวียนเลือดผ่านปอด
ในการหายใจเข้าหรือออกครั้งหนึ่งๆ ร่างกายจะได้รับอากาศเข้าหรือออกจากปอดเป็น
ส่วนๆ ตามปริมาตรและความจุของปอด
Tidal volume (TV) คือปริมาตรของอากาศในการหายใจเข้าหรือหายใจออก
ในครั้งหนึ่งๆ ในผู้ใหญ่จะมีค่าปกติประมาณ 500 ml
Inspiratory reserve volume (IRV) คือปริมาตรของอากาศทีสามารถหายใจเข้าเพิ่มได้อีกจนเต็มที่ต่อจากการหายใจ เข้าตามปกติ มีค่าประมาณ
3,300 ml
Expiratory reserve volume (ERV) คือปริมาตรของอากาศทีสามารถหายใจออกได้อีกจนเต็มที่ต่อจากการหายใจออก ตามปกติ มีค่าประมาณ
1,000 ml
ความจุของปอด
แบ่งเป็น 4 ส่วนคือ
Inspiratory capacity (IC) คือความจุของปอดที่คิดเป็นปริมาตรของอากาศที่หายใจ
Functional residual capacity (FRC) คือความจุปอดที่คิดเป็นปริมาตรของอากาศ
Vital capacity (VC) คือความจุของปอดที่คิดเป็นปริมาตรของอากาศหายใจออก
การตรวจ Arterial blood gas ในผู้ป่วย
ผู้ป่วยหนักและรุนแรง ใน ICU
ผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน
ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยออกซิเจน
ผู้ป่วยในระหว่างการดมยา
ผู้ป่วยภาวะหายใจล้มเหลว
ผู้ป่วยที่มีภาวะเสียสมดุลกรด ด่าง
ท้องร่วงรุนแรง
ได้รับสารพิษ
Arterial blood gas
PaO2 (Oxygenation ค่า 80 - 100 มิลลิเมตรปรอท )
< 80 mild hypoxemia
< 60 moderate hypoxemia
< 40 sever hypoxemia
SaO2 ( ค่า 98 – 100 %) :
บอกออกซิเจนและความเข้มข้นของออกซิเจนในเม็ดเลือดแดง
PH ความเป็นกรด-ด่างในเลือด (7.35-7.45)
< 7.35 คือ acidosis
> 7.45 คือ alkalosis
ความผิดปกติของการหายใจ
Restrictive pulmonary function
ความผิดปกติของปอด เนื่องจากการขยายตัว (Expansion) ของปอดถูก
จำกัด ทำให้ TLC และ VC ลดลง มีผลให้หายใจเข้าลำบาก
ความยืดหยุ่นของปอดลดลง ทำให้ความจุของปอดลดลง
เช่น ผู้ที่มีโรคของเนื้อปอด ผู้ที่โครงสร้างกล้ามเนื้อ หรือกระดูกที่ช่วยในการ
หายใจผิดปกติ กลุ่มนี้จะมีค่า FVC
Restrictive pulmonary function
ภาวะที่การขยายตัวของปอดถูกจ ากัด ที่พบบ่อย
Atelectasis
Pulmonary fibrosis
Pulmonary edema
Pneumothorax
Pleural effusion or Hydrothorax
Pleurisy (Pleuritis)
Abscess formation and cavitation
หลักการพยาบาล Restrictive pulmonary function
แก้ไขตามสาเหตุของภาวะนั้นๆ
การแก้ไขภาวะของ Hypoxemia
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง
ค าแนะน าในการปฏิบัติเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
การขับเสมหะในทางเดินหายใจ
การหายใจอย่างถูกวิธีและการไออย่างมี
ประสิทธิภาพ
การดูดเสมหะโดยใช้ลูกยางแดง
การดูดเสมหะด้วยสายดูดเสมหะ ได้แก
Nasopharyngeal and Oropharyngeal Suctioning
Endotracheal and tracheostomy Suctioning
การท าหน้าที่ของปอดผิดปกติเนื่องจากมีการอุดกั้นของทางเดินหายใจ
ีผลให้แรงต้านทานการไหลของอากาศหายใจ (resistance airway)
กลุ่มนี้จะตรวจพบค่า FEV1 / FVC ต่ ากว่า 70 % โดยค่า FVC จะปกต
เช่น ในผู้ที่เป็นโรคหืด โรคถุงลมโป่งพองจากการสูบบุหรี่ โรคหลอดลมอักเสบ
เรื้อรัง
กลุ่มที่รูท่อทางเดินหายใจอุดตัน
กลุ่มที่ผนังท่อทางเดินหายใจบวมหรือหดตัว
กลุ่มที่มีแรงดันบริเวณรอบๆ นอกท่อทางเดินหายใจ
สรุป
การแลกเปลี่ยนก๊าซระดับปอด
มีองค์ประกอบ Ventilation “V” (การระบายอากาศ): Diffusion (การซึมผ่านของ
ก๊าซ Perfusion “Q” (การไหลเวียนของเลือด)
การประเมินสมรรถภาพการทำงานของปอด
การประเมินสมรรถภาพของระบบการหายใจ (Pulmonary function test)
ความผิดปกติของการหายใจ
Restrictive pulmonary function จากการขยายตัว (Expansion)ของปอดถูกจ ากัด
Obstructive pulmonary function จากรูท่อทางเดินหายใจอุดตัน
ภาวะหายใจล้มเหลว
การประเมินก๊าซในหลอดเลือดแดง (Arterial blood gas)
การประเมินก๊าซในเลื
นางสาวปาริชาติ ไตรยสุทธิ์UDA6380066